พบผลลัพธ์ทั้งหมด 178 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกาที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำเลยต่อสู้เพียงว่า มิได้เป็นคนร้ายลักทรัพย์ ต่อมาในชั้นฎีกา จำเลยฎีกาว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของจำเลย ถ้าจะมีความผิดก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แต่ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 334 ถือได้ว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับคำฟ้อง ชอบที่จะยกฟ้อง ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของจำเลยนั้น ไม่ได้ยกขึ้นว่าในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างอิงจึงไม่เกิดขึ้น ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225(อ้างฎีกาที่ 1478/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: ประเด็นใหม่นอกเหนือจากที่ยกขึ้นในศาลชั้นต้น แม้ศาลล่างวินิจฉัยก็เป็นเรื่องนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายที่พิพาทให้โจทก์ แล้วจำเลยทั้งสองสบคบกันโอนที่พิพาทให้เป็นชื่อจำเลยที่ 2 โดยรู้ว่าเป็นทางทำให้โจทก์เสียเปรียบ ขอให้เพิกถอนเสีย จำเลยทั้งสองให้การว่าจำเลยที่ 2 ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์ทราบการโอนจากประกาศของทางราชการแล้วไม่คัดค้าน ดังนี้จำเลยไม่ได้ตั้งประเด็นว่า จำเลยที่ 2 กับโจทก์ร่วมกันซื้อที่พิพาทจำเลยที่ 1 เพื่อนำมาแบ่งขายเอากำไรกัน โดยให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นเจ้าของใน น.ส.3 และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทกับจำเลยที่ 2 การที่จำเลยฎีกาว่าตามทางพิจารณาฟังได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกันซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 เพื่อนำมาแบ่งขายเอากำไรแบ่งกันโดยให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นเจ้าของใน น.ส.3 ทั้งการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทให้แก่กันโจทก์ทราบดีและยินยอมให้กระทำไป ถือว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์จะขอให้เพิกถอนไม่ได้ ดังนี้ ประเด็นที่จำเลยทั้งสองฎีกาถือไม่ได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยทั้งสองได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยให้ ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ฎีกาของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: จำเลยฎีกาประเด็นใหม่นอกเหนือจากที่ยกขึ้นว่ากันในศาลล่าง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายที่พิพาทให้โจทก์แล้วจำเลยทั้งสองสมคบกันโอนที่พิพาทให้เป็นชื่อจำเลยที่ 2 โดยรู้ว่าเป็นทางทำให้โจทก์เสียเปรียบ ขอให้เพิกถอนเสีย จำเลยทั้งสองให้การว่าจำเลยที่ 2 ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์ทราบการโอนจากประกาศของทางราชการแล้วไม่คัดค้าน ดังนี้จำเลยไม่ได้ตั้งประเด็นว่า จำเลยที่ 2 กับโจทก์ร่วมกันซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 เพื่อนำมาแบ่งขายเอากำไรกันโดยให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นเจ้าของในน.ส.3 และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทกับจำเลยที่ 2 การที่จำเลยฎีกาว่าตามทางพิจารณาฟังได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกันซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 เพื่อนำมาแบ่งขายเอากำไรแบ่งกันโดยให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นเจ้าของใน น.ส.3. ทั้งการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทให้แก่กันโจทก์ทราบดีและยินยอมให้กระทำไป ถือว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์จะขอให้เพิกถอนไม่ได้ ดังนี้ประเด็นที่จำเลยทั้งสองฎีกาถือไม่ได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยทั้งสองได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยให้ ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ฎีกาของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกาที่ไม่เคยถูกยกขึ้นในศาลล่าง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านและขอเป็นผู้จัดการมรดกเองหรือเป็นร่วมกับผู้ร้องแล้วผู้คัดค้านได้ขอถอนคำร้องคัดค้านนั้นโดยอ้างว่าจะไปยื่นคำร้องใหม่ เมื่อศาลอนุญาตแล้ว คำร้องคัดค้านดังกล่าวก็หมดไปต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามาใหม่ว่าผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นสั่งกำหนดประเด็นไว้เพียงว่า ผู้ร้องสมควรเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ผู้คัดค้านมิได้คัดค้านอย่างใด จนเมื่อสืบพยานผู้ร้องไปหมดแล้วผู้คัดค้านจึงยื่นคำร้องคัดค้านเพิ่มเติมขอเป็นผู้จัดการมรดกด้วย ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต แล้วพิพากษาตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่ตั้งประเด็นว่าผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่นั้นไม่ชอบ ผู้คัดค้านมีพยานหลักฐานแสดงว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรของผู้ร้องกับผู้ตาย ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นเรื่องนี้ด้วย และให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องศาลอุทธรณ์สั่งยกอุทธรณ์โดยเหตุที่ผู้คัดค้านมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องขอเพิ่มเติมคำคัดค้านของจำเลย หรืออุทธรณ์คัดค้านในเนื้อหาแห่งคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้ปัญหาที่ผู้คัดค้านขอร่วมเป็นผู้จัดการมรดกมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ผู้คัดค้านฎีกาต่อมาจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้และยกฎีกาเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2370/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนอุทธรณ์ทำให้ข้อต่อสู้ยุติ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่ที่ไม่เคยต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สิทธิในที่ดินพิพาทครึ่งหนึ่งเป็นของโจทก์ อีกครึ่งหนึ่งเป็นทรัพย์มรดกของสามีโจทก์ซึ่งตกทอดไปยังทายาทซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 7 คน คือ ตัวโจทก์เองและบุตรโจทก์อีก 6 คน (รวมทั้งสามีจำเลยด้วย) การที่สามีจำเลยเอาที่พิพาทไปขายฝาก ก. ได้นั้น ก็เพราะสามีจำเลยขอยืมที่พิพาทไปจากโจทก์ โจทก์มิได้ยกที่พิพาทให้แก่สามีจำเลยจริงๆ กรณีเป็นดังนี้ จึงเท่ากับว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วว่า ที่พิพาทไม่ใช่ทรัพย์สินที่สามีจำเลยหาได้ร่วมกันมาดังที่จำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ ฉะนั้น เมื่อจำเลยถอนอุทธรณ์เสียแล้ว ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยไม่ได้ฎีกาโต้แย้งในประเด็นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ศาลชั้นต้น คงฎีกาแต่เพียงข้อเดียวว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่เป็นฎีกาในประเด็นที่คู่ความได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1694/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาที่ไม่สามารถยกประเด็นใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์ได้ แม้ว่าจะเป็นประเด็นตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเพราะเห็นว่าจำเลยห้ามธนาคารไม่ให้ใช้เงินตามเช็คโดยเจตนาทุจริต ซึ่งมิใช่มูลคดีตามฟ้องของโจทก์ โดยศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือไม่ เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ทั้งมิได้ยกปัญหาเรื่องจำเลยออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คขึ้นอ้างอิงในคำแก้อุทธรณ์ ปัญหาที่ว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คจริงหรือไม่จึงไม่ใช่ปัญหาที่ว่ากันมาในชั้นอุทธรณ์ โจทก์จะยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์ฎีกา หากมิได้ยกขึ้นในชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายฝากที่พิพาทไว้กับ ล. ครบกำหนดแล้วไม่ไถ่จำเลยเช่าที่พิพาทจาก ล. ล. ขายที่พิพาทให้โจทก์ครบอายุสัญญาเช่าแล้วจำเลยไม่ออกไป ขอให้ศาลบังคับ จำเลยให้การว่าไม่เคยขายฝากแก่ใคร ไม่ได้ทำสัญญาเช่า แล้วจำเลยจะอุทธรณ์ว่าการเช่านั้นเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ได้บอกเลิกการเช่าเสียก่อนดังนี้ หาได้ไม่ เพราะจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อนี้ให้ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกประเด็นใหม่ในฎีกาที่มิได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นอุปสรรคต่อการวินิจฉัย
จำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ได้คัดค้านคำสั่งงดสืบพยานของศาลชั้นต้นไว้ โจทก์จึงอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานใหม่ไม่ได้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ จำเลยจะฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบไม่ได้ เพราะปัญหานี้มิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกประเด็นใหม่ในฎีกาที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นการขัดต่อหลักการพิจารณาคดี
จำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ได้คัดค้านคำสั่งงดสืบพยานของศาลชั้นต้นไว้ โจทก์จึงอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานใหม่ไม่ได้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ จำเลยจะฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบไม่ได้ เพราะปัญหานี้มิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกาที่ไม่เคยถูกยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นการไม่ชอบ
จำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ได้คัดค้านคำสั่งงดสืบพยานของศาลชั้นต้นไว้. โจทก์จึงอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานใหม่ไม่ได้. เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่. จำเลยจะฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบไม่ได้. เพราะปัญหานี้มิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249.