พบผลลัพธ์ทั้งหมด 339 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2184/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหรือไม่: ทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด ความรุนแรงของบาดแผลและพฤติการณ์เป็นปัจจัยสำคัญ
ผู้เสียหายกับจำเลยเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกัน สาเหตุเกิดเพราะผู้เสียหายห้ามไม่ให้จำเลยยุ่งเกี่ยวกับหลานสาวที่ริมคลอง เมื่อเดินกลับมาบ้าน จำเลยเข้ารัดคอผู้เสียหายและใช้เหล็กขูดชาฟท์เฉพาะตัวเหล็กยาว 3 นิ้วเศษแทงที่ช่องกระดูกหน้าอกและช่องซี่โครงบาดแผลยาวแห่งละ 0.5 เซนติเมตร ลึกครึ่งเซนติเมตร ไม่มีเลือดหรือลมในช่องปอดรักษาที่ โรงพยาบาล 2 วันก็กลับบ้านไปโรงเรียนได้ตามปกติ และรวมเวลารักษาตัวเพียง 7 วัน ดังนี้ ตามพฤติการณ์และบาดแผลยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า คงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบตัวและให้การยอมรับผิดของผู้ต้องหาเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ แม้จะมีบาดแผลแต่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้
จำเลยที่ 1 ถูกกระสุนปืนของเจ้าทรัพย์ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังสามารถเดินไปไหนได้ จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานและให้การชั้นสอบสวนยอมรับว่า ได้ขึ้นไปและถูกยิงบนบ้านที่เกิดเหตุ ดังนี้ เป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ซึ่งนับว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษที่ศาลจะลดโทษให้จำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบตัวและให้การยอมรับผิดช่วยบรรเทาโทษคดีปล้นทรัพย์ได้ แม้จะมีบาดแผลแต่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้
จำเลยที่ 1 ถูกกระสุนปืนของเจ้าทรัพย์ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังสามารถเดินไปไหนได้ จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานและให้การชั้นสอบสวนยอมรับว่า ได้ขึ้นไปและถูกยิงบนบ้านที่เกิดเหตุ ดังนี้ เป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ซึ่งนับว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษที่ศาลจะลดโทษให้จำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2493/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตรวจศพผู้ตายในคดีอาญา: ศาลอุทธรณ์ไม่จำเป็นต้องเผชิญสืบหากมีพยานหลักฐานยืนยันบาดแผล
เมื่อการพิจารณาคดีได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยเฉพาะการตรวจศพผู้ตายได้มีแพทย์มาเบิกความยืนยันว่า ผู้ตายมีบาดแผลตามรายงานการชันสูตรพลิกศพ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ไปเผชิญสืบตรวจศพผู้ตายตามคำขอของจำเลย จึงไม่ผิดกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่าในคดีปล้นทรัพย์ การพิจารณาจากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยที่ 1 กับพวกใช้มีดปลายแหลมของกลางเล่มเดียวซึ่งมีความยาวทั้งด้ามและตัวมีดประมาณ 1 ฟุต แทงประทุษร้ายผู้เสียหายในการปล้นทรัพย์ จนผู้เสียหายตกจากรถจักรยานยนต์และช่วยกันลากผู้เสียหายเข้าป่าข้างทาง แล้วเอาปืนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายพาหนีไป ฝ่ายคนร้ายมีถึง 3 คนมีกำลังเหนือกว่าผู้เสียหายมาก หากมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้วย่อมมีโอกาสทำได้ แต่จำเลยที่ 1 กับพวกก็หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ บาดแผลของผู้เสียหายรวม 8 แผล แพทย์มีความเห็นว่ารักษา 10 วันหาย แสดงว่าเป็นบาดแผลเล็กน้อยไม่ทำให้ผู้เสียหายถึงตายเพราะไม่ถูกที่สำคัญ เช่นนี้จำเลยที่ 1 มิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เพียงมีเจตนาทำร้ายเท่านั้นจึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่ไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่าในคดีปล้นทรัพย์ ศาลพิจารณาจากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยที่ 1 กับพวกใช้มีดปลายแหลมของกลางเล่มเดียวซึ่งมีความยาวทั้งด้ามและตัวมีดประมาณ 1 ฟุตแทงประทุษร้ายผู้เสียหายในการปล้นทรัพย์ จนผู้เสียหายตกจากรถจักรยานยนต์และช่วยกันลากผู้เสียหายเข้าป่าข้างทาง แล้วเอาปืนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายพาหนีไป ฝ่ายคนร้ายมีถึง 3 คนมีกำลังเหนือกว่าผู้เสียหายมากหากมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้วย่อมมีโอกาสทำได้ แต่จำเลยที่ 1 กับพวกก็หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ บาดแผลของผู้เสียหายรวม 8 แผล แพทย์มีความเห็นว่ารักษา 10 วันหาย แสดงว่าเป็นบาดแผลเล็กน้อยไม่ทำให้ผู้เสียหายถึงตาย เพราะไม่ถูกที่สำคัญ เช่นนี้จำเลยที่ 1 มิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เพียงมีเจตนาทำร้ายเท่านั้น จึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่ไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินความรุนแรงของบาดแผล: ซี่โครงหัก 2 ซี่ ไม่ถือเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยใช้เท้าเตะผู้เสียหายซี่โครงด้านขวาซี่ที่ 7 และที่ 8 หัก แพทย์ลงความเห็นว่ารักษาประมาณ 40 วันหาย ทางโรงพยาบาลจ่ายยาให้ผู้เสียหายไป โดยไม่ได้ให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทั้งไม่ได้ความว่าผู้เสียหายรักษาตัวที่บ้านกี่วันจึงหายเป็นปกติ และไม่สามารถประกอบกรณียกิจตามปกติได้เพียงใด จึงยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายถึงสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีด ศาลพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยกับพวกประมาณ 4-5 คนได้เข้ามาพูดจาหาเรื่องวิวาทกับผู้เสียหายโดยพวกจำเลยคนหนึ่งถามผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายตอบก็ชกผู้เสียหายแล้วชักมีดออกมาแทงที่ท้อง ขณะผู้เสียหายยืนงงอยู่ พวกของจำเลยอีกคนหนึ่งก็เข้ามาแทงซ้ำที่หน้าอก โดยจำเลยกับพวกที่เหลือกันพวกผู้เสียหายไว้ไม่ให้เข้าไปช่วย เป็นการแทงโดยมีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายมีบาดแผลที่หน้าท้องส่วนบนขวายาว 2 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร ลึกเข้าไปในช่องท้องถูกลำไส้เล็ก แผลที่หน้าอกขวายาว 2 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร ลึก 0.5 เซนติเมตร แพทย์ผู้ให้การรักษาเบิกความว่าต้องผ่าหน้าท้องเพื่อเย็บเส้นเลือดและลำไส้เล็กที่ขาดภายใน เลือดตกในช่องท้อง 150 ลูกบาศก์เซนติเมตรแผลที่หน้าอกติดซี่โครง ถ้าไม่ติดซี่โครงก็ทะลุปอดถ้ารักษาไม่ทันตายแน่นอน ลักษณะการแทงและผลการรักษาส่อแสดงว่ามีเจตนาจะฆ่าให้ตาย จำเลยกับพวกต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลจากมีดดาบไม่ถึงอันตรายแก่กาย
บาดแผลถูกฟันด้วยมีดดาบ 2 แผล กว้าง 1 ซ.ม. ยาว 2 ซ.ม.ลึกหนังถลอก ไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กายตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา391
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราและพยายามฆ่า: เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า พิจารณาจากบาดแผลและการกระทำ
จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอายุ 9 ปี แล้วจึงทำร้ายเพื่อปกปิดความผิดของตน โดยใช้ไม้ไผ่ที่ปลายมีตาแหลมคมขนาดกลมโตวัดโดยรอบที่โคนไม้ 6 เซนติเมตรครึ่งที่ปลายไม้ 5 เซนติเมตร ยาว 1 เมตรและอีกอันหนึ่งที่โคนไม้ 4 เซนติเมตรครึ่ง ที่ปลายไม้ 4 เซนติเมตรแทงที่คอมีโลหิตไหลกระทืบที่หน้าและท้องจนสลบ ปรากฏบาดแผลรวม 10 แห่ง คือ แก้มซ้าย หางตาซ้าย ในปากริมฝีปาก คอ ไหปลาร้าโดยเฉพาะที่ไหปลาร้าซ้ายฉีกขาดกว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร คอด้านซ้ายฉีกขาด กว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตรคอด้านขวาแผลที่ 1 ฉีกขาดกว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 1 เซนติเมตรแผลที่ 2 กว้าง 0.2 เซนติเมตรยาว 2 เซนติเมตร จำเลยเชื่อว่าผู้เสียหายตายแล้วจึงหลบหนีไป ดังนี้ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า หาใช่เป็นเพียงเจตนาทำร้ายไม่
ในกระทงความผิดข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ในกระทงความผิดข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218