พบผลลัพธ์ทั้งหมด 358 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2171/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดในสถานการณ์คับขัน
คำให้การของพยานในชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่า จะรับฟังได้แต่เพียงเป็นพยานประกอบคำเบิกความของพยานในชั้นศาลเท่านั้นเมื่อโจทก์ไม่ได้ตัวพยานมาสืบคงส่งแต่คำให้การพยานชั้นสอบสวนเป็นพยานเท่านั้น จึงรับฟังไม่ได้
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนในที่เปลี่ยว พวกผู้เสียหาย3 คนอยู่ในวัยฉกรรจ์ร่วมกันจะแย่งทรัพย์สินของ อ. เมื่อจำเลยเข้ามาช่วยเหลือ พวกผู้เสียหายคนหนึ่งมีมีดวิ่งเข้ามาจะกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย จำเลยยิงปืนขู่ 1 นัด ผู้เสียหายกับพวกก็ไม่ยอมหยุด หากจำเลยไม่ยิง ก็เชื่อได้ว่าจะถูกแทงถึงตายได้ ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ ใกล้จะถึงการที่จำเลยยิงผู้เสียหายกับพวก 2 นัดเมื่อกระสุนปืนถูกผู้เสียหายล้มลง จำเลยก็มิได้กระทำอย่างใดอีกจนผู้เสียหายกับพวกวิ่งหนีไป ดังนี้ จำเลยได้กระทำพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยไม่มีความผิด
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนในที่เปลี่ยว พวกผู้เสียหาย3 คนอยู่ในวัยฉกรรจ์ร่วมกันจะแย่งทรัพย์สินของ อ. เมื่อจำเลยเข้ามาช่วยเหลือ พวกผู้เสียหายคนหนึ่งมีมีดวิ่งเข้ามาจะกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย จำเลยยิงปืนขู่ 1 นัด ผู้เสียหายกับพวกก็ไม่ยอมหยุด หากจำเลยไม่ยิง ก็เชื่อได้ว่าจะถูกแทงถึงตายได้ ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ ใกล้จะถึงการที่จำเลยยิงผู้เสียหายกับพวก 2 นัดเมื่อกระสุนปืนถูกผู้เสียหายล้มลง จำเลยก็มิได้กระทำอย่างใดอีกจนผู้เสียหายกับพวกวิ่งหนีไป ดังนี้ จำเลยได้กระทำพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและการใช้กำลังพอสมควรแก่เหตุเมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธ
ผู้ตายพกอาวุธปืนมาที่บ้านพักของจำเลย ถามจำเลยว่าเมื่อวานผ่านหน้าบ้านบีบแตรรถทำไม และบอกให้จำเลยออกไปนอกบ้านเป็นทำนองท้าทายชวนวิวาท ทั้งยิงจำเลยได้รับบาดเจ็บ จำเลยจึงคว้ามีดปอกผลไม้ตรงเข้าไปกอดปล้ำแย่งปืนและแทงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ หากจำเลยไม่เข้าแย่งปืนและแทงผู้ตาย อาจจะถูกผู้ตายยิงซ้ำอีกได้เพราะภยันตรายของจำเลยยังคงมีอยู่ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3030/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้ขวานทำร้ายจนถึงแก่ความตาย และการไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
จำเลยใช้ขวานด้ามยาว 80 เซนติเมตร หน้าขวานกว้าง 10 เซนติเมตร ฟันศรีษะผู้ตายที่บริเวณเหนือหูซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญอย่างแรงจนกะโหลกศรีษะแตก สมองบวมโลหิตไหลจนแพทย์ไม่สามารถห้ามโลหิตได้ ดังนี้ฟังได้ว่าจำเลยฟันโดยเจตนาฆ่า ที่จำเลยไม่ฟันซ้ำเมื่อผู้ตายล้มลงและอุ้มผู้ตายไปรอขึ้นรถไปโรงพยาบาลนั้นเป็นเหตุการณ์หลังจากจำเลยฟันผู้ตายแล้ว เป็นการกระทำไปโดยสำนึกในความผิดที่ทำไปแล้ว หาทำให้การกระทำของจำเลยที่กระทำก่อนหน้านั้นซึ่งเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย กลับเป็นการกระทำที่ขาดเจตนาฆ่าผู้ตายไม่
จำเลยเชื่อว่าต้นสะแบงที่ผู้ตายตัดมาไว้ที่นาของผู้ตายเป็นของจำเลยจึงเข้าไปพูดกับผู้ตาย ผู้ตายไม่ยอมรับว่าต้นสะแบงดังกล่าวตัดมาจากที่ดินของจำเลย และผู้ตายพูดกับจำเลยว่า "มึงจะไปที่ไหนก็ไป กูไม่กลัวมึงหรอก" จำเลยจึงใช้ขวานฟันผู้ตาย ถือไม่ได้ว่าขณะจำเลยจะใช้ขวานฟันผู้ตาย จำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72
จำเลยเชื่อว่าต้นสะแบงที่ผู้ตายตัดมาไว้ที่นาของผู้ตายเป็นของจำเลยจึงเข้าไปพูดกับผู้ตาย ผู้ตายไม่ยอมรับว่าต้นสะแบงดังกล่าวตัดมาจากที่ดินของจำเลย และผู้ตายพูดกับจำเลยว่า "มึงจะไปที่ไหนก็ไป กูไม่กลัวมึงหรอก" จำเลยจึงใช้ขวานฟันผู้ตาย ถือไม่ได้ว่าขณะจำเลยจะใช้ขวานฟันผู้ตาย จำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2426/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายและพยายามฆ่า แม้ไม่ได้ลงมือแทงเองก็เป็นตัวการ
การที่จำเลยทั้งสองร่วมกับพวกพากันไปทำร้ายพนักงานขับรถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพที่มีเรื่องกับพวกของจำเลย เมื่อพบผู้ตายและผู้เสียหายซึ่งแต่งเครื่องแบบพนักงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพก็ร่วมกันเข้าทำร้ายทันทีแม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้แทงผู้ตายและผู้เสียหาย ก็ถือ ว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการในการแทงทำร้ายด้วยเพราะจำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาร่วมกันมาแต่แรก ไม่ใช่กรณีต่างคนต่างทำร้ายโดยไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน
ผู้ตายถูกแทงมีบาดแผลที่บริเวณสีข้างซ้ายทะลุเข้าช่องท้องถูกลำไส้เล็ก ม้ามและกระเพาะอาหารทะลุ มีโลหิตตกในช่องท้อง ถึงแก่ความตายเกือบจะทันทีทันใด ส่วนผู้เสียหายศีรษะด้านขวาแตกยาว 3 เซนติเมตร หน้าอกแถบขวาและซ้ายระดับราวนมมีแผลยาว 1 เซนติเมตรลึกเข้าภายในมีโลหิตออกในช่องปอด แสดงว่าจำเลยกับพวกตีและแทงผู้ตายและผู้เสียหายที่อวัยวะสำคัญ แพทย์ผู้ชันสูตรบาดแผลเบิกความว่าถ้าผู้ถูกทำร้ายปอดแฟบหรือโลหิตออกมากก็อาจทำให้ตายได้ ซึ่งจำเลยกับพวกย่อมสามารถเล็งเห็นผลในการกระทำของตน จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ผู้ตายถูกแทงมีบาดแผลที่บริเวณสีข้างซ้ายทะลุเข้าช่องท้องถูกลำไส้เล็ก ม้ามและกระเพาะอาหารทะลุ มีโลหิตตกในช่องท้อง ถึงแก่ความตายเกือบจะทันทีทันใด ส่วนผู้เสียหายศีรษะด้านขวาแตกยาว 3 เซนติเมตร หน้าอกแถบขวาและซ้ายระดับราวนมมีแผลยาว 1 เซนติเมตรลึกเข้าภายในมีโลหิตออกในช่องปอด แสดงว่าจำเลยกับพวกตีและแทงผู้ตายและผู้เสียหายที่อวัยวะสำคัญ แพทย์ผู้ชันสูตรบาดแผลเบิกความว่าถ้าผู้ถูกทำร้ายปอดแฟบหรือโลหิตออกมากก็อาจทำให้ตายได้ ซึ่งจำเลยกับพวกย่อมสามารถเล็งเห็นผลในการกระทำของตน จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การทำร้ายก่อนโดยผู้ตายและพยาน ทำให้จำเลยต้องป้องกันตนเอง
ผู้ตายและ ส. โกรธจำเลยอย่างมากที่จำเลยอ้างว่ามีคนบอกว่าผู้ตายมีเฮโรอีนขายแต่หาตัวคนบอกไม่พบ จึงได้รุมทำร้ายจำเลยจนมีบาดแผลโลหิตไหลที่ปาก จำเลยได้ใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงผู้ตายเพื่อให้รอดพ้นจากอันตรายที่ถูกรุมทำร้าย แต่จำเลยแทงผู้ตายหลายที มีบาดแผลฉกรรจ์ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 167/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย: พฤติการณ์ร่วมวางแผนและลงมือ
จำเลยมาที่ร้านขายอาหารกับพวกเพราะมีเรื่องโต้เถียงกับ ก.พวกของจำเลยเข้าทำร้าย ก. จำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุ และหนีไปกับพวกจำเลยเป็นตัวการตามมาตรา 288 ร่วมกับพวกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2737/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ: การยิงเพื่อป้องกันชีวิตและร่างกาย
ผู้ตายทั้งสองขึ้นไปลักทรัพย์บนเรือในเวลากลางคืนโดยมีพวกหลายคน จำเลยซึ่งเป็นยามเฝ้าเรือร้องถาม ผู้ตายคนหนึ่งชักมีดโถมเข้าจะแทง จำเลยจึงใช้ปืนยิงไปทางผู้ตายหลายนัดในช่วงเวลาอันกระชั้นชิดนั้น ถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินกว่าเหตุ: จำเลยยิงผู้ทำร้ายด้วยไม้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบด้วยเหตุผล
ส. ใช้ไม้เหลี่ยมยาว 1 ศอก ตีจำเลย จำเลยใช้ปืนยิง2 นัด ส. ตายเป็นป้องกันเกินกว่าเหตุ แม้จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงหน้าที่โจทก์นำสืบตามฟ้อง เมื่อได้ความว่าจำเลยยิงป้องกัน แต่เกินกว่าเหตุศาลลงโทษและลดโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาเข้าร่วมกระทำผิด vs. เพียงอยู่ด้วยเฉยๆ ในคดีทำร้ายและฆ่าผู้อื่น
จำเลยที่ 1 ได้ร่วมไปกับ ค.และพวก บังคับขอเงินจาก ส.และ สุ. จนเกิดเหตุ ค.ใช้ขวานฟัน ส.แล้วหนีไปกับ ค.และพวก ต่อมาจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนมาด้วยกับ ค.และพวก เพื่อจะทำร้าย ส.และ สุ. อีก เมื่อผู้ตายซึ่งเป็นพวกของ ส.และ สุ. ขัดขวาง ค.กับพวกใช้ปืนยิงผู้ตาย แม้จะไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนยิงผู้ตายก็ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เจตนาร่วมกับ ค.และพวกกระทำผิด ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ได้อยู่ในวิวาทครั้งแรก ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ไม่มีอาวุธปืน การที่จำเลยที่ 2 เพียงแต่มาด้วยกับ ค.และพวกในครั้งหลังเท่านั้น ไม่มีข้อเท็จจริงให้เห็นว่าก่อน-หน้านั้นได้มีการสมคบจะมาทำร้ายหรือฆ่าผู้ตายอย่างใด ขณะเกิดเหตุคงยืนอยู่ด้วยเฉยๆ ไม่ได้พูดจาหรือแสดงอาการใดที่เป็นการร่วมกระทำกับจำเลยที่ 1 และคนอื่น ๆ จึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ได้ตั้งใจร่วมกับจำเลยที่ 1 และ ค.ที่จะยิงผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายต่อเนื่องกับการบุกรุก: ไม่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานโดยมีเจตนาจะทำร้ายร่างกาย เมื่อ ส.เปิดประตูห้องออกมา จำเลยยังลงบันไดไปเอามีดที่อยู่ข้างล่าง แล้วจึงใช้มีดนั้นแทง ส.แทนที่จะแทงทันที่ที่เปิดประตู ก็ยังถือไม่ได้ว่าการบุกรุกนั้นเป็นคนละตอนกับการทำร้ายร่างกาย เพราะได้กระทำโดยกระชั้นชิดติดต่อกันโดยมีเจตนาเพื่อจะทำร้ายร่างกาย จึงมิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน