คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
นำสืบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 271 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3582/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบหักล้างข้ออ้างของจำเลย & การเปลี่ยนแปลงหนี้: โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ประเด็นนิติกรรมอำพรางได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับหนังสือพิมพ์จากโจทก์ไปจำหน่ายแล้วค้างชำระราคา ขอให้บังคับจำเลยชำระ จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่เคยรับหนังสือพิมพ์จากโจทก์ แต่ ส. เป็นผู้รับจากโจทก์ไปจำหน่าย และโจทก์กับ ส. ได้ประนีประนอมยอมความกันโดย ส. ได้ทำสัญญากู้เอกสารหมาย จ. 3 ให้โจทก์ไว้และส. จะผ่อนชำระให้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยจะต้องรับผิดตามฟ้องหรือไม่ ดังนี้ โจทก์มีสิทธินำสืบถึงความเป็นมาของสัญญากู้เอกสารหมาย จ. 3 ว่าการที่โจทก์ยอมให้ ส. ทำสัญญากู้ไว้กับโจทก์เพราะจำเลยขอร้องให้ช่วยทำแทนจำเลย ส. จึงเป็นตัวแทนของจำเลย เพื่อหักล้างข้ออ้างของจำเลยได้ ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น เพราะประเด็นข้อพิพาทมิใช่เกิดจากคำฟ้องฝ่ายเดียว ย่อมเกิดจากคำให้การได้ด้วย ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 และจำเลยเท่านั้นมีหน้าที่รับหรือปฏิเสธข้ออ้างของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามมาตรา 177 วรรคสอง ฉะนั้น การที่จำเลยให้การต่อสู้คดีมีข้ออ้างบางประการขึ้นมานั้น โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องบรรยายฟ้องเพิ่มเติม แถลงรับ หรือปฏิเสธข้ออ้างเช่นว่านั้นของจำเลยซ้อนขึ้นมาอีก ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยรับหนังสือพิมพ์จากโจทก์ไปจำหน่ายแต่ ส. ได้ยอมผูกพันตนเข้าทำสัญญากู้เอกสารหมาย จ. 3 เป็นหนี้โจทก์และจะผ่อนชำระจึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่หนี้ของจำเลยระงับพิพากษายกฟ้องโจทก์โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์ว่าสัญญากู้เอกสารหมาย จ.3 เป็นนิติกรรมอำพรางดังที่โจทก์นำสืบและไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3582/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบหักล้างข้ออ้างของจำเลยที่ไม่ใช่ประเด็นจากฟ้อง โจทก์มีสิทธิได้ แม้ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงคำฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับหนังสือพิมพ์จากโจทก์ไปจำหน่ายแล้วค้างชำระราคา ขอให้บังคับจำเลยชำระ จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่เคยรับหนังสือพิมพ์จากโจทก์ แต่ ส. เป็นผู้รับจากโจทก์ไปจำหน่าย และโจทก์กับ ส. ได้ประนีประนอมยอมความกันโดย ส. ได้ทำสัญญากู้เอกสารหมาย จ. 3 ให้โจทก์ไว้และส. จะผ่อนชำระให้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยจะต้องรับผิดตามฟ้องหรือไม่ดังนี้โจทก์มีสิทธินำสืบถึงความเป็นมาของสัญญากู้เอกสารหมายจ. 3 ว่าการที่โจทก์ยอมให้ ส. ทำสัญญากู้ไว้กับโจทก์เพราะจำเลยขอร้องให้ช่วยทำแทนจำเลย ส. จึงเป็นตัวแทนของจำเลย เพื่อหักล้างข้ออ้างของจำเลยได้ ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น เพราะประเด็นข้อพิพาทมิใช่เกิดจากคำฟ้องฝ่ายเดียว ย่อมเกิดจากคำให้การได้ด้วย ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 และจำเลยเท่านั้นมีหน้าที่รับหรือปฏิเสธข้ออ้างของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามมาตรา 177 วรรคสอง ฉะนั้น การที่จำเลยให้การต่อสู้คดีมีข้ออ้างบางประการขึ้นมานั้น โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องบรรยายฟ้องเพิ่มเติม แถลงรับ หรือปฏิเสธข้ออ้างเช่นว่านั้นของจำเลยซ้อนขึ้นมาอีก ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยรับหนังสือพิมพ์จากโจทก์ไปจำหน่ายแต่ ส. ได้ยอมผูกพันตนเข้าทำสัญญากู้เอกสารหมาย จ. 3 เป็นหนี้โจทก์และจะผ่อนชำระจึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่หนี้ของจำเลยระงับพิพากษายกฟ้องโจทก์โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์ว่าสัญญากู้เอกสารหมายจ.3 เป็นนิติกรรมอำพรางดังที่โจทก์นำสืบและไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3446/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยมีหน้าที่นำสืบข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ตนเองกล่าวอ้าง
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2. ซึ่งได้เอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 3 ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสามให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 3 ให้การรับว่าได้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ไว้จริง แต่จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย เพราะจำเลยที่ 1 ผู้ขับขี่รถยนต์คันนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ได้ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย ข้ออ้างดังกล่าวจำเลยที่ 3 เป็นฝ่ายกล่าวอ้างขึ้นในคำให้การ จึงมีหน้าที่นำสืบในข้อนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3228/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้โดยบุคคลภายนอก - ข้อจำกัดการนำสืบ - ใบเสร็จรับเงิน
จำเลยเป็นลูกหนี้เงินกู้ของธนาคารโจทก์ การที่จำเลยนำสืบว่าผู้เช่าซื้อที่ดินจัดสรรจากจำเลย ได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ดินแก่ธนาคารโจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อให้ธนาคารโจทก์นำเข้าบัญชีหักหนี้เงินกู้ดังกล่าวโดยมี ส. เจ้าหน้าที่ธนาคารโจทก์เป็นผู้รับเงินนั้นเท่ากับนำสืบว่าจำเลยให้บุคคลภายนอกชำระหนี้นั้นด้วยเงินแทนจำเลย เมื่อจำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้มีอำนาจทำการแทนธนาคารโจทก์มาแสดง หรือได้มีการคืนสัญญากู้หรือได้มีการแทงเพิกถอนสัญญากู้นั้นแล้ว ทั้งการรับเงินค่าเช่าซื้อที่ดินก็ปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงินมอบให้ ส. ไว้เพื่อเก็บเงินแทนจำเลยหาใช่เป็นใบเสร็จรับเงินของธนาคารโจทก์ไม่ ดังนี้ข้อนำสืบของจำเลยเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง รับฟังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2386/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบการชำระหนี้ในคดีสัญญากู้ยืม: จำเลยมีสิทธิแสดงหลักฐานแม้โจทก์ไม่ยอมแทนเพิกถอน
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ จำเลยให้การว่าได้ทำสัญญาจริง แต่ได้ชำระหนี้แล้ว โจทก์ไม่ยอมแทงเพิกถอนและไม่ยอมคืนหนังสือสัญญา ดังนี้ เป็นการเพียงพอที่จะนำสืบตามข้อกล่าวอ้างได้แล้ว ไม่จำต้องบรรยายรายละเอียดแห่งการชำระหนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องนำสืบต่อไป จำเลยอาจมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อโจทก์มาแสดงต่อศาลก็ได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวพันกับการค้ำประกันและจำนอง: ศาลอนุญาตได้หากเชื่อมโยงกับเหตุแห่งการทำสัญญา
โจทก์ฟ้องไล่เบี้ยจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ค้ำประกัน และผู้จำนองประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของจำเลย การที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์จำเลยและบุคคลอื่นเข้าหุ้นส่วนกันรับเหมาก่อสร้างโรงเรียน อันเป็นการนำสืบถึงความเกี่ยวพันระหว่างบุคคลอันเป็นเหตุชักนำให้โจทก์เข้าทำสัญญาค้ำประกันและจำนอง โจทก์ย่อมนำสืบได้โดยไม่จำเป็นต้องกล่าวไว้ในฟ้อง และการนำสืบถึงข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ประเด็นดังกล่าวนี้ หาจำต้องนำสืบถึงรายละเอียดและแสดงพยานหลักฐานการลงหุ้น การประมูลการก่อสร้างหรือรายละเอียดอย่างอื่นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อเท็จจริงที่นำไปสู่สัญญาค้ำประกันและจำนอง แม้ไม่ได้กล่าวในฟ้องก็ทำได้ หากเกี่ยวข้องกับเหตุชักนำ
โจทก์ฟ้องไล่เบี้ยจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันและผู้จำนองประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของจำเลย การที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์จำเลยและบุคคลอื่นเข้าหุ้นส่วนกันรับเหมาก่อสร้างโรงเรียน อันเป็นการนำสืบถึงความเกี่ยวพันระหว่างบุคคลอันเป็นเหตุชักนำให้โจทก์เข้าทำสัญญาค้ำประกันและจำนอง โจทก์ย่อมนำสืบได้โดยไม่จำเป็นต้องกล่าวไว้ในฟ้อง และการนำสืบถึงข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ประเด็นดังกล่าวนี้ หาจำต้องนำสืบถึงรายละเอียดและแสดงพยานหลักฐานการลงหุ้น การประมูลการก่อสร้างหรือรายละเอียดอย่างอื่นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่ไม่สมบูรณ์: การนำสืบข้อต่อสู้ว่าไม่มีการกู้เงินจริง แม้มีเอกสารสัญญากู้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญา จำเลยให้การต่อสู้คดีว่ามิได้รับเงินกู้ โดยอ้างเหตุว่าโจทก์ซึ่ง เป็นบิดาของภริยาจำเลยตกลงกันว่า โจทก์จะจัดหาเงินมาทำการฌาปนกิจศพภริยาจำเลยแล้วจะนำเงินที่มีผู้มาช่วยงานศพใช้เงินที่โจทก์จ่ายไปในการจัดงาน โจทก์จึงให้จำเลยทำสัญญากู้ไว้ เพื่อป้องกันมิให้จำเลยอ้างสิทธิในเงินที่มีผู้มาช่วย และโจทก์ได้รับเงินที่มีผู้นำมาช่วยงานศพไปแล้ว ดังนี้ ถ้าเป็นจริงดังกล่าวมูลหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลยก็ยังไม่เกิดขึ้น สัญญากู้ที่ทำกันย่อมไม่สมบูรณ์ไม่มีผลบังคับ เท่ากับเป็นการต่อสู้ว่าสัญญาหรือหนี้ที่ระบุไว้ในเอกสารไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคสอง จำเลยจึงมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่ไม่สมบูรณ์: การนำสืบข้อต่อสู้เรื่องเหตุผลในการทำสัญญาและการไม่ได้รับเงินกู้
หนังสือสัญญากู้มีข้อความว่า จำเลยได้รับเงินกู้ไปเสร็จแล้วในวันทำสัญญา จำเลยให้การต่อสู้ว่ามิได้รับเงินกู้ เพราะโจทก์ซึ่งเป็นบิดาของภริยาจำเลยกับจำเลยได้ตกลงกันว่า โจทก์จะจัดการฌาปนกิจศพภริยาจำเลยและจะนำเงินซึ่งมีผู้มาช่วยงานศพมาใช้คืนโจทก์ โจทก์จึงให้จำเลยทำสัญญากู้ไว้เพื่อป้องกันมิให้จำเลยอ้างสิทธิในเงินที่มีผู้มาช่วย และโจทก์ได้รับเงินที่มีผู้มาช่วยงานศพไปแล้ว ดังนี้ ถ้าข้อเท็จจริงเป็นดังที่จำเลยต่อสู้มูลหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยก็ไม่เกิดขึ้น สัญญากู้ที่ทำกันระหว่างโจทก์และจำเลยย่อมไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับเท่ากับเป็นการนำสืบว่าสัญญาหรือหนี้ที่ระบุไว้ในเอกสารไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรค2 จำเลยจึงมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานเอกสารสำเนาที่ศาลอนุญาต และการนำสืบข้อเท็จจริงที่แตกต่างจากที่กล่าวอ้างในฟ้อง
แม้เอกสารที่โจทก์อ้างส่งจะเป็นสำเนา แต่โจทก์ก็ได้ส่งต้นฉบับเพื่อให้ศาลตรวจดูแล้ว และศาลอนุญาตให้โจทก์ส่งสำเนาแทนได้ จึงถือว่าสำเนาเอกสารนั้นถูกต้องรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยเป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ แต่นำสืบว่า ศ.เป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ โจทก์นำสืบได้ว่า ศ. ว่าจ้างโจทก์แทนจำเลย ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
of 28