พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3200/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: รู้หรือควรจะรู้ว่าทรัพย์นั้นได้มาจากการกระทำความผิด
จำเลยได้รับซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ ซึ่งเป็นรถที่มีทะเบียน แต่จำเลยก็ยังรับซื้อมาในราคาเพียง 3,000 บาท ซึ่งเป็นราคาถูกผิดปกติอย่างมากโดยมิได้สนใจเรื่องการโอนทะเบียนรถ พฤติการณ์มีเหตุบ่งชี้ชัดแจ้งว่าจำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3200/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับซื้อทรัพย์สินที่ได้มาจากการลักทรัพย์ โดยรู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย ถือเป็นความผิดฐานรับของโจร
จำเลยได้รับซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ซึ่งเป็นรถที่มีทะเบียนแต่จำเลยก็ยังรับซื้อมาในราคาเพียง3,000บาทซึ่งเป็นราคาถูกผิดปกติอย่างมากโดยมิได้สนใจเรื่องการโอนทะเบียนรถพฤติการณ์มีเหตุบ่งชี้ชัดแจ้งว่าจำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยแจ้งความประสงค์เรียกค่าไถ่รถยนต์ที่ถูกลักยืม ไม่ได้มีส่วนได้ประโยชน์ จึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร
พี่ชายจำเลยที่ 1 ลักรถยนต์ไปจากการครอบครองของผู้เสียหายที่ 2 ผู้เสียหายที่ 2 ได้บอกให้จำเลยที่ 1ช่วยติดตามรถยนต์คืนจำเลยทั้งสองได้พบ พ.และพ.ต้องการเงิน 30,000 บาท เป็นค่าไถ่รถยนต์คืนจำเลยทั้งสองจึงได้บอกให้ผู้เสียหายที่ 2 ทราบและให้โอนเงินไปให้จำเลยที่ 1ที่ธนาคาร จำเลยทั้งสองไปรับเงินที่ธนาคารและถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนจะได้รับประโยชน์จากเงินค่าไถ่รถยนต์ เพียงแต่จำเลยทั้งสองแจ้งความประสงค์ของ พ. ให้ผู้เสียหายที่ 2 ทราบ การจะตัดสินใจอย่างไรเป็นเรื่องของผู้เสียหายที่ 2 จำเลยทั้งสองได้จัดการสืบหารถยนต์ตามความประสงค์ของผู้เสียหายที่ 2และเมื่อผู้ที่ลักรถยนต์ไปต้องการค่าไถ่ จำเลยทั้งสองได้แจ้งให้ผู้เสียหายที่ 2 ทราบ และได้มีการโอนเงินเพื่อเสียค่าใช้จ่ายผ่านจำเลยที่ 1 โดยจำเลยทั้งสองมิได้รับประโยชน์ด้วย จำเลยทั้งสองย่อมไม่มีความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความประสงค์ของผู้อื่นเพื่อไถ่รถยนต์ที่ถูกลักไป ไม่ถือเป็นความผิดฐานรับของโจร
พี่ชายจำเลยที่1ลักรถยนต์ไปจากการครอบครองของผู้เสียหายที่2ผู้เสียหายที่2ได้บอกให้จำเลยที่1ช่วยติดตามรถยนต์คืนจำเลยทั้งสองได้พบพ. และพ.ต้องการเงิน30,000บาทเป็นค่าไถ่รถยนต์คืนจำเลยทั้งสองจึงได้บอกให้ผู้เสียหายที่2ทราบและให้โอนเงินไปให้จำเลยที่1ที่ธนาคารจำเลยทั้งสองไปรับเงินที่ธนาคารและถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนจะได้รับประโยชน์จากเงินค่าไถ่รถยนต์เพียงแต่จำเลยทั้งสองแจ้งความประสงค์ของพ. ให้ผู้เสียหายที่2ทราบการจะตัดสินใจอย่างไรเป็นเรื่องของผู้เสียหายที่2จำเลยทั้งสองได้จัดการสืบหารถยนต์ตามความประสงค์ของผู้เสียหายที่2และเมื่อผู้ที่ลักรถยนต์ไปต้องการค่าไถ่จำเลยทั้งสองได้แจ้งให้ผู้เสียหายที่2ทราบและได้มีการโอนเงินเพื่อเสียค่าใช้จ่ายผ่านจำเลยที่1โดยจำเลยทั้งสองมิได้รับประโยชน์ด้วยจำเลยทั้งสองย่อมไม่มีความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความประสงค์เรียกค่าไถ่รถยนต์ที่ถูกลักยืม ไม่เข้าข่ายความผิดฐานรับของโจร
พี่ชายจำเลยที่1ลักรถยนต์ไปจากการครอบครองของผู้เสียหายที่2ผู้เสียหายที่2ได้บอกให้จำเลยที่1ช่วยติดตามรถยนต์คืนจำเลยทั้งสองได้พบพ. และพ.ต้องการเงิน30,000บาทเป็นค่าไถ่รถยนต์คืนจำเลยทั้งสองจึงได้บอกให้ผู้เสียหายที่2ทราบและให้โอนเงินไปให้จำเลยที่1ที่ธนาคารจำเลยทั้งสองไปรับเงินที่ธนาคารและถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนจะได้รับประโยชน์จากเงินค่าไถ่รถยนต์เพียงแต่จำเลยทั้งสองแจ้งความประสงค์ของพ. ให้ผู้เสียหายที่2ทราบการจะตัดสินใจอย่างไรเป็นเรื่องของผู้เสียหายที่2จำเลยทั้งสองได้จัดการสืบหารถยนต์ตามความประสงค์ของผู้เสียหายที่2และเมื่อผู้ที่ลักรถยนต์ไปต้องการค่าไถ่จำเลยทั้งสองได้แจ้งให้ผู้เสียหายที่2ทราบและได้มีการโอนเงินเพื่อเสียค่าใช้จ่ายผ่านจำเลยที่1โดยจำเลยทั้งสองมิได้รับประโยชน์ด้วยจำเลยทั้งสองย่อมไม่มีความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จำเป็นต้องสืบพยานให้ชัดเจนถึงฐานความผิดที่จำเลยกระทำ
ฟ้องขอให้ลงโทษลักทรัพย์หรือรับของโจร แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยข้อหาใดข้อหาหนึ่งเพียงข้อหาเดียวเพราะเป็นความผิดคนละฐานกัน จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ ไม่ชัดเจนพอที่จะชี้ขาดว่าจำเลยกระทำผิดฐานใดแม้จะเป็นแบบพิมพ์คำให้การที่โรเนียวล่วงหน้าไว้ก็ตามก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่งของจำเลย มิฉะนั้นลงโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ต้องมีการสืบพยานให้ชัดเจนถึงฐานความผิดที่จำเลยกระทำ
ฟ้องขอให้ลงโทษ ลักทรัพย์หรือ รับของโจร แสดงว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยข้อหาใดข้อหาหนึ่งเพียงข้อหาเดียวเพราะเป็นความผิดคนละฐานกันจำเลยให้การ รับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการไม่ชัดเจนพอที่จะชี้ขาดว่าจำเลยกระทำผิดฐานใดแม้จะเป็น แบบพิมพ์ คำให้การที่โรเนียวล่วงหน้าไว้ก็ตามก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้อง สืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่งของจำเลยมิฉะนั้นลงโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: พยานหลักฐานไม่เพียงพอต้องฟังว่าจำเลยทราบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์
คำเบิกความของพยานโจทก์ไม่สามารถยืนยันว่าจำเลยได้รับไว้ซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักมาอย่างไรและจำเลยทราบหรือไม่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่สามารถฟังได้โดยปราศจากความสงสัยว่าจำเลยเป็นคนร้ายรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ข้อหาลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงเป็นรับของโจร ศาลมีอำนาจลงโทษได้หากโจทก์ไม่โต้แย้ง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธและนำสืบอ้างฐานที่อยู่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานลักทรัพย์แต่มิได้วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจำเลยทั้งสี่กระทำความผิดฐานรับของโจรหรือไม่เมื่อโจทก์เห็นว่าข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานที่นำสืบจำเลยที่1ถึงที่3มีความผิดฐานรับของโจร ก็ชอบจะอุทธรณ์ให้ศาลลงโทษจำเลยที่1ถึงที่3ในความผิดฐานดังกล่าวได้ โจทก์นำสืบพยานหลักฐานว่าจำเลยทั้งสี่กระทำผิดฐานลักทรัพย์ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่ามีคนร้ายลักทรัพย์จริงแต่พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยทั้งสี่แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์โจทก์ไม่อุทธรณ์ในข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์ต้องถือว่าจำเลยทั้งสี่มิได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์คงมีปัญหาในชั้นอุทธรณ์ตามที่โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยที่1ถึงที่3กระทำผิดฐานรับของโจรหรือไม่เท่านั้นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค2พิจารณาว่าพฤติการณ์ของจำเลยที่1ถึงที่3ฟังได้ว่าเป็นการช่วยพาเอาไปเสียซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์และพิพากษาลงโทษฐานรับของโจรจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสามแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ขยายข้อกล่าวหาจากลักทรัพย์เป็นรับของโจร ศาลมีอำนาจลงโทษได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานลักทรัพย์จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธและนำสืบอ้างฐานที่อยู่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานลักทรัพย์แต่มิได้วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจำเลยทั้งสี่กระทำความผิดฐานรับของโจรหรือไม่เมื่อโจทก์เป็นว่าข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานที่นำสืบจำเลยที่1ถึงที่3มีความผิดฐานรับของโจรซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสามโจทก์จึงอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยที่1ถึงที่3ในความผิดฐานรับของโจรได้