พบผลลัพธ์ทั้งหมด 784 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10190/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สิน: การปฏิบัติตามระเบียบและสิทธิของผู้เสนอราคา
ระเบียบของกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๓๙ ระบุว่า การประมาณราคาทรัพย์ที่มีการจำนำ หรือจำนองต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับ ข้อ ๓๗ และ ๓๘ แต่ให้หมายเหตุไว้ด้วยว่าจำนำหรือจำนองเมื่อใด เพื่อประกอบดุลพินิจในการขายทอดตลาดระเบียบดังกล่าวบังคับเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ทำการยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยให้ทำหมายเหตุไว้ แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีบกพร่องไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว ถึงกระนั้นข้อบกพร่องดังกล่าวก็มิได้ทำให้การยึดทรัพย์และขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบ เพราะระเบียบดังกล่าวมีไว้เพื่อประโยชน์ในการประมาณราคาทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึด แต่การประมาณราคาทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการยึดครั้งนี้ ไม่ปรากฏว่าประมาณราคาต่ำหรือผิดพลาดเพราะความบกพร่องด้วยเหตุดังกล่าว ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ผู้นำยึดได้คัดค้านการประมาณราคาทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าไม่ถูกต้องหรือต่ำกว่าราคาท้องตลาดการประมาณราคาทรัพย์สินจำเลยที่โจทก์นำยึดครั้งนี้จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กำหนดการขายทอดตลาด และทำการขายมาแล้วถึงสี่ครั้ง แต่ได้ราคาต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ประมาณการไว้ และในการขายแต่ละครั้งโจทก์มีสิทธิเข้าสู้ราคาเพื่อให้ได้ราคาขายที่สูง แต่โจทก์ก็ละเลยไม่เข้าสู้ราคา ในการขายครั้งสุดท้ายเมื่อ ว.ให้ราคาสูงสุดซึ่งสูงกว่าที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีคำสั่งขายให้ ว. การดำเนินการขายของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงชอบด้วยระเบียบและกฎหมายแล้ว
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กำหนดการขายทอดตลาด และทำการขายมาแล้วถึงสี่ครั้ง แต่ได้ราคาต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ประมาณการไว้ และในการขายแต่ละครั้งโจทก์มีสิทธิเข้าสู้ราคาเพื่อให้ได้ราคาขายที่สูง แต่โจทก์ก็ละเลยไม่เข้าสู้ราคา ในการขายครั้งสุดท้ายเมื่อ ว.ให้ราคาสูงสุดซึ่งสูงกว่าที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีคำสั่งขายให้ ว. การดำเนินการขายของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงชอบด้วยระเบียบและกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์โดยประมาทเลินเล่อทำให้เจ้าของสิทธิได้รับความเสียหาย เจ้าหนี้ต้องรับผิดตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3)จำเลยโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงนำยึดที่ดินดังกล่าวขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่ตนเองอ้างว่าเป็นที่ดินของ พ. ลูกหนี้จำเลยโดยไม่ได้ตรวจสอบว่าที่ดินดังกล่าวมีหนังสือสำคัญแล้วหรือไม่และเป็นที่ดินของลูกหนี้ของตนหรือไม่เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยให้การเพียงว่าขณะที่จำเลยนำยึดที่ดินพิพาทมีเพียงใบภ.บ.ท.5ไม่มีหลักฐานเอกสารสิทธิอย่างอื่นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์เป็นเอกสารปลอมจึงมีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยยึดที่ดินพิพาทโดยประมาทเลินเล่ออันเป็นการยึดและขายทรัพย์สินโดยมิชอบหรือไม่การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยยึดที่พิพาทโดยสุจริตหรือไม่จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142วรรคหนึ่งประกอบด้วยมาตรา183วรรคสองอันเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามมาตรา142(5)ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาไปตามประเด็นที่ถูกต้องได้ โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยจดทะเบียนรับโอนด้วยการซื้อจาก พ. ได้รับความเสียหายอันเกิดจากการยึดและขายทรัพย์สินของจำเลยผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของ พ. โดยมิชอบจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เป็นบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา284วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7888/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่พนักงานอัยการในการบังคับคดีตามสัญญาประกัน: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำกัดเฉพาะการร้องขอออกหมายบังคับคดี ไม่รวมถึงการยึดทรัพย์
ในระหว่างฎีกาปรากฏว่าผู้ประกันจำเลยได้นำตัวจำเลยส่งมอบต่อศาลและได้ยื่นคำร้องขอลดค่าปรับซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งลดค่าปรับให้คดีถึงที่สุดและผู้ประกันจำเลยได้ชำระค่าปรับต่อศาลชั้นต้นถูกต้องครบถ้วนแล้วศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งงดการบังคับคดีและคืนหลักประกันดังนั้นปัญหาตามฎีกาพนักงานอัยการที่ว่าพนักงานอัยการไม่มีหน้าที่ดำเนินการบังคับคดีโดยไปนำยึดหรือมอบหมายให้ผู้อื่นไปนำยึดทรัพย์สินของผู้ประกันจำเลยจึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4740/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับชำระหนี้จำนอง: ผู้รับจำนองมีสิทธิขอรับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่ถูกยึด แม้ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคแรกไม่มีข้อจำกัดสิทธิของผู้รับจำนองว่าจะต้องฟ้องร้องบังคับจำนองก่อนหรือจะต้องเป็นเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษาจึงจะขอรับชำระหนี้ได้ทั้งไม่มีบทบัญญัติใดระบุว่าโจทก์และผู้รับจำนองจะต้องเป็นบุคคลฐานะเดียวกันไม่ได้ หากผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยมีที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้จำนองเป็นประกัน ผู้ร้องย่อมอาศัยอำนาจแห่งการจำนองขอให้ศาลขายที่ดินโดยปลอดจำนองเพื่อนำเงินที่ขายได้ชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4740/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับจำนองในการขอรับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่ถูกยึด แม้มิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
บทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา289วรรคแรกไม่มีข้อจำกัดสิทธิของผู้รับจำนองว่าจะต้องฟ้องร้องบังคับก่อนหรือจะต้องเป็นเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษาจึงจะขอรับชำระหนี้ได้ทั้งไม่มีบทบัญญัติใดระบุว่าโจทก์และผู้รับจำนองจะต้องเป็นบุคคลฐานะเดียวกันไม่ได้หากผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยมีที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้จำนองเป็นประกันผู้ร้องย่อมอาศัยอำนาจแห่งการจำนองขอให้ศาลขายที่ดินโดยปลอดจำนองเพื่อนำเงินที่ขายได้ชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นได้ แม้ประเด็นว่าจำเลยได้จดทะเบียนที่ดินโฉนดเลขที่45816จำนองต่อผู้ร้องหรือไม่ศาลอุทธรณ์จะมิได้วินิจฉัยไว้แต่เมื่อคู่ความได้สืบพยานในประเด็นนี้เสร็จแล้วศาลฎีกาย่อมเห็นสมควรวินิจฉัยไปทีเดียวโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4740/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับจำนองขอรับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่ถูกยึด แม้ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา289วรรคแรกไม่มีข้อจำกัดสิทธิของผู้รับจำนองว่าจะต้องฟ้องร้องบังคับจำนองก่อนหรือจะต้องเป็นเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษาจึงจะขอรับชำระหนี้ได้ทั้งไม่มีบทบัญญัติใดระบุว่าโจทก์และผู้รับจำนองจะต้องเป็นบุคคลฐานะเดียวกันไม่ได้หากผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยมีที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้จำนองเป็นประกันผู้ร้องย่อมอาศัยอำนาจแห่งการจำนองขอให้ศาลขายที่ดินโดยปลอดจำนองเพื่อนำเงินที่ขายได้ชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดค่าธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้แพ้คดีต้องรับผิด แม้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการยึดทรัพย์
โจทก์เป็นผู้นำ เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินของจำเลยซึ่งเป็น ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ตามปกติแล้วโจทก์เป็นฝ่ายมีหน้าที่ต้องชำระ ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในการยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายตามตาราง5ข้อ3ท้ายป.วิ.พ.และป.วิ.พ.มาตรา149แต่มาตรา149อยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดชั้นที่สุดของคู่ความในเรื่อง ค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งมาตรา161วรรคแรกบัญญัติให้ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีและวรรคสองบัญญัติว่าถ้ามิได้ระบุค่าฤชาธรรมเนียมชนิดใดไว้โดยเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียมนั้นให้รวมถึงค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีด้วยคดีนี้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีจึงต้องรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีอย่างไรก็ตามบทบัญญัติมาตรา161วรรคแรกให้เป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดหรือแต่บางส่วนโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: ศาลฎีกาตัดสินให้จำเลยรับผิดเมื่อโจทก์สุจริตในการยึดทรัพย์และจำเลยประวิงการชำระหนี้
โจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา149มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง5ข้อ3ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งเป็นค่าฤชาธรรมเนียมตามมาตรา161วรรคสองแต่บทบัญญัติในมาตรา149อยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดชันที่สุดของคู่ความในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งมาตรา161วรรคแรกบัญญัติให้ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีย่อมตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีและให้เป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดหรือแต่บางส่วนโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวงได้เมื่อโจทก์เป็นผู้นำเจ้าพักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินทั้งสามแปลงของจำเลยโดยสุจริตแต่จำเลยเป็นฝ่ายไม่สุจริตในการบังคับคดีและประวิงการชำระหนี้แก่โจทก์ศาลจึงให้จำเลยเป็นผู้รับผิดในค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายตามตาราง5ข้อ3ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2686/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบังคับคดีเหนือทรัพย์สินที่ถูกยึดก่อน: สิทธิจากการบังคับตามคำพิพากษา vs. สิทธิของผู้มีสิทธิบังคับตามกฎหมาย
แม้โจทก์ได้นำยึดที่ดินพิพาทไว้ก่อนแต่เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยที่1จดทะเบียนขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องก็ถือว่าผู้ร้องมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1300โจทก์ไม่มีสิทธินำยึดที่ดินพิพาทผู้ร้องย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา287ร้องขอให้เพิกถอนการยึดของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2636/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมและการบังคับคดี: เจ้าหนี้มีสิทธิยึดและขายทอดตลาดได้ทั้งแปลงหากเจ้าของรวมตกลงแบ่งไม่ได้
ผู้ร้องและจำเลยกับพวกเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมโดยยังมิได้มีการแบ่งส่วนเช่นนี้โจทก์ทั้งหกซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธินำยึดและขายทอดตลาดไปได้ทั้งแปลงเพราะกรณีระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมถ้าไม่ตกลงกันว่าจะแบ่งทรัพย์กันอย่างไรแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1364ก็ต้องขายไปทั้งแปลงโจทก์ทั้งหกขอขายทั้งแปลงผู้ร้องจึงขอให้กันส่วนของผู้ร้องออกจากการขายทอดตลาดหาได้ไม่