พบผลลัพธ์ทั้งหมด 213 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินด้วยกันสาด: สิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดินของผู้อื่นเมื่อเจ้าของเดิมเป็นผู้สร้าง
เจ้าของที่ดินเดิมเป็นผู้สร้างตึกพร้อม กันสาด แล้วได้แบ่งแยกเป็นแปลง ๆ ขาย ทำให้กันสาดที่สร้างในที่ดินแปลงหนึ่งรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่แบ่งแยกอีกแปลงหนึ่ง จำเลยซื้อตึกซึ่งมีกันสาดอยู่แล้วส่วนโจทก์ซื้อที่ดินในสภาพที่มีกันสาดดังกล่าวรุกล้ำ ดังนี้กันสาดที่รุกล้ำมิได้เกิดจากจำเลยเป็นผู้สร้าง จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 ซึ่งเป็นบทยกเว้นเรื่องส่วนควบและแดนกรรมสิทธิ์ โดยบุคคลผู้สร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตมีสิทธิใช้ที่ดินของผู้อื่นในส่วนที่รุกล้ำนั้น แต่ต้องเสียค่าใช้ที่ดินแก่เจ้าของที่ดินเมื่อจำเลยมิได้เป็นผู้สร้าง จึงไม่มีกฎหมายที่จะยกมาปรับแก่คดีได้ ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 มาใช้บังคับคืออาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งซึ่งได้แก่มาตรา1312 วรรคแรก ฉะนั้นจำเลยย่อมมีสิทธิใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะกันสาดที่รุกล้ำเข้าไปได้ ส่วนโจทก์ไม่มีสิทธิให้จำเลยรื้อกันสาด คงมีสิทธิเรียกเงินเป็นค่าที่จำเลยใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดิน แต่โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับในส่วนนี้ ศาลจึงไม่อาจบังคับให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินจากโครงสร้างเดิม: สิทธิใช้ประโยชน์และขอบเขตอำนาจฟ้อง
เจ้าของที่ดินเดิมเป็นผู้สร้างตึกพร้อมทั้งกันสาดในที่ดินของตนเอง ต่อมาได้แบ่งแยกที่ดินเป็นแปลง ๆ ทำให้กันสาดของตึกที่สร้างในที่ดินแปลงหนึ่งรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่แบ่งแยกอีกแปลงหนึ่ง กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 1312เพราะการรุกล้ำมิได้เกิดจากจำเลยเป็นผู้สร้าง มาตรา 1312 เป็นบทยกเว้นเรื่องส่วนควบและแดนกรรมสิทธิ์ โดยบุคคลผู้สร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต มีสิทธิใช้ที่ดินของผู้อื่นในส่วนที่รุกล้ำนั้นได้ แต่ต้องเสียเงินให้แก่เจ้าของที่ดินเป็นค่าใช้ที่ดิน และจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอม คดีนี้จำเลยมิได้เป็นผู้สร้าง หากแต่เจ้าของที่ดินเดิมเป็นผู้สร้างในที่ดินของตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งไม่มีกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้ จึงต้องนำป.พ.พ. มาตรา 4 มาใช้บังคับ คืออาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง ได้แก่มาตรา 1312 วรรคแรก คือจำเลยมีสิทธิใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะที่กันสาดรุกล้ำเข้าไปนั้นได้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อกันสาด แต่มีสิทธิที่จะเรียกเงินเป็นค่าที่จำเลยใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ต่อไปแต่โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับเช่นนั้น คงฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จึงไม่อาจบังคับให้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4187/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินต่อเนื่องและอายุความละเมิด การประเมินค่าเสียหายที่ดินที่เหลือใช้ประโยชน์ได้
จำเลยบุกรุกก่อสร้างถนนล้ำเข้าไปในที่ดินของมารดาโจทก์ขุดคูและปักป้ายชื่อถนนในที่ดินพิพาท ต่อมาโจทก์ได้ที่ดินพิพาทมาจากการสืบสิทธิของมารดา และขณะที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้วจำเลยก็ยังรุกล้ำที่ดินพิพาทอยู่อีก จึงถือว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ด้วย และจำเลยกระทำละเมิดต่อเนื่องกันตลอดมา ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
แม้ที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือจากการรุกล้ำของจำเลยไม่พอปลูกสร้างอาคารตึกแถวตามปกติได้เพราะมีเนื้อที่เหลือเพียงประมาณ 11 ตารางวา แต่โจทก์ก็พอจะใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทในทางอื่นได้ใช่ว่าที่ดินของโจทก์จะหมดค่าไปโดยสิ้นเชิง โจทก์จะคิดเป็นค่าเสียหายเท่ากับราคาที่ดินทั้งแปลงไม่ได้
แม้ที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือจากการรุกล้ำของจำเลยไม่พอปลูกสร้างอาคารตึกแถวตามปกติได้เพราะมีเนื้อที่เหลือเพียงประมาณ 11 ตารางวา แต่โจทก์ก็พอจะใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทในทางอื่นได้ใช่ว่าที่ดินของโจทก์จะหมดค่าไปโดยสิ้นเชิง โจทก์จะคิดเป็นค่าเสียหายเท่ากับราคาที่ดินทั้งแปลงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4187/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินต่อเนื่อง อายุความ และการประเมินค่าเสียหายที่ดินที่เหลือใช้ประโยชน์ได้
จำเลยก่อสร้างถนน ขุดคู และปักป้ายชื่อถนนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินของมารดาโจทก์ ต่อมาโจทก์ได้ที่ดินพิพาทมาจากการสืบสิทธิของมารดา และขณะที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้วจำเลยก็ยังรุกล้ำที่ดินพิพาทอยู่อีก จึงถือว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ด้วย และจำเลยกระทำละเมิดต่อเนื่องกันตลอดมาฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ เมื่อที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือจากการรุกล้ำของจำเลยไม่พอปลูกสร้างอาคารตึกแถวตามปกติได้เพราะมีเนื้อที่เหลือเพียงประมาณ11 ตารางวา แต่โจทก์ก็พอจะใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทในทางอื่นได้ ใช่ว่าที่ดินของโจทก์จะหมดค่าไปโดยสิ้นเชิง จึงไม่อาจคิดค่าเสียหายเท่ากับราคาที่ดินทั้งแปลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4187/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินต่อเนื่อง ละเมิดกรรมสิทธิ์ และการประเมินค่าเสียหายเหมาะสม
จำเลยบุกรุกก่อสร้างถนนล้ำ เข้าไปในที่ดินของมารดาโจทก์ขุดคูและปักป้ายชื่อถนนในที่ดินพิพาท ต่อมาโจทก์ได้ที่ดินพิพาทมาจากการสืบสิทธิของมารดา และขณะที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้วจำเลยก็ยังรุกล้ำที่ดินพิพาทอยู่อีก จึงถือว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ด้วย และจำเลยกระทำละเมิดต่อเนื่องกันตลอดมา ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ แม้ที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือจากการรุกล้ำของจำเลยไม่พอปลูกสร้างอาคารตึกแถวตามปกติได้เพราะมีเนื้อที่เหลือเพียงประมาณ11 ตารางวา แต่โจทก์ก็พอจะใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทในทางอื่นได้ใช่ว่าที่ดินของโจทก์จะหมดค่าไปโดยสิ้นเชิง โจทก์จะคิดเป็นค่าเสียหายเท่ากับราคาที่ดินทั้งแปลงไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2615/2532 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยสุจริต โจทก์ไม่สามารถบังคับรื้อถอนได้ แต่มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้ที่ดินตามกฎหมาย
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารในที่ดินของจำเลยเอง หากรุกล้ำที่ดินของโจทก์ก็เป็นการปลูกสร้างโดยสุจริต และต่อสู้ในเรื่องค่าเสียหาย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินโจทก์โดยสุจริต โจทก์ย่อมไม่อาจบังคับจำเลยให้รื้อถอนอาคารที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ได้และเนื่องจากคดีไม่มีประเด็นในเรื่องจำนวนเงินค่าใช้ที่ดิน และเรื่องการจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๑๒ ศาลจึงไม่อาจพิจารณาพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมเฉพาะที่ดินส่วนที่อาคารของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ และให้จำเลยชำระค่าใช้ที่ดินให้แก่โจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2615/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยสุจริต ศาลไม่อาจบังคับรื้อถอน แต่เปิดโอกาสให้ตกลงเรื่องค่าใช้ที่ดินหรือภารจำยอม
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารในที่ดินของจำเลยเอง หากรุกล้ำที่ดินของโจทก์ก็เป็นการปลูกสร้างโดยสุจริต และต่อสู้ในเรื่องค่าเสียหาย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินโจทก์โดยสุจริต โจทก์ย่อมไม่อาจบังคับจำเลยให้รื้อถอนอาคารที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ได้และเนื่องจากคดีไม่มีประเด็นในเรื่องจำนวนเงินค่าใช้ที่ดิน และเรื่องการจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๑๒ ศาลจึงไม่อาจพิจารณาพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมเฉพาะที่ดินส่วนที่อาคารของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ และให้จำเลยชำระค่าใช้ที่ดินให้แก่โจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2615/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยสุจริตและสิทธิในการใช้ประโยชน์ที่ดิน: ศาลไม่อาจบังคับรื้อถอน แต่ให้ชำระค่าใช้ที่ดิน
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารในที่ดินของจำเลยเองหากรุกล้ำที่ดินของโจทก์ก็เป็นการปลูกสร้างโดยสุจริตและต่อสู้ในเรื่องค่าเสียหาย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินโจทก์โดยสุจริต โจทก์ย่อมไม่อาจบังคับจำเลยให้รื้อถอนอาคารที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ได้และเนื่องจากคดีไม่มีประเด็นในเรื่องจำนวนเงินค่าใช้ที่ดิน และเรื่องการจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมตามป.พ.พ. มาตรา 1312 ศาลจึงไม่อาจพิจารณา พิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมเฉพาะที่ดินส่วนที่อาคารของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ และให้จำเลยชำระค่าใช้ที่ดินให้แก่โจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2615/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยสุจริต เจ้าของอาคารมีสิทธิในส่วนที่รุกล้ำ โจทก์ไม่สามารถบังคับรื้อถอนได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารในที่ดินของจำเลยเอง หากรุกล้ำที่ดินของโจทก์ก็เป็นการปลูกสร้างโดยสุจริต และต่อสู้ในเรื่องค่าเสียหาย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินโจทก์โดยสุจริต โจทก์ย่อมไม่อาจบังคับจำเลยให้รื้อถอนอาคารที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ได้ และเนื่องจากคดีไม่มีประเด็นในเรื่องจำนวนเงินค่าใช้ที่ดิน และเรื่องการจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1312 ศาลจึงไม่อาจพิจารณาพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมเฉพาะที่ดินส่วนที่อาคารของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ และให้จำเลยชำระค่าใช้ที่ดินให้แก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2615/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยสุจริต โจทก์ไม่สามารถบังคับรื้อถอนได้ แต่มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้ที่ดินตามกฎหมาย
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารในที่ดินของจำเลยเอง หากรุกล้ำที่ดินของโจทก์ก็เป็นการปลูกสร้างโดยสุจริต และต่อสู้ในเรื่องค่าเสียหาย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินโจทก์โดยสุจริต โจทก์ย่อมไม่อาจบังคับจำเลยให้รื้อถอนอาคารที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ได้และเนื่องจากคดีไม่มีประเด็นในเรื่องจำนวนเงินค่าใช้ที่ดิน และเรื่องการจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 ศาลจึงไม่อาจพิจารณาพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมเฉพาะที่ดินส่วนที่อาคารของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ และให้จำเลยชำระค่าใช้ที่ดินให้แก่โจทก์ได้.