คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้กระทำผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 256 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กฎหมายยกเว้นโทษอาวุธปืนใหม่มีผลย้อนหลังคุ้มครองผู้กระทำผิดก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้
แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดและเจ้าพนักงานตรวจยึดอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน กับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามของกลางซึ่งเป็นของจำเลยกับพวกได้ก่อนพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 6)พ.ศ.2518 มีผลใช้บังคับ แต่ในระหว่างที่ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาฟ้องได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯฉบับดังกล่าวออกใช้บังคับ ผู้ที่ปฏิบัติตามมาตรา 3 และมาตรา 5 แล้วไม่ต้องรับโทษพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ฉบับดังกล่าวจึงเป็นกฎหมายที่ออกมาใหม่ได้ยกเว้นโทษอันเป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 วรรคแรก จำเลย ไม่ต้องรับโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเท็จเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำผิดฐานทำร้ายร่างกาย เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189
ผ. แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนระบุว่า ถ. เป็นผู้ทำร้ายตน อันมิใช่ความผิดลหุโทษ ฐานะของ ถ. ขณะนั้นจึงเป็นผู้ต้องหาหรือผู้กระทำผิดแล้ว ต่อมาก่อน ถ. ถูกจับกุมจำเลยได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่าตนเป็นผู้ทำร้าย ผ. เพื่อแสดงว่า ถ.ไม่ใช่เป็นผู้ทำร้าย ดังนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเพื่อไม่ให้ ถ. ต้องโทษ โดยช่วย ถ. ผู้กระทำผิดหรือต้องหาว่ากระทำผิด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิขอคืนของกลาง: ผู้กระทำผิดไม่อุทธรณ์คำสั่งริบ คดีถึงที่สุด สิทธิเรียกร้องเป็นของผู้อ้างเป็นเจ้าของที่แท้จริง
การขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 36 เป็นเรื่องที่คนอื่นยื่นคำร้องว่าเป็นเจ้าของแท้จริงและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด หาใช่จำเลยในคดีเรื่องนั้นจะใช้สิทธิได้ด้วยไม่ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและสั่งริบของกลาง จำเลยมิได้อุทธรณ์ขอให้ศาลสั่งคืนของกลางที่ถูกริบและคดีถึงที่สุดแล้วศาลก็ต้องบังคับคดีไปตามนั้น จำเลยจะยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนของกลางหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์ในคดีการพนัน: ศาลมีอำนาจริบได้แม้ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ หากทรัพย์สินนั้นเป็นของกลางที่ใช้ในการพนัน
ในเรื่องริบทรัพย์นั้น แม้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18บัญญัติว่าเป็นโทษสถานหนึ่ง แต่ก็เป็นโทษที่มุ่งถึงตัวทรัพย์เป็นสำคัญต่างกับโทษสถานอื่น แม้จำเลยซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดจะไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 ศาลก็ชอบที่จะสั่งริบทรัพย์สินของกลางได้
ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 10 ทรัพย์สินพนันกันซึ่งจับได้ในวงการเล่นนั้น เป็นทรัพย์สินที่ต้องริบโดยเด็ดขาดเว้นแต่ทรัพย์สินซึ่งมิได้เอาออกพนัน ส่วนทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นพนัน ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจที่จะสั่งริบหรือไม่ก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้ไม่ได้ลงมือเอง ศาลลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนได้
จำเลยที่ 1 วางแผนอยู่ที่บ้านให้จำเลยอื่นไปทำการปล้นทรัพย์แล้วต่อมาจำเลยอื่นได้ไปทำการปล้นทรัพย์ตามแผนดังกล่าวโดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ไปร่วมทำการ ในการปล้นทรัพย์ด้วยเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1เป็นตัวการในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์แม้จะถือว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดแต่เมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ก่อให้จำเลยอื่นกระทำผิด หากกล่าวแต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยอื่นกระทำการปล้นทรัพย์ ย่อมลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดไม่ได้ แต่การที่จำเลยที่ 1 วางแผนในการปล้นทรัพย์และออกเงินให้จำเลยอื่นไปใช้จ่ายเป็นค่าเช่าแก่เจ้าของทรัพย์อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการในการปล้น ตลอดจนไปชี้บ้านเจ้าทรัพย์ให้แก่พวกที่จะไปทำการปล้น ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดนั้น ซึ่งแม้โจทก์จะมิได้กล่าวถึงความข้อนี้มาในฟ้องศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์รายนี้ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 39/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีเช็ค: ความรู้เรื่องความผิดและตัวผู้กระทำผิดทำให้เริ่มนับอายุความ
ผู้เสียหายนำเช็คของจำเลยไปเข้าบัญชี แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยแจ้งว่าให้นำเช็คมาเบิกเงินใหม่ต่อมาได้นำไปเข้าบัญชีอีกครั้ง ธนาคารก็ปฏิเสธการจ่ายเงินอีกโดยอ้างว่าเกินข้อตกลง ดังนี้ ถือว่าผู้เสียหายได้รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดแล้วตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรก เมื่อผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันนั้นคดีที่ฟ้องจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คซึ่งเป็นความผิดอันยอมความกันได้ย่อมขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำตายของผู้ถูกยิงเป็นพยานหลักฐานสำคัญบ่งชี้ตัวผู้กระทำผิดได้
ผู้ตายถูกยิงที่หน้าอกและแขนยังไม่ตายทันที ร้องโอยๆและว่าปวดแขนเหลือเกิน และได้พูดต่อหน้าพยานโดยระบุชื่อจำเลยว่าเป็นคนทำร้าย ขอให้ตั้งไว้อย่าให้นอนในตอนหามลงเรือ และพูดว่าตายแน่ คำของผู้ตายที่ระบุว่าจำเลยเป็นคนทำร้ายนี้รับฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษตามกฎหมายใหม่ที่เบากว่าหลังกระทำผิด โดยอาศัยหลักกฎหมายที่ใช้กับผู้กระทำผิดประโยชน์
เมื่อตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำผิด ข้อ 14 ในส่วนที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 ได้แก้ไขใหม่ให้ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี ซึ่งมีระวางโทษเบากว่าระวางโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 เดิม ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกยี่สิบปี ในการลงโทษจำเลยสำหรับความผิดตามวรรคนี้จึงต้องปรับบทลงโทษจำเลยตาม มาตรา 340 วรรค 4 ที่แก้ไขใหม่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3ซึ่งบัญญัติให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำบอกเล่าของผู้ตายก่อนเสียชีวิตเป็นหลักฐานสำคัญในการพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดได้
คำบอกกล่าวของผู้ตายซึ่งถูกทำร้ายกล่าวถึงตัวคนร้ายที่ยิงตนขณะที่รู้ตัวว่าจะต้องตายนั้น รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226
ผู้ตายถูกยิงล้มเจ็บอยู่กับที่เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจมาถึง ผู้ตายได้เล่าถึงพฤติการณ์ที่ถูกยิงโดยตลอด ระบุชื่อผู้ยิงและเมื่อภริยาผู้ตายมาถึงผู้ตายก็ได้เล่าให้ภริยาฟังอย่างเดียวกันและได้กล่าวด้วยว่า "อยู่ไม่ได้แล้ว ร้อนจริง เลี้ยงลูกให้ดี" ประกอบกับพฤติเหตุแวดล้อมในเรื่องสาเหตุเป็นพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักพอแก่การรับฟังลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานคำตายของผู้ตายที่ยืนยันตัวผู้กระทำผิดต่อหน้าพยานก่อนสิ้นใจ รับฟังได้แม้ไม่มีลายมือชื่อ
ข้อความที่ผู้ตายได้กล่าวยืนยันต่อผู้ใหญ่บ้านและเจ้าพนักงานตำรวจในขณะที่ผู้ตายยังมีสติดี ไม่มีอาการเพ้อคลั่ง และรู้ตัวว่าคงจะตายแน่ว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายนั้น ถึงแม้ว่าเจ้าพนักงานตำรวจจะบันทึกถ้อยคำให้ผู้ตายลงชื่อไว้ไม่ทัน ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
of 26