พบผลลัพธ์ทั้งหมด 214 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิประกันภัย และขอบเขตความรับผิดของผู้รับประกันภัยเมื่อผู้เอาประกันภัยผิดเงื่อนไข
บันทึกข้อตกลงมีข้อความว่า ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ตกลงชดใช้ค่าทดแทนค่าเสียหายให้กับฝ่ายผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ตายและผู้บาดเจ็บโดยผู้เสียหายรับเงินแล้วไม่ประสงค์จะฟ้องร้องต่อไปอีก เป็นการตกลงชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องจากการบาดเจ็บและตายเท่านั้น ไม่รวมถึงความเสียหายอันเกิดกับรถยนต์อีกส่วนหนึ่งต่างหาก เมื่อผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าของรถยนต์แล้วย่อมเข้ารับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยได้ เงื่อนไขความรับผิดตามสัญญาประกันภัยซึ่งกำหนดให้ผู้ขับขี่รถยนต์ที่เอาประกันภัยต้องเคยได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์และเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องนำหลักฐานนั้นมาแสดงต่อผู้รับประกันภัยมิฉะนั้นผู้รับประกันภัยอาจจะไม่รับผิดชอบชดใช้ค่าทดแทนนั้น มิได้ระบุชัดแจ้งว่าให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญา การผิดเงื่อนไขหรือไม่เพียงใดเป็นเรื่องที่ผู้รับประกันภัยจะว่ากล่าวเอากับผู้เอาประกันภัยคู่สัญญา จะยกเหตุแห่งการผิดเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนกรณีผู้ขับรถประมาท และอายุความฟ้องร้องประกันวินาศภัย
โจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเพื่อรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนกับผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ ดังนั้น จำเลยร่วมจะต้องรับผิดหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ผู้ขับรถยนต์คันที่จำเลยร่วมรับประกันภัยไว้นั้นได้ขับรถยนต์โดยประมาท อันเป็นการกระทำละเมิดหรือไม่และขึ้นอยู่กับข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัย ขณะเกิดเหตุผู้เอาประกันภัยค้ำจุนได้นำรถยนต์ไปซ่อมเครื่องยนต์ที่อู่ซ่อมรถยนต์โดยยินยอมให้คนในอู่ขับรถได้ เมื่อคนในอู่ขับรถยนต์นั้นโดยประมาท ก็ต้องถือเสมือนหนึ่งว่าผู้เอาประกันภัยได้ขับรถโดยประมาทเองตามที่กรมธรรม์ประกันภัยระบุไว้ จำเลยร่วมผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงต้องรับผิด และกรณีนี้แม้คำฟ้องจะระบุว่าผู้อื่นเป็นผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุก็ตาม ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างจากฟ้อง
ความรับผิดของจำเลยร่วมเกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัยและมีลักษณะเป็นการประกันวินาศภัยตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 20 หมวด 2 การฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจำต้องถืออายุความ 2 ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคแรกเมื่อโจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี แต่ยังไม่เกิน 2 ปี นับแต่วันละเมิด ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ความรับผิดของจำเลยร่วมเกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัยและมีลักษณะเป็นการประกันวินาศภัยตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 20 หมวด 2 การฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจำต้องถืออายุความ 2 ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคแรกเมื่อโจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี แต่ยังไม่เกิน 2 ปี นับแต่วันละเมิด ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกันภัยค้ำจุน: ความรับผิดของผู้รับประกันภัยเมื่อผู้ขับรถที่ได้รับความยินยอมประมาท และอายุความฟ้องร้อง
โจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเพื่อรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนกับผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ ดังนั้น จำเลยร่วมจะต้องรับผิดหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ขับรถยนต์คันที่จำเลยร่วมรับประกันภัยไว้นั้นได้ขับรถยนต์โดยประมาทอันเป็นการกระทำละเมิดหรือไม่ และขึ้นอยู่กับข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัย ขณะเกิดเหตุผู้เอาประกันภัยค้ำจุนได้นำรถยนต์ไปซ่อมเครื่องยนต์ที่อู่ซ่อมรถยนต์โดยยินยอมให้คนในอู่ขับรถได้เมื่อคนในอู่ขับรถยนต์นั้นโดยประมาท ก็ต้องถือเสมือนหนึ่งว่าผู้เอาประกันภัยได้ขับรถโดยประมาทเองตามที่กรมธรรม์ประกันภัยระบุไว้ จำเลยร่วมผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงต้องรับผิด และกรณีนี้แม้คำฟ้องจะระบุว่าผู้อื่นเป็นผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุก็ตาม ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างจากฟ้อง ความรับผิดของจำเลยร่วมเกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัยและมีลักษณะเป็นการประกันวินาศภัยตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 20 หมวด 2 การฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจำต้องถืออายุความ 2 ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคแรกเมื่อโจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี แต่ยังไม่เกิน 2 ปี นับแต่วันละเมิดฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3501/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: ศาลฎีกาวินิจฉัยความประมาทของผู้ขับขี่และขอบเขตความรับผิดของผู้รับประกันภัย
คดีที่เหตุเกิดจากมูลกรณีละเมิดอันเดียวกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ โดยฟังว่าลูกจ้างขับรถของจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับลูกจ้างขับรถของจำเลยที่ 3 ที่ 4 ขับรถประมาท และจำเลยที่ 5 เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนจำเลยที่ 1 ที่ 2 ดังนี้เป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 4 ผู้เดียวฎีกาจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มิได้ฎีกาเมื่อศาลฎีกาฟังว่าเหตุเกิดจากความประมาทของคนขับรถโจทก์ฝ่ายเดียวศาลฎีกาย่อมเห็นสมควรพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ 3 และที่ 4 ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 245(1),247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2892/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัย: การชดใช้ค่าเสียหายโดยผู้เอาประกันภัยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้รับประกันภัย และข้อยกเว้นการรับผิด
ข้อตกลงระหว่างโจทก์ที่2กับจำเลยที่1ตามรายงานประจำวันของสถานีตำรวจภูธรอำเภอลาดหลุมแก้วไม่เป็นสัญญาระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสร็จสิ้นไปทีเดียวยังมีเงื่อนไขให้ไปตกลงค่าเสียหายกับจำเลยที่3ผู้รับประกันภัยอีกจึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ การที่ผู้เอาประกันปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่2โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่3ผู้รับประกันภัยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิดดังเช่นคดีนี้ผู้รับประกันจะยกเอาเงื่อนไขดังกล่าวมาใช้บังคับไม่ได้เพราะถึงอย่างไรผู้รับประกันภัยก็จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างแน่นอนอยู่แล้วจุดประสงค์ของการกำหนดเงื่อนไขตามข้อตกลงดังกล่าวก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้น คดีมีทุนทรัพย์ที่โจทก์ที่1(ผู้รับช่วงสิทธิ)เรียกร้องไม่เกิน50,000บาทและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่6)พ.ศ.2518มาตรา6ข้อที่จำเลยที่2ที่3ฎีกาว่าค่าเสียหายของโจทก์ที่1จำนวน23,495บาทไม่ใช่ค่าเสียหายที่ถูกต้องเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ ค่าขาดผลประโยชน์และค่าเสื่อมราคารถของโจทก์ที่2ก็ถือได้ว่าเป็นความเสียหายของโจทก์ที่ 2ที่เนื่องมาจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยซึ่งจำเลยที่3ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก แม้ผู้เอาประกันภัยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
สัญญาประกันภัยค้ำจุนมีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้รับประกันภัยร่วมรับผิดกับผู้เอาประกันภัยก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยได้นำหลักฐานมาแสดงแก่ผู้รับประกันภัยว่าขณะเกิดเหตุคนขับรถยนต์ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เงื่อนไขดังกล่าวตามสัญญามิได้ระบุชัดแจ้งว่า ให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาดังนั้นหากผู้เอาประกันภัยจะปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยอย่างไร หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ผู้รับประกันภัยจะว่ากล่าวเอาแก่ผู้เอาประกันภัยผู้เป็นคู่สัญญา แต่จะยกเหตุแห่งการผิดเงื่อนไขดังกล่าวมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและมีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก แม้ผู้เอาประกันภัยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
สัญญาประกันภัยค้ำจุนมีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้รับประกันภัยร่วมรับผิดกับผู้เอาประกันภัยก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยได้นำหลักฐานมาแสดงแก่ผู้รับประกันภัยว่าขณะเกิดเหตุคนขับรถยนต์ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เงื่อนไขดังกล่าวตามสัญญามิได้ระบุชัดแจ้งว่า ให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาดังนั้นหากผู้เอาประกันภัยจะปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยอย่างไร หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ผู้รับประกันภัยจะว่ากล่าวเอาแก่ผู้เอาประกันภัยผู้เป็นคู่สัญญา แต่จะยกเหตุแห่งการผิดเงื่อนไขดังกล่าวมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและมีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนต้องพิจารณาจากความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับเจ้าของรถ หากเจ้าของรถไม่มีส่วนรับผิด ผู้รับประกันภัยก็ไม่ต้องรับผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 7 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ อันเป็นรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายครั้งนี้คดีได้ความแต่เพียงว่า จำเลยที่1 ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุซึ่งเป็นรถของ ช. และช.เอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับบริษัทจำเลยที่ 7 เท่านั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏไว้เลยว่า จำเลยที่1 ขับรถยนต์ของ ช. คันดังกล่าวในฐานะอะไร และมีนิติสัมพันธ์กันอย่างไรกับ ช. จึงฟังไม่ได้ว่า ช. เจ้าของรถคันดังกล่าวมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 อันจะเป็นเหตุให้ ช. ต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ครั้งนี้ จำเลยที่ 7 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่ ช. ต้องรับผิดชอบ เมื่อ ช.ไม่ต้องรับผิดชอบต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 7 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4459/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับประกันภัยค้ำจุนมีสิทธิยกข้อต่อสู้ของผู้เอาประกันภัยได้ หากพิสูจน์ได้ว่าลูกจ้างกระทำละเมิดในทางการที่จ้าง
ผู้รับประกันภัยค้ำจุนย่อมมีสิทธิยกข้อต่อสู้ของผู้เอาประกันภัย ขึ้นต่อสู้กับผู้ซึ่งฟ้องตนให้รับผิดตามสัญญาประกันภัยได้ (อ้างฎีกาที่ 3631/2528)
การที่จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนได้ให้การต่อสู้ไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไม่ได้เป็นลูกจ้างปฏิบัติงาน ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัย โดยศาลชั้นต้น กำหนดเป็นประเด็นไว้ และวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว แล้วพิพากษา ให้จำเลยทั้งสามแพ้คดีดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะไม่อุทธรณ์ ก็ไม่ทำให้ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 3 ตกไป เมื่อจำเลยที่ 3 ยังติดใจ อุทธรณ์ในประเด็นนี้อยู่ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องวินิจฉัยให้
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 มาติดต่อกับพนักงานสอบสวนระบุชื่อ จำเลยที่ 1 ว่าเป็นคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุของตน แล้วนำตัวจำเลยที่ 1 มามอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับได้มา ทำการตกลงค่าเสียหายกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งนั้นเพียงพอ ให้ถือได้ว่า จำเลยที่ 2 ยอมรับอยู่ในทีแล้วว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำละเมิดไป ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 นอกจากนี้การขับ รถยนต์บรรทุกสิบล้อ ไม่ใช่งานที่คนธรรมดาซึ่งไม่มีความชำนาญเป็นพิเศษจะพึงทำได้ แต่เป็นงานของผู้มีอาชีพในทางนี้โดยเฉพาะ และไม่อาจคาดหมายได้ว่าเป็นงานที่พึงทำให้เปล่า เมื่อฝ่ายจำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างไว้คดีชอบที่จะฟังว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์ไปทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 (อ้างฎีกาที่ 2048/2526)
การที่จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนได้ให้การต่อสู้ไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไม่ได้เป็นลูกจ้างปฏิบัติงาน ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัย โดยศาลชั้นต้น กำหนดเป็นประเด็นไว้ และวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว แล้วพิพากษา ให้จำเลยทั้งสามแพ้คดีดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะไม่อุทธรณ์ ก็ไม่ทำให้ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 3 ตกไป เมื่อจำเลยที่ 3 ยังติดใจ อุทธรณ์ในประเด็นนี้อยู่ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องวินิจฉัยให้
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 มาติดต่อกับพนักงานสอบสวนระบุชื่อ จำเลยที่ 1 ว่าเป็นคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุของตน แล้วนำตัวจำเลยที่ 1 มามอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับได้มา ทำการตกลงค่าเสียหายกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งนั้นเพียงพอ ให้ถือได้ว่า จำเลยที่ 2 ยอมรับอยู่ในทีแล้วว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำละเมิดไป ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 นอกจากนี้การขับ รถยนต์บรรทุกสิบล้อ ไม่ใช่งานที่คนธรรมดาซึ่งไม่มีความชำนาญเป็นพิเศษจะพึงทำได้ แต่เป็นงานของผู้มีอาชีพในทางนี้โดยเฉพาะ และไม่อาจคาดหมายได้ว่าเป็นงานที่พึงทำให้เปล่า เมื่อฝ่ายจำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างไว้คดีชอบที่จะฟังว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์ไปทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 (อ้างฎีกาที่ 2048/2526)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4459/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับประกันภัยค้ำจุนมีสิทธิยกข้อต่อสู้ของผู้เอาประกันภัยได้ หากพิสูจน์ได้ว่าลูกจ้างกระทำละเมิดในทางการจ้าง
ผู้รับประกันภัยค้ำจุนย่อมมีสิทธิยกข้อต่อสู้ของผู้เอาประกันภัย ขึ้นต่อสู้กับผู้ซึ่งฟ้องตนให้รับผิดตามสัญญาประกันภัยได้ (อ้างฎีกาที่ 3631/2528) การที่จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนได้ให้การต่อสู้ไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไม่ได้เป็นลูกจ้างปฏิบัติงาน ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัย โดยศาลชั้นต้น กำหนดเป็นประเด็นไว้ และวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว แล้วพิพากษา ให้จำเลยทั้งสามแพ้คดีดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะไม่อุทธรณ์ ก็ไม่ทำให้ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 3 ตกไป เมื่อจำเลยที่ 3 ยังติดใจ อุทธรณ์ในประเด็นนี้อยู่ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องวินิจฉัยให้
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 มาติดต่อกับพนักงานสอบสวนระบุ ชื่อ จำเลยที่ 1 ว่าเป็นคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุของตนแล้ว นำตัวจำเลยที่ 1 มามอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับได้มา ทำการตกลงค่าเสียหายกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งนั้นเพียงพอ ให้ถือได้ว่า จำเลยที่ 2 ยอมรับอยู่ในทีแล้วว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำละเมิดไป ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2นอกจากนี้การขับ รถยนต์บรรทุกสิบล้อ ไม่ใช่งานที่คนธรรมดาซึ่งไม่มีความชำนาญเป็นพิเศษจะพึงทำได้ แต่เป็นงานของผู้มีอาชีพในทางนี้โดยเฉพาะ และไม่อาจคาดหมายได้ว่า เป็นงานที่พึงทำให้เปล่า. เมื่อฝ่ายจำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างไว้คดีชอบที่จะฟังว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์ไปทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 (อ้างฎีกาที่ 2048/2526)
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 มาติดต่อกับพนักงานสอบสวนระบุ ชื่อ จำเลยที่ 1 ว่าเป็นคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุของตนแล้ว นำตัวจำเลยที่ 1 มามอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับได้มา ทำการตกลงค่าเสียหายกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งนั้นเพียงพอ ให้ถือได้ว่า จำเลยที่ 2 ยอมรับอยู่ในทีแล้วว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำละเมิดไป ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2นอกจากนี้การขับ รถยนต์บรรทุกสิบล้อ ไม่ใช่งานที่คนธรรมดาซึ่งไม่มีความชำนาญเป็นพิเศษจะพึงทำได้ แต่เป็นงานของผู้มีอาชีพในทางนี้โดยเฉพาะ และไม่อาจคาดหมายได้ว่า เป็นงานที่พึงทำให้เปล่า. เมื่อฝ่ายจำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างไว้คดีชอบที่จะฟังว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์ไปทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 (อ้างฎีกาที่ 2048/2526)