คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยานพาหนะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 202 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะในการชิงทรัพย์ - การกระทำโดยปัจจุบันทันด่วนและการไม่มีส่วนรู้เห็นร่วมกัน
จำเลยที่ 1 อาศัยรถยนต์ที่จำเลยที่ 3 ขับไปกระทำกิจธุระอื่นโดยมิได้มีเจตนาจะกระทำผิดฐานชิงทรัพย์มาก่อน เหตุชิงทรัพย์เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยจำเลยที่ 1 ลงไปกระทำการขณะที่รถยนต์จอดเพราะการจราจรติดขัด ประกอบกับจำเลยที่ 3 ก็มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยแต่อย่างใด การชิงทรัพย์ของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการกระทำโดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ: ศาลฎีกาแก้บทลงโทษจากความผิดฐานใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ธรรมดา
จำเลยที่ 4 นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับขี่มาที่เกิดเหตุขณะจำเลยที่ 1,2 ลักทรัพย์ จำเลยที่ 4 ก็ยืนคอยอยู่แถวนั้น พฤติการณ์ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 4 มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดด้วย
ขณะจำเลยกระทำผิด รถจักรยานยนต์พาหนะของจำเลยยังจอดอยู่ที่เดิมมิได้ก่อให้เกิดความสะดวกในการลักทรัพย์แต่อย่างใดการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336ทวิ
ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 ทวิ จำเลยที่ 4 ฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ 4 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) ศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วย.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลบหนีหลังปล้นทรัพย์ และการริบของกลาง
ผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์สวนทางกับจำเลย แล้วผู้เสียหายถูกพวกของจำเลย 2 คนใช้อาวุธปืนจี้บังคับเอาทรัพย์ ขณะที่มีการค้นตัวผู้เสียหายจำเลยขับรถจักรยานยนต์ย้อนกลับมาจอดห่างผู้เสียหายประมาณ 1 วา แต่มิได้ลงจากรถ เมื่อพวกของจำเลยได้ทรัพย์จากผู้เสียหายแล้ว จำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ออกไปและพวกของจำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายซ้อนท้ายตามไปพฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยใช้รถจักรยานยนต์เพื่อกระทำความผิดแต่การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ออกไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกับพวก เป็นเหตุให้ผู้เสียหายซึ่งออกติดตามพวกของจำเลยไป ไม่สามารถติดตามได้ทัน ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลบหนีไปเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี แล้ว
การที่โจทก์ฎีกาขอให้ระวางโทษจำเลยอีกกึ่งหนึ่งนั้น ถือได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 340 ตรี แล้ว โดยระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 340 กึ่งหนึ่ง
รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยขับมายังที่เกิดเหตุและขับออกไปจากที่เกิดเหตุ แม้จะเป็นความผิดตามมาตรา 340 ตรี แต่การจะริบได้หรือไม่นั้น จะต้องเป็นทรัพย์ซึ่งได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดมาตรา 33 (1) เมื่อของกลางมิใช่ทรัพย์ซึ่งได้ใช้ในการกระทำผิดจึงริบไม่ได้
โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานรู้เห็นในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว พยานอื่นเป็นเพียงพยานแวดล้อม กรณีถือได้ว่าคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ชอบที่ศาลจะลดโทษให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์และการหลบหนี
ผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์สวนทางกับจำเลย แล้วผู้เสียหายถูกพวกของจำเลย 2 คนใช้อาวุธปืนจี้บังคับเอาทรัพย์ ขณะที่มีการค้นตัวผู้เสียหายจำเลยขับรถจักรยานยนต์ย้อนกลับมาจอดห่างผู้เสียหายประมาณ 1 วา แต่มิได้ลงจากรถ เมื่อพวกของจำเลยได้ทรัพย์จากผู้เสียหายแล้ว จำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ออกไปและพวกของจำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายซ้อนท้ายตามไปพฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยใช้รถจักรยานยนต์เพื่อกระทำความผิดแต่การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ออกไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกับพวก เป็นเหตุให้ผู้เสียหายซึ่งออกติดตามพวกของจำเลยไป ไม่สามารถติดตามได้ทัน ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลบหนีไปเพื่อให้พ้นจากการจับกุมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี แล้ว
การที่โจทก์ฎีกาขอให้ระวางโทษจำเลยอีกกึ่งหนึ่งนั้น ถือได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 340 ตรี แล้ว โดยระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 340 กึ่งหนึ่ง
รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยขับมายังที่เกิดเหตุและขับออกไปจากที่เกิดเหตุ แม้จะเป็นความผิดตามมาตรา 340 ตรี แต่การจะริบได้หรือไม่นั้น จะต้องเป็นทรัพย์ซึ่งได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดมาตรา 33(1)เมื่อของกลางมิใช่ทรัพย์ซึ่งได้ใช้ในการกระทำผิดจึงริบไม่ได้
โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานรู้เห็นในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว พยานอื่นเป็นเพียงพยานแวดล้อม กรณีถือได้ว่าคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ชอบที่ศาลจะลดโทษให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางที่เป็นยานพาหนะใช้ในการลักทรัพย์ ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่เข้าข่ายต้องริบ หากใช้เพียงเพื่อเดินทางไป-กลับ
จำเลยทั้งห้าใช้เรือไม้และเครื่องยนต์เป็นยานพาหนะไปลักรังนกอีแอ่นบนเกาะ เมื่อลักรังนกอีแอ่นได้แล้ว ขณะกลับมาลงเรือของกลางก็ถูกจับ ดังนี้ เรือไม้และเครื่องยนต์ของกลางดังกล่าวเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยทั้งห้าใช้เดินทางไปมายังเกาะที่เกิดเหตุเพื่อลักทรัพย์เท่านั้น จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำผิดอันจะพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง
จำเลยใช้เรือไม้และเครื่องยนต์ของกลางเป็นพาหนะเดินทางไปยังเกาะที่เกิดเหตุเพื่อลักทรัพย์ และนำทรัพย์ที่ลักกลับจากเกาะนั้นด้วยเรือไม้และเครื่องยนต์ดังกล่าวเป็นเพียงยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางไปมาเท่านั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยานพาหนะที่ใช้ในการลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยทั้งห้าใช้เรือไม้และเครื่องยนต์เป็นยานพาหนะไปลักรังนกอีแอ่นบนเกาะเมื่อลักรังนกอีแอ่นได้แล้ว ขณะกลับมาลงเรือของกลางก็ถูกจับ ดังนี้ เรือไม้และเครื่องยนต์ของกลางดังกล่าวเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยทั้งห้าใช้เดินทางไปมายังเกาะที่เกิดเหตุเพื่อลักทรัพย์เท่านั้น จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำผิดอันจะพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา33(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความบทลงโทษหนักขึ้นตามมาตรา 340 ตรี ต้องพิจารณาเฉพาะตัวผู้กระทำความผิดโดยตรง
มาตรา 340 ตรี เป็นบทลงโทษผู้กระทำความผิดตามมาตรา 339, 339 ทวิ, 340 หรือ 340 ทวิ หนักขึ้น จึงต้องตีความโดยเคร่งครัด คือ หมายความเฉพาะตัวผู้กระทำตามที่ระบุไว้ในมาตรา 340 ตรีเท่านั้น การที่พวกของจำเลย 2 คนกระทำผิดโดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ แต่จำเลยไม่ได้ใช้ยานพาหนะในการกระทำความผิด จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 340 ตรี คงมีความผิดตามมาตรา 340 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษหนักขึ้นสำหรับความผิดปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ต้องเป็นผู้กระทำความผิดเอง ไม่ใช่แค่ร่วมกระทำ
ป.อ.มาตรา340ตรี เป็นบทลงโทษผู้กระทำผิดตามมาตรา339,339ทวิ,340หรือ340ทวิหนักขึ้นจึงต้องตีความโดยเคร่งครัดคือหมายความเฉพาะตัวผู้กระทำผิดตามที่ระบุไว้ในมาตรา340ตรีเท่านั้นเมื่อจำเลยมิได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการกระทำผิดแม้จะร่วมกับคนร้ายอื่นซึ่งใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะทำการปล้นทรัพย์จำเลยก็ไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา340ตรี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ ศาลฎีกาพิพากษาให้ริบได้หากมีพฤติการณ์ใช้ยานพาหนะนั้นในการกระทำความผิด
รถจักรยานยนต์ของกลางที่จำเลยที่1กับพวกใช้แล่นไล่ตามและขับปาดหน้ารถจักรยานยนต์ผู้เสียหายให้หยุดเพื่อทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหายถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ศาลมีอำนาจสั่งริบตามป.อ.มาตรา33.
of 21