คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ที่ดินสาธารณะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 125 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาครอบครองที่ดิน: การครอบครองโดยตั้งใจคืนเมื่อราชการต้องการ ยังไม่ถือเป็นการยึดถือเพื่อตน
เข้าครอบครองที่ดินรกร้างว่างเปล่าโดยตั้งใจว่า เมื่อทางราชการต้องการก็จะคืนไป เพียงมีเจตนาเท่านี้จะถือว่าไม่ได้ยึดถือโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนตามมาตรา 1367 หรือสละเจตนาครอบครองตามมาตรา 1377 ยังไม่ได้ เพราะตราบใดที่ทางราชการยังไม่ต้องการผู้นั้นก็ยังต้องการเอาไว้อยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิในที่ดินสาธารณะต้องเป็นไปตามกฎหมายที่ดินเท่านั้น การครอบครองไม่เพียงพอ
ที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน บุคคลจะได้มาซึ่งกรรมสิทธิได้ก็ฉะเพาะแต่การกระทำตามกฎหมายที่ดิน ดั่งที่ได้มีบทบังคับไว้ในมาตรา 1334 กฎหมายที่ดินดั่งว่านี้ได้มีปรากฎ เป็นบทบัญญัติใน พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดินเป็นลำดับมา จนถึงฉะบับที่ 7 พ.ศ. 2486
การร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ ซึ่งผู้ร้องได้ครอบครองมา 20 ปีเศษเป็นของผู้ร้องนั้น ได้มีมาตรา 13,15 แห่ง พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉะบับที่ 7) 2486 บังคับไว้แล้ว ส่วนการได้กรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 1382 ป.ม.แพ่งฯ นั้น ต้องเป็นทรัพย์ที่บุคคลมีกรรมสิทธิอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินสาธารณะต้องได้มาตามกฎหมายที่ดินเท่านั้น การครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ ไม่สามารถใช้ได้
ที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน บุคคลจะได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ได้ก็เฉพาะแต่การกระทำตามกฎหมายที่ดิน ดั่งที่ได้มีบทบังคับไว้ในมาตรา 1334 กฎหมายที่ดินดั่งว่านี้ได้มีปรากฏ เป็นบทบัญญัติใน พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดินเป็นลำดับมาจนถึงฉบับที่ 7 พ.ศ.2486
การร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ ซึ่งผู้ร้องได้ครอบครองมา 20 ปีเศษเป็นของผู้ร้องนั้น ได้มีมาตรา 13,15 แห่ง พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 7)2486บังคับไว้แล้ว ส่วนการได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 1382 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ต้องเป็นทรัพย์ที่บุคคลมีกรรมสิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญ
หมายเหตุได้ซ้อมความเข้าใจกับเจ้าของแล้วว่าท่านไม่ได้หมายความว่าการได้กรรมสิทธิ์ที่ดินแต่ก่อนๆ นั้นมีได้เฉพาะตามพ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน 2486

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งห้ามเข้าที่ดินสาธารณะและการขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
กรรมการอำเภอมีอำนาจประกาศหวงห้ามที่ดินว่างเปล่าไว้ปลูกสร้างสถานที่ราชการ
ผู้ใดเข้ามาอยู่ในที่ ๆ อำเภอประกาศหวงห้ามแล้วอำเภอสั่งให้+ ไม่ออกย่อมมีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินและการบังคับรื้อถอน
จำเลยปลูกเรือนลุกล้ำเข้าไปในที่สาธารณ กรมการอำเภอสั่งห้ามแลให้รื้อไป จำเลยไม่ยอม ต้องมีผิดตาม ม.334 ข้อ 2 แล 336 ข้อ 2 ป.พ.พ.ม.1304-1306 ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158-159/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิระบายน้ำ, ภาระจำยอม, ที่ดินสาธารณะกลายเป็นของเอกชน, การรุกล้ำที่ดิน, ความรับผิดของผู้รับเหมา
ที่ดิน ที่สาธารณกลายสภาพวิธีพิจารณาความแพ่ง หน้าที่นำสืบ +สาธารณตื้นเขินขึ้นและรัฐบาลขายให้แก่เอกชนแล้ว++ว่าเป็นสาธารณสมบัติต่อไป เจ้าของที่ดินต่ำจำจ้อง+น้ำซึ่งไหลตามธรรมดาจาก+มายังที่ของตน แต่ไม่จำต้องรับน้ำที่ใช้แล้วระบายทิ้ง เจ้าของทีดินทำท่อระบายน้ำผ่านที่ดินของผู้อื่นมานาน แต่ได้นำสืบว่าการระบายน้ำเช่นนั้นเป็นประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์ของตนแล้วจะอ้างภาระจำยอมไม่ได้ต้องให้เขาก่อตึกของตนรุกที่คนอื่น ในการก่อสร้างนั้นผู้รับจ้างให้ ตึกของเจ้าของที่แตกร้าว ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่เขา ลักษณพะยาน ผู้ชำนาญการพิเศษ +คำพะยาน พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ พ.ศ. ++++ ม. 4 +เดิมทุนทรัพย์เกินกว่าของ+บาทฎีกาข้อเท็จจริงได้ +คดีฟ้องแย้งซึ่งมีทุนทรัพย์+ของสันบาทฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิในที่ดินสาธารณะ แม้ได้รับโฉนดแล้ว ก็มิอาจอ้างเป็นเจ้าของได้
ทางเดิรสาธารณะอยู่ในโฉนดจำเลย ๆ ปิดเสีย มีผิดตามมาตราข้างบนที่ดินทางเดิรทางสาธารณะซึ่งใช้กันมานานแม้จำเลยจะได้รับโฉนดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ (เทียบฎีกาที่781/72) การฟ้องให้เปิดทางไม่ต้องฟ้องขอให้ทำลายโฉนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13241/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินสาธารณะ แม้ไม่ได้ระบุในคำพิพากษา หากมีคำพิพากษาลงโทษฐานบุกรุก
แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่ได้มีคำพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนต้นยางพาราและทรัพย์สินอื่นที่สร้างอยู่ในที่ดินพิพาทออกไปจากที่ดินพิพาทก็ตาม แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษตาม ป.ที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ วรรคสอง ซึ่ง ป.ที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสี่ บัญญัติว่า "ในกรณีที่มีคำพิพากษาว่าผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรานี้ ศาลมีอำนาจสั่งในคำพิพากษาให้ผู้กระทำความผิด คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของผู้กระทำความผิดออกไปจากที่ดินนั้นด้วย" จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวเห็นได้ว่า เมื่อศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตาม ป.ที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสอง ศาลย่อมมีอำนาจสั่งในคำพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินที่เข้าไปยึดถือ ครอบครอง ถมดิน ซึ่งย่อมมีความหมายรวมถึงให้จำเลยและบริวารรื้อถอนต้นไม้หรือสิ่งปลูกสร้างออกไปได้ด้วย ดังนี้ แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่ได้มีคำพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนต้นไม้หรือสิ่งปลูกสร้างในที่ดินพิพาทออกไปจากที่ดินพิพาทด้วยก็ตาม ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจบังคับให้จำเลยและบริวารรื้อถอนต้นไม้หรือสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาทตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ คำสั่งศาลชั้นต้นจึงชอบด้วยกฎหมายและศาลชั้นต้นมีอำนาจออกหมายบังคับคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17411/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะในโครงการจัดสรร ต้องไม่ขัดต่อภาระจำยอมและเจตนารมณ์ของกฎหมาย
การที่คณะกรรมการนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรจำเลยที่ 1 มีมติให้ก่อสร้างอาคารสำนักงานนิติบุคคลในที่ดินอันเป็นสวนสาธารณะโดยสมาชิกของโครงการหมู่บ้านจัดสรรเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบด้วยก็ตาม แต่ก็มีสมาชิกคัดค้านถึง 25 ราย การก่อสร้างอาคารดังกล่าวนอกจากเป็นการใช้สาธารณูปโภคคนละประเภทยังเป็นการขัดต่อวัตถุประสงค์ในการใช้สาธารณูปโภคตามที่ผู้จัดสรรได้จดทะเบียนไว้ ทั้งยังเป็นการขัดต่อ พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 มาตรา 44 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 43 วรรคหนึ่ง ที่ระบุให้หน้าที่ของจำเลยที่ 1 ที่ได้รับมอบที่ดินสวนสาธารณะจากผู้จัดสรรที่ดิน จะต้องบำรุงรักษาสาธารณูปโภคดังกล่าวที่มีอยู่แล้วให้คงสภาพดังเช่นที่ได้จัดทำขึ้นนั้นต่อไป และยังทำให้สภาพสวนสาธารณะเปลี่ยนแปลงไป พื้นที่สวนสาธารณะต้องลดลง ถือได้ว่าประโยชน์แห่งภาระจำยอมในการใช้สอยที่ดินดังกล่าวลดไปหรือเสื่อมความสะดวก แม้จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิกโดยส่วนรวม แต่ทั้งนี้สวนสาธารณะดังกล่าวตกอยู่ในภาระจำยอมของที่ดินทุกแปลงในโครงการ การเปลี่ยนแปลงการใช้สาธารณูปโภคจะทำให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมของที่ดินบางแปลงลดไปหรือเสื่อมความสะดวกไป ย่อมมิอาจกระทำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8033/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาบุกรุกที่ดินสาธารณะ - การครอบครองโดยสุจริตและต่อเนื่อง ย่อมไม่ถือว่ามีเจตนาบุกรุก
นายอำเภอท่ายางออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) สำหรับที่ดินพิพาทให้แก่ ม. และ ย. ในปี 2520 ในที่ดินพิพาทมีโรงสีและบ้านของ ม. ปลูกสร้างอยู่โดยไม่มีชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยชน์ใดๆ ในที่ดินพิพาทในลักษณะที่เป็นสาธารณะมานานแล้ว ย่อมเป็นเหตุให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่า ม. และ ย. มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทและจำเลยยอมเสียค่าตอบแทนเป็นเงินถึง 120,000 บาท ในการซื้อที่ดินพิพาทจาก ม. และ ย. ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยเข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยไม่มีเจตนาที่จะบุกรุกที่ดินอันเป็นสาธารณประโยชน์แต่อย่างใด ถึงแม้ต่อมาจำเลยจะได้ทราบจากหนังสือของนายอำเภอท่ายางว่าที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของศาลาสระน้ำหนองขานางสาธารณประโยชน์ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินก็เป็นเพียงหลักฐานที่ยังยันกันอยู่กับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ที่เป็นเอกสารสิทธิของที่ดินพิพาท ทั้งจำเลยก็มิได้ออกจากที่ดินที่พิพาทและกลับเข้าไปยึดถือครอบครองใหม่ แต่ครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเดียวกันตลอดมาโดยจำเลยเข้าใจมาแต่ต้นว่าตนมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทซึ่งไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุกที่ดินพิพาท การที่จำเลยอยู่ในที่ดินพิพาทตลอดมาด้วยเจตนาเดิมและด้วยการกระทำที่ไม่เป็นความผิดมาตั้งแต่แรก จึงไม่อาจถือว่าจำเลยเกิดเจตนาบุกรุกขึ้นมาใหม่หลังจากทราบจากนายอำเภอท่ายางว่าที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
of 13