คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ภูมิลำเนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5601/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกกล่าวบังคับจำนองชอบด้วยกฎหมาย แม้ไม่มีผู้รับ หากส่งถึงภูมิลำเนาจำเลย
การบอกกล่าวบังคับจำนองเป็นการแสดงเจตนาต่อบุคคลผู้ซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้า เมื่อการแสดงเจตนาดังกล่าวส่งไปถึงภูมิลำเนาของจำเลยตามสำเนาทะเบียนบ้านแล้ว ย่อมถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงจำเลยซึ่งเป็นผู้รับการแสดงเจตนาแม้จะไม่มีผู้รับก็ตาม ถือว่าการบอกกล่าวบังคับจำนองดังกล่าวชอบแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5050/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำบังคับโดยวิธีปิดและการยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เกินกำหนด
เจ้าพนักงานศาลส่งคำบังคับให้จำเลยโดยวิธีปิดคำบังคับตามคำสั่งศาลที่ภูมิลำเนาของจำเลยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2537 ถือได้ว่าเป็นการส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ก็จะต้องยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ 12 ธันวาคม2537 ซึ่งเป็นวันที่การส่งคำบังคับให้แก่จำเลยมีผลตามนัยแห่ง ป.วิ.พ.มาตรา 208วรรคหนึ่ง คือจำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายในวันที่ 27 ธันวาคม2537 แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2538 ซึ่งเกินกำหนด 15 วัน ล่วงพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้ และการที่จำเลยได้หลบหนีคดีอาญาไปเสียจากภูมิลำเนาของจำเลยเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยเอง จึงจะนำมาอ้างว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้หาได้ไม่ แม้จำเลยจะอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องและมีการส่งคำบังคับให้จำเลยเมื่อถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยแล้ว ซึ่งนับแต่เมื่อทราบดังกล่าวถึงวันยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ยังไม่ครบกำหนด 15 วัน ก็ตาม แต่กรณีดังกล่าวไม่เป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้เสียแล้วจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่โดยเหตุนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4360/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลหลังเลิกห้าง: ภูมิลำเนาผู้ชำระบัญชีและสำนักงานเดิม
เดิมห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่422 ซอยสันติสุข ถนนสุขุมวิท 71 แขวงคลองตัน เขตพระโขนง กรุงเทพมหานครซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลแพ่งกรุงเทพใต้ แต่ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนเลิกห้างเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2535 และจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีเมื่อวันที่ 26พฤษภาคม 2535 การที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2537 ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โดยขณะยื่นฟ้องผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ และจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครพนม ดังนี้เมื่อจำเลยที่ 1 จดทะเบียนเลิกห้างและชำระบัญชีเสร็จแล้วถือว่าจำเลยที่ 1 มิได้ประกอบกิจการต่อไป จึงถือเอาสำนักงานใหญ่เดิมเป็นภูมิลำเนาหรือที่ประกอบธุรกิจในขณะยื่นฟ้องมิได้ กรณีนี้จำเลยที่ 1 คงมีได้แต่เพียงภูมิลำเนาเฉพาะการ คือภูมิลำเนาของผู้ชำระบัญชีซึ่งปรากฏว่าอยู่นอกเขตอำนาจของศาลแพ่งกรุงเทพใต้เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ภายหลังจำเลยที่ 1 จดทะเบียนเลิกห้างและเสร็จการชำระบัญชีเกินกว่า 1 ปีแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 150

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4360/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องล้มละลายหลังเลิกห้าง – เขตอำนาจศาล – ภูมิลำเนาผู้ชำระบัญชี
เดิมห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่1มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่422ซอยสันติสุขถนนสุขุมวิท71แขวงคลองตันเขตพระโขนง กรุงเทพมหานครซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลแพ่งกรุงเทพใต้แต่ต่อมาจำเลยที่1ได้จดทะเบียนเลิกห้างเมื่อวันที่9มกราคม2535และจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีเมื่อวันที่26พฤษภาคม2535การที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่25พฤษภาคม2537ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้โดยขณะยื่นฟ้องผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่1มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการและจำเลยที่2มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครพนมดังนี้เมื่อจำเลยที่1จดทะเบียนเลิกห้างและชำระบัญชีเสร็จแล้วถือว่าจำเลยที่1มิได้ประกอบกิจการต่อไปจึงถือเอาสำนักงานใหญ่เดิมเป็นภูมิลำเนาหรือที่ประกอบธุรกิจในขณะยื่นฟ้องมิได้กรณีนี้จำเลยที่1คงมีได้แต่เพียงภูมิลำเนาเฉพาะการคือภูมิลำเนาของผู้ชำระบัญชีซึ่งปรากฏว่าอยู่นอกเขตอำนาจของศาลแพ่งกรุงเทพใต้เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ภายหลังจำเลยที่1จดทะเบียนเลิกห้างและเสร็จการชำระบัญชีเกินกว่า1ปีแล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธิยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา150

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2476/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งย้ายทะเบียนบ้านโดยไม่มีเจตนาอยู่อาศัยจริง ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนภูมิลำเนา
ตามหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 64/1 หมู่ที่ 3 แขวงบางแค เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร มีจำเลยและบุตรอีก 2 คน พักอาศัยอยู่ด้วย แต่จำเลยแจ้งย้ายออกเพียง 2 คน โดยแจ้งว่าย้ายเข้าบ้านเลขที่ 30หมู่ที่ 1 ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน แต่มิได้ย้ายบุตรทั้งสองไปด้วยและแทนที่จะย้ายเข้าที่บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน กลับย้ายเข้าที่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 1 ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน คนละแห่งกันกับที่แจ้งย้ายเข้า และเพียงเดือนเศษก็แจ้งย้ายออกไปเข้าที่บ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าพัก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี แต่ก็มิได้ย้ายเข้าบ้านเลขที่ดังกล่าวตามที่ได้แจ้งไว้แต่อย่างใด แสดงว่าการที่จำเลยแจ้งย้ายทะเบียนบ้านจากภูมิลำเนาเดิมที่กรุงเทพมหานครไปยังที่ต่าง ๆ ดังกล่าวก็เพียงเพื่อมิให้โจทก์ติดตามสืบหาที่อยู่ได้เท่านั้น โดยจำเลยไม่ได้เข้าพักอาศัยไม่ได้ย้ายบุตรไปด้วย พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาย้ายถิ่นที่อยู่และจงใจจะเปลี่ยนภูมิลำเนาแต่อย่างใด ดังนั้น แม้จำเลยได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้านเข้าบ้านเลขที่ตามฟ้องซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นก็จะถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นหาได้ไม่ ต้องถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาครั้งสุดท้ายอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ศาลจังหวัดลำพูนจึงไม่มีอำนาจรับฟ้องคดีของโจทก์ไว้พิจารณาตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 150

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2476/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาและการมีเจตนาเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่เพื่อประโยชน์ในการฟ้องคดีล้มละลาย
ตามหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่64/1หมู่ที่3แขวงบางแคเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานครมีจำเลยและบุตรอีก2คนพักอาศัยอยู่ด้วยแต่จำเลยแจ้งย้ายออกเพียง2คนโดยแจ้งว่าย้ายเข้าบ้านเลขที่30หมู่ที่1ตำบลท่าตุ้มอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูนแต่มิได้ย้ายบุตรทั้งสองไปด้วยและแทนที่จะย้ายเข้าที่บ้านเลขที่30หมู่ที่1ตำบลท่าตุ้มอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูนกลับย้ายเข้าที่บ้านเลขที่22หมู่1ตำบลท่าตุ้มอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูนคนละแห่งกันกับที่แจ้งย้ายเข้าและเพียงเดือนเศษก็แจ้งย้ายออกไปเข้าที่บ้านเลขที่21หมู่ที่4ตำบลท่าพักอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรีแต่ก็มิได้ย้ายเข้าบ้านเลขที่ดังกล่าวตามที่ได้แจ้งไว้แต่อย่างใดแสดงว่าการที่จำเลยแจ้งย้ายทะเบียนบ้านจากภูมิลำเนาเดิมที่กรุงเทพมหานครไปยังที่ต่างๆดังกล่าวก็เพียงเพื่อมิให้โจทก์ติดตามสืบหาที่อยู่ได้เท่านั้นโดยจำเลยไม่ได้เข้าพักอาศัยไม่ได้ย้ายบุตรไปด้วยพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาย้ายถิ่นที่อยู่และจงใจจะเปลี่ยนภูมิลำเนาแต่อย่างใดดังนั้นแม้จำเลยได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้านเข้าบ้านเลขที่ตามฟ้องซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้นก็จะถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นหาได้ไม่ต้องถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาครั้งสุดท้ายอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครศาลจังหวัดลำพูนจึงไม่มีอำนาจรับฟ้องคดีของโจทก์ไว้พิจารณาตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา150

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การ: การส่งหมายเรียกโดยชอบ และการมีภูมิลำเนาหลายแห่ง
การขาดนัดยื่นคำให้การ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 197 วรรคแรกย่อมขึ้นอยู่กับว่าคู่ความฝ่ายนั้นได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การโดยชอบแล้วหรือไม่ด้วย ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการส่งหมายให้จำเลยชอบแล้ว อันมีผลให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จึงตรงประเด็นแล้ว
จำเลยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์ระบุไว้ในคำฟ้องที่จำเลยอ้างว่าจำเลยย้ายไปอยู่ที่อื่นแต่ไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านออกไป ถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หรือหลักแหล่งที่ทำการงานเป็นปกติหลายแห่งจึงให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลย เมื่อจำเลยได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การโดยชอบแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด การขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลยจึงเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควรประการอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การต้องพิจารณาการได้รับหมายเรียกโดยชอบและการจงใจขาดนัด
การขาดนัดยื่นคำให้การ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคแรกย่อมขึ้นอยู่กับว่าคู่ความฝ่ายนั้นได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การโดยชอบแล้วหรือไม่ด้วย ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการส่งหมายให้จำเลยชอบแล้ว อันมีผลให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จึงตรงประเด็นแล้ว จำเลยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์ระบุไว้ในคำฟ้องที่จำเลยอ้างว่าจำเลยย้ายไปอยู่ที่อื่นแต่ไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านออกไป ถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หรือหลักแหล่งที่ทำการงานเป็นปกติหลายแห่งจึงให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยเมื่อจำเลยได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การโดยชอบแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด การขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลยจึงเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควรประการอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การต้องพิจารณาการได้รับหมายเรียกโดยชอบและเจตนาของจำเลย
การขาดนัดยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา197วรรคแรกย่อมขึ้นอยู่กับว่าคู่ความฝ่ายนั้นได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การโดยชอบแล้วหรือไม่ด้วยที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการส่งหมายให้จำเลยชอบแล้วอันมีผลให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจึงตรงประเด็นแล้ว จำเลยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์ระบุไว้ในคำฟ้องที่จำเลยอ้างว่าจำเลยย้ายไปอยู่ที่อื่นแต่ไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านออกไปถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หรือหลักแหล่งที่ทำการงานเป็นปกติหลายแห่งจึงให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยเมื่อจำเลยได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การโดยชอบแล้วจำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดการขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลยจึงเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควรประการอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและการส่งหมายเรียกโดยชอบ จำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่ง ศาลพิจารณาจากทะเบียนบ้าน
การขาดนัดยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา197วรรคแรกย่อมขึ้นอยู่กับว่าคู่ความฝ่ายนั้นได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การโดยชอบแล้วหรือไม่ด้วยที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการส่งหมายให้จำเลยชอบแล้วอันมีผลให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจึงตรงประเด็นแล้ว จำเลยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์ระบุไว้ในคำฟ้องที่จำเลยอ้างว่าจำเลยย้ายไปอยู่ที่อื่นแต่ไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านออกไปถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หรือหลักแหล่งที่ทำการงานเป็นปกติหลายแห่งจึงให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยเมื่อจำเลยได้รับมอบหมายเรียกให้ยื่นคำให้การโดยชอบแล้วจำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดการขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลยจึงเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควรประการอื่น
of 39