พบผลลัพธ์ทั้งหมด 257 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3684/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยการขอเลื่อนนัดและไม่นำสืบพยาน ศาลมีอำนาจงดสืบพยานได้
ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องครั้งแรกทนายผู้ร้องมาศาลขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุป่วยเจ็บ ในนัดที่ 2 ทนายผู้ร้องขอส่งประเด็นไปสืบพยานทุกคนที่ศาลอื่นโดยทนายผู้ร้องจะเป็นผู้จัดส่งหมายเรียกพยานเองหากส่งหมายให้พยานไม่ได้หรือพยานไม่มาศาลให้ถือว่าไม่ติดใจสืบพยานที่ไม่มาศาล ครั้นถึงวันนัดสืบพยานประเด็นทนายผู้ร้องก็ขอเลื่อนอีก โดยอ้างเหตุป่วยเจ็บและไม่ปรากฏว่านอกจากตัวผู้ร้องแล้วพยานอื่นที่ได้ขอหมายเรียกได้มาศาล ทั้งเมื่อผู้ร้องรับหมายเรียกพยานไปส่งแล้วก็ไม่ได้แจ้งผลการส่งหมายทนายโจทก์แถลงคัดค้านการขอเลื่อนคดีและขอให้ผู้ร้องซึ่งอ้างตนเองเป็นพยานเข้าเบิกความแต่ผู้ร้องก็ปฏิเสธไม่ยอมเข้าเบิกความ ศาลรับประเด็นจึงส่งประเด็นคืนเช่นนี้ เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าผู้ร้องจงใจประวิงคดีให้ชักช้าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานผู้ร้องชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3662/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการตัดพยาน: เหตุจำเป็นต้องชัดเจนและต่อเนื่อง
ป.วิ.พ. มาตรา 40 มีเจตนารมณ์ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยมิชักช้า การเลื่อนคดีก็อนุญาตให้เลื่อนคดีได้เพียงครั้งเดียว คู่ความที่ได้รับอนุญาตให้เลื่อนคดีไปแล้วจะขอเลื่อนคดีอีกได้ก็ต่อเมื่อเข้าข้อยกเว้น คือมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ จำเลยเคยขอเลื่อนคดีมาแล้วด้วยเหตุพยานจำเลยติดธุระมาศาลไม่ได้ และในนัดก่อนศาลได้กำชับว่าหากจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะเหตุเกี่ยวกับพยานจำเลยอีกจะถือว่าจำเลยประวิงคดี แต่เมื่อถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกครั้งนี้อ้างว่าทนายจำเลยติดธุระสำคัญมาศาลไม่ได้ โดยไม่ปรากฏว่าติดธุระอะไรและสำคัญเร่งด่วนอย่างไร พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยประวิงคดี ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีอีกจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3214/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต้องมีเหตุผลพิเศษ มิใช่เกิดจากความขัดแย้งกับทนาย หรือการประวิงคดี
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไป 7 วัน ครั้นถึงวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนาย และจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 10 วัน อ้างว่าทนายจำเลยที่ 1 ถอนตัว ไม่อาจหาทนายใหม่ได้ทัน เป็นพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางประวิงคดี ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3214/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต้องมีเหตุพิเศษ มิใช่ประวิงคดีหรือความขัดแย้งทนายความ
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไป 7 วันครั้นถึงวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนาย และจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 10 วัน อ้างว่าทนายจำเลยถอนตัว ไม่อาจหาทนายใหม่ได้ทันเป็นพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางประวิงคดีถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันจะเป็นเหตุให้ศาลมีอำนาจขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้จำเลยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3214/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต้องมีเหตุพิเศษจริง การประวิงคดีไม่อาจใช้เป็นเหตุขยายได้
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไป 7 วัน ครั้นถึง วันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ ทนายจำเลยที่ 1ยื่นคำร้องขอถอนตัว จากการเป็นทนาย และจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 10 วัน อ้างว่าทนายจำเลยที่ 1ถอนตัว ไม่อาจหาทนายใหม่ได้ ทัน เป็นพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางประวิงคดี ถือ ไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยจำเลย และการงดสืบพยานตามคำรับรอง ศาลชอบด้วยกระบวนพิจารณา
จำเลยที่ 3 ระบุอ้างพยานบุคคลไว้ตาม บัญชีพยานร่วม 3 ปากคือ ตัว จำเลยที่ 3 ต. และ พ. โดยระบุว่า พ. เป็นพยานหมาย การนัดสืบพยานนัดแรกจำเลยที่ 3 ก็ขอเลื่อนคดี นัดที่สองและที่สามก็คงนำพยานมาสืบเพียงครั้งละ 1 ปาก ทั้งที่ในนัดที่สองจำเลยที่ 3 สามารถจะขอให้ศาลหมายเรียก พ. มาสืบได้ ดังนี้การที่จำเลยที่ 3 เพิ่งขอหมายเรียกให้ พ. มาศาลในนัดที่สามก่อนวันนัดเพียง 6 วันแล้วอ้างว่าส่งหมายเรียกไม่ได้ ขอเลื่อนคดอีก อันเป็นการขัดต่อ คำรับรองของจำเลยที่ 3 ที่แถลงไว้นัดก่อนว่าถ้า พยานไม่มาศาลก็ให้ถือ ว่าไม่ติดใจสืบนั้นแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ดำเนิน กระบวนพิจารณาในลักษณะประวิงคดี จึงไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้จำเลยที่ 3 เลื่อนคดีอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยจำเลย การตัดพยาน และการกลับคำพิพากษา
ในวันนัดสืบพยานจำเลยที่ 1 นัดแรก จำเลยที่ 1 ไม่มีพยานมาศาล ศาลอนุญาตให้เลื่อนการนั่งพิจารณาโดยกำชับว่าจะไม่อนุญาตให้เลื่อนการนั่งพิจารณาอีกและให้จำเลยที่ 1นำพยานมาสืบให้เสร็จในนัดต่อไป ครั้นถึงวันนัดจำเลยที่ 1 เบิกความเป็นพยานด้วยตนเอง และขอส่งประเด็นไปสืบพยานจำเลยที่ 1 ยังศาลอื่นอีก 2 ศาลในประเด็นที่จำเลยที่ 1ได้เบิกความไปแล้ว เช่นนี้ เป็นพฤติการณ์ประวิงคดี ชอบที่ศาลจะไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานและให้ตัดพยานที่จำเลยที่ 1 ประสงค์จะสืบต่อไป.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยจำเลย ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตเลื่อนการสืบพยานและตัดพยานที่จำเลยขอสืบเพิ่มเติม
ในวันนัดสืบพยานจำเลยที่ 1 นัดแรก ซึ่งจำเลยที่ 1 ทราบล่วงหน้าเกือบ 2 เดือน ไม่มีพยานมาศาล ทนายจำเลยที่ 1 แถลงว่าจะสืบพยาน 4 ปาก คือ จำเลยที่ 1, ป., ส. และ ก. มิได้กล่าวอ้างว่าจะต้องส่งประเด็นไปสืบ ป.ที่ศาลอื่น ทั้งมิได้กล่าวถึง พ.ด้วยศาลให้เลื่อนคดีให้จำเลยที่ 1 มีเวลาเตรียมพยาน 1 เดือนเศษโดยกำชับไว้ว่าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่ากรณีใด ๆ จะให้สืบพยานเท่าที่สามารถนำมาศาลได้ ครั้นถึงวันนัด จำเลยที่ 1 สืบพยานได้เพียงตัวเองแล้วแถลงว่ายังติดใจสืบ ป. และ พ.ซึ่งจะส่งประเด็นไปสืบที่ศาลอื่นในข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 1 ได้เบิกความไว้แล้ว ตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 ประวิงคดี ศาลไม่ให้เลื่อนคดีและให้ตัดพยานที่จะสืบต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วยและการประวิงคดี ศาลต้องพิจารณาเหตุผลสมควรและพฤติการณ์ประกอบ
ทนายจำเลยป่วยขอเลื่อนคดีและมีใบรับรองแพทย์มาแสดง เมื่อโจทก์ไม่ค้านหรือโต้เถียงว่าทนายจำเลยไม่ป่วยจริง จึงต้องฟังว่าทนายจำเลยป่วย และความเจ็บป่วยเป็นความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ เหตุของเลื่อนคดีของทนายจำเลยจึงมีเหตุสมควรที่จะให้เลื่อนได้
จำเลยมาศาลทุกนัดเพิ่งไม่มาศาลตามคำสั่งนัดแรกเพราะอาจเห็นว่าทนายจำเลยป่วยและทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนแล้ว และหากจำเลยมาศาลโจทก์จำเลยไม่อาจตกลงกันได้ศาลก็ไม่อาจสืบพยานไปได้ ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยประวิงคดีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงไม่ชอบ.(ที่มา-ส่งเสริม)
จำเลยมาศาลทุกนัดเพิ่งไม่มาศาลตามคำสั่งนัดแรกเพราะอาจเห็นว่าทนายจำเลยป่วยและทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนแล้ว และหากจำเลยมาศาลโจทก์จำเลยไม่อาจตกลงกันได้ศาลก็ไม่อาจสืบพยานไปได้ ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยประวิงคดีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงไม่ชอบ.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วยและการประวิงคดี ศาลต้องพิจารณาเหตุผลสมควรและพฤติการณ์โดยรวม
ทนายจำเลยป่วยขอเลื่อนคดีและมีใบรับรองแพทย์มาแสดง เมื่อโจทก์ไม่ค้านหรือโต้เถียงว่าทนายจำเลยไม่ป่วยจริง จึงต้องฟังว่าทนายจำเลยป่วยและความเจ็บป่วยเป็นความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ เหตุขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยจึงมีเหตุสมควรที่จะให้เลื่อนได้ จำเลยมาศาลทุกนัด เพิ่งไม่มานัดที่ศาลสั่งให้คู่ความมาศาลเป็นนัดแรก เพราะอาจเห็นว่าทนายจำเลยป่วยและทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนแล้ว และหากจำเลยมาศาลโจทก์จำเลยไม่อาจตกลงกันได้ศาลก็ไม่อาจสืบพยานไปได้ ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยประวิงคดีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงไม่ชอบ