คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้ต้องหา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 181 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสั่งพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหา: ต้องแสดงเจตนาเพื่อตรวจสอบประวัติหรือสอบสวนหลักฐาน
ฟ้องกล่าวว่าจำเลยขัดคำสั่งของพนักงานสอบสวน ไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือของจำเลยลงในแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือในฐานะเป็นผู้ต้องหาในคดีผิด พระราชบัญญัติยาสูบ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 334(2) เพียงเท่านี้ ยังไม่พอจะให้เข้าใจว่าเป็นการสั่งให้จำเลยพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบเรื่องเคยต้องโทษหรือว่าเพื่อประโยชน์แห่งการสอบสวนหลักฐาน อันเป็นข้อสาระสำคัญ ที่จะแสดงว่า ได้สั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 132 ฉะนั้นจึงยังลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำนันและราษฎรเรียกรับเงินจากผู้ต้องหาเพื่อปล่อยตัว เป็นความผิดเจ้าพนักงานทุจริต
จำเลยที่ 1 เป็นกำนัน จำเลยที่ 2 เป็นราษฎร ได้ไปจับกุมนายรัตน์ นายมิ่ง หาว่าเป็นคนร้ายใช้สากกระเดื่องขว้างปานายเหนาะน้องชายจำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บแล้วคุมตัวนายรัตน นายมิ่งมาที่บ้านจำเลยที่ 1 จำเลยได้เรียกเอาเงินจากนายรัตน นายมิ่งคนละ 150 บาท และว่าถ้าให้เงินจะเลิกคดีปล่อยตัวไป นายรัตน นายมิ่งขอให้เงินเพียงคนละ 100 บาท จำเลยที่ 1 ก็ยอม พวกของนายรัตน นายมิ่งได้นำเงินมาให้แก่จำเลยที่ 1 ๆ รับเงินแล้วพูดว่าเลิกได้ แล้วนายรัตน, นายมิ่งก็พากันกลับบ้าน การกระทำดังนี้ย่อมเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานกระทำการทุจจริตในหน้าที่ ส่วนการที่จำเลยขู่ว่า ถ้าไม่หาเงินมาให้นั้นจะส่งไปให้พวกบ้านหนองนาแซงฆ่าเสียนั้น ถ้าเป็นความจริงกลับจะทำให้ความผิดของจำเลยมีโทษหนักขึ้น หาใช่จะทำให้ความผิดของจำเลยสูญหายไปหมดมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหา เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานกระทำทุจริตในหน้าที่
จำเลยที่ 1 เป็นกำนัน จำเลยที่ 2 เป็นราษฎร ได้ไปจับกุมนายรัตน์ นายมิ่งหาว่าเป็นคนร้ายใช้สากกระเดื่องขว้างปานายเหนาะน้องชายจำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บ แล้วคุมตัวนายรัตน์นายมิ่งมาที่บ้านจำเลยที่ 1 จำเลยได้เรียกเอาจากนายรัตน์นายมิ่งคนละ 150 บาท และว่าถ้าให้เงินจะเลิกคดีปล่อยตัวไปนายรัตน์นายมิ่งขอให้เงินเพียงคนละ 100 บาท จำเลยที่ 1 ก็ยอม พวกของนายรัตน์นายมิ่งได้นำเงินมาให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 รับเงินแล้วพูดว่าเลิกได้ แล้วนายรัตน์นายมิ่งก็พากันกลับบ้านการกระทำดังนี้ย่อมเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานกระทำการทุจริตในหน้าที่ ส่วนการที่จำเลยขู่ว่า ถ้าไม่หาเงินมาให้นั้นจะส่งไปให้พวกบ้านหนองนาแซงฆ่าเสียนั้น ถ้าเป็นความจริงกลับจะทำให้ความผิดของจำเลยมีโทษหนักขึ้น หาใช่จะทำให้ความผิดของจำเลยสูญหายไปหมดมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายระหว่างการพิจารณาคดี และผลกระทบต่อความผิดของผู้ต้องหา
ในขณะพิจารณาคดี ได้มีกฎกระทรวงการคลังฉะบับที่ 7 ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน 2485 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2491 ยกเลิกความในข้อ 2,11 แห่งกฎกระทรวงการคลังฉะบับที่ 1 อันเป็นบทบัญญัติความผิดในคดีแล้ว จึงต้องใช้กฎหมายที่มีโทษเบาแก่ผู้ต้องหาตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 8 จำเลยจึงไม่มีความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของกฎหมายผ่อนผันต่อคดีอาวุธปืน: การยกประโยชน์ให้แก่ผู้ต้องหา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจมีอาวุธปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยมีใบอนุญาตแล้ว แต่ขาดอายุเมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ได้มีพ.ร.บ.ผ่อนผันให้จดทะเบียนได้ อันเป็นคุณแก่ผู้ต้องหาแล้วก็ต้องยกประโยชน์นั้นให้แก่ผู้ต้องหา (อ้างฎีกาที่766/2490)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1429/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สั่งยิงผู้ต้องหา หมิ่นประมาท-ขัดขวางเจ้าพนักงาน ศาลฎีกาตัดสินผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
จำเลยที่ 1 เป็นปลัดอำเภอกับจำเลยที่ 3 เป็นตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาในข้อหาฐานหมิ่นประมาทขัดขวางต่อสู้เจ้าพนักงาน ระหว่างควบคุมผู้ต้องหาหลบหนี จำเลยที่ 1 ได้สั่งให้จำเลยที่ 3 ยิงผู้ต้องหาขณะกำลังวิ่งหนีถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยที่ 1 และที่ 3 ย่อมมีผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยที่ 3 จะอ้างว่าทำตามคำสั่ง โดยเชื่อว่าเป็นการชอบด้วยเหตุผลอันสมควรไม่ได้
การชันสูตรศพนั้นจะไม่ขุดศพขึ้นตรวจดูก็ได้ในเมื่อกรรมการผู้ชันสูตรศพเห็นว่าไม่จำเป็นเพราะได้สอบสวนผู้ชันสูตรศพเดิม และพะยานอื่นอันเป็นที่พอใจแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กำลังในการจับกุมผู้ต้องหาหลบหนี: อำนาจตามกฎหมายและความเกินสมควร
ถ้าบุคคลซึ่งจะถูกจับหลบหนีหรือพยายามจะหลบหนี ผู้ทำการจับมีอำนาจใช้วิธีหรือความป้องกันทั้งหลายเท่าที่เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้นั้น
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้าน จำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วย ได้ปฏิบัติการตามหน้าที่โดยจับกุมผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ร้ายสำคัญเรื่องปล้นทรัพย์ ผู้ตายวิ่งหนี จำเลยที่ 1 เกรงความผิด จึงสั่งให้จำเลยที่ 2 ยิง ดั่งนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 83 วรรค 2 แต่กระทำเกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินไปกว่าที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 53 (อ้างฎีกา 618/2461)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความประมาทเลินเล่อในการทำให้ผู้ต้องหาหลบหนี โจทก์ต้องมีหลักฐานสนับสนุน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีโดยประมาทโดยไม่ได้ใส่กุญแจมือและเครื่องจำจองพันธนาการ เมื่อจำเลยปฏิเสธ โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้สมฟ้องว่าเหตุที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปนั้น เพราะจำเลยไม่ได้ใส่กุญแจมือและเครื่องจำจองพันธนาการ เมื่อโจทก์นำพยานมาสืบไม่สมฟ้องลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1226/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำนันเรียกเงินจากผู้ต้องหาแล้วปล่อยตัว เป็นการใช้อำนาจมิชอบ
กำนันจับผู้กระทำผิดฐานฆ่ากระบือโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วเรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย แล้วปล่อยตัวผู้เสียหายไป เป็นการนอกเหนือเหลือเกิน มิชอบด้วยอำนาจหน้าที่เป็นความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 138 วรรคท้าย และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ.2484 มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1072/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันตัวผู้ต้องหา: ความรับผิดเมื่อสั่งไม่ฟ้องและลดจำนวนเงินประกันตามกฎหมาย
สัญญาประกันมีความว่า จำเลยได้รับประกันผู้ต้องหาไปจากความควบคุมของเจ้าพนักงานตำรวจ และสัญญาว่าจะส่งตัวผู้ต้องหาได้ตามกำหนดนัดของเจ้าพนักงาน เมื่อจำเลยไม่ส่งตัวผู้ต้องหาตามกำหนด จำเลยก็ยอมไม่พ้นความรับผิดตามสัญญา การที่อธิบดีกรมตำรวจสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาก่อนถึงกำหนดส่งตัวนั้น ไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิด หรือไม่ต้องส่งผู้ต้องหา
ความใน ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 113 หมายความว่าให้อำนาจพนักงานสอบสวนเรียกประกันผู้ต้องหาได้ฉะเพาะ เมื่อคดีอยู่ระหว่างสอบสวนเท่านั้น แต่เมื่อได้สั่งปล่อยผู้ต้องหาหรือได้ฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลแล้ว จะเรียกประกันมิได้ มิใช่หมายความว่าเมื่อพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องแล้ว สัญญาประกันที่ทำไว้เป็นอันเลิกหรือระงับไป
ในคดีผิดสัญญาประกันผู้ต้องหา เมื่อพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาแล้ว ศาลย่อมลดจำนวนเงินในสัญญาให้ได้ตามนัยะแห่ง ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 119
of 19