คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลายมือชื่อ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6930/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือสัญญากู้ยืมที่ผู้กู้ลงลายมือชื่อ แม้ผู้ให้กู้ลงลายมือชื่อปลอม ก็ฟ้องบังคับได้ ดอกเบี้ยหลังฟ้องไม่ขาดอายุความ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา653บังคับให้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้กู้จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้โดยมิได้บังคับผู้ให้กู้ต้องลงลายมือชื่อด้วยเมื่อจำเลยเป็นผู้เขียนหนังสือสัญญากู้เงินและลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้แล้วย่อมฟ้องร้องบังคับคดีได้แม้ลายมือชื่อผู้ให้กู้เป็นลายมือชื่อปลอมก็หามีผลให้หลักฐานการฟ้องร้องบังคับแก่จำเลยได้ที่สมบูรณ์อยู่แล้วเสียไปไม่ สิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยซึ่งมีกำหนดอายุความ5ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา166เดิม(มาตรา193/33ใหม่)หมายถึงดอกเบี้ยที่ค้างชำระอยู่ก่อนวันฟ้องส่วนดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จไม่ใช่ดอกเบี้ยค้างชำระโจทก์มีสิทธิได้ดอกเบี้ยเกิน5ปีโดยไม่มีกำหนดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ที่ไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ แม้จำเลยจะรับรองลายมือชื่อ
จำเลยให้การปฏิเสธลายมือชื่อในสัญญากู้ว่าไม่ใช่ของจำเลยเท่ากับปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงแห่งเอกสารและกล่าวอ้างว่าหนี้นั้นไม่สมบูรณ์ ศาลจึงจำต้องใช้สัญญากู้มาเป็นพยานหลักฐานในคดีเมื่อสัญญากู้ไม่ได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ถือว่าสัญญากู้ไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์จึงไม่อาจรับฟังสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 แม้จำเลยจะเบิกความรับว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นของจำเลย ก็เป็นเรื่องในชั้นพิจารณาว่าข้อเท็จจริงในประเด็นที่จำเลยต่อสู้ไว้ฟังได้เพียงใด ไม่ใช่กรณีที่ไม่ต้องใช้เอกสารสัญญากู้เป็นพยานหลักฐาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ที่ไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ (ไม่ขีดฆ่า) ใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ แม้จำเลยยอมรับลายมือชื่อ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์และได้รับเงินกู้ไปแล้วจำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ ลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อปลอม โจทก์จะต้องอ้างสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานในคดีเมื่อหนังสือสัญญากู้เงินที่โจทก์อ้างเป็นพยานหลักฐานต่อศาลมิได้ขีดฆ่าแสตมป์ จึงใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ดังนี้ ถือว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานที่จะรับฟังว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5647/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อในพินัยกรรม และการระบุพยานผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นประกอบ
ที่ผู้ร้องฎีกาว่าศาลควรอนุญาตให้ผู้ร้องระบุพยานผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม เพราะตามรายงานการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ลายมือชื่อของเจ้ามรดกมีลักษณะการเขียนไม่คงที่ เขียนได้หลายแบบไม่มีลักษณะของการเขียนเด่นชัดเพียงพอ ไม่อาจตรวจพิสูจน์ได้ เป็นความเห็นมีลักษณะเอื้อประโยชน์แก่ผู้คัดค้านฝ่ายเดียว ผู้ร้องจำเป็นต้องซักค้านผู้เชี่ยวชาญและระบุผู้เชี่ยวชาญอื่นเป็นพยานเพิ่มเติมนั้นปรากฏว่าผู้ร้องก็เป็นฝ่ายขอให้ทำการตรวจพิสูจน์เช่นเดียวกันความเห็นของผู้เชี่ยวชาญมิได้ส่อไปในทางไม่สุจริต แม้สามารถทำการตรวจพิสูจน์ได้ก็มิใช่จะรับฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเสียทีเดียว จะต้องพิจารณาตามลักษณะการเขียนและพยานหลักฐานอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งศาลย่อมตรวจดูได้ การขอให้ผู้เชี่ยวชาญอื่นทำการตรวจอีกจึงไม่จำเป็น จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องระบุพยานผู้เชี่ยวชาญอื่นเป็นพยานเพิ่มเติม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5515/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องซื้อขายที่ดิน แม้ไม่มีลายมือชื่อผู้ขายโดยตรง
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาท และโจทก์ได้ชำระราคาบางส่วนแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 456 วรรคสอง และแม้ว่าจำเลยไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญาการซื้อขายที่ดินพิพาท โดย ค.ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาแทนจำเลยไป ไม่ว่าจะมีการมอบอำนาจเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือหรรือไม่ก็ตามก็ไม่กระทบกระเทือนถึงอำนาจฟ้องของโจทก์
ที่จำเลยขอให้เรียกบัญชีเงินฝากของโจทก์จากธนาคารมาตรวจสอบประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีนั้น เมื่อคดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเรียกเอกสารดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5515/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องบังคับคดีซื้อขายแม้จำเลยไมลงลายมือชื่อ-การชำระหนี้บางส่วนเพียงพอ
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาท และโจทก์ได้ชำระราคาบางส่วนแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 วรรคสอง และแม้ว่าจำเลยไม่ได้ลงลายมือชื่อใน หนังสือสัญญาการซื้อขายที่ดินพิพาท โดย ค. ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาแทนจำเลยไป ไม่ว่าจะมีการมอบอำนาจเป็นหนังสือหรือ มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือไม่ก็ตามก็ไม่กระทบกระเทือนถึง อำนาจฟ้องของโจทก์ ที่จำเลยขอให้เรียกบัญชีเงินฝากของโจทก์จากธนาคารมา ตรวจสอบประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีนั้น เมื่อคดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเรียกเอกสารดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5468/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่บริบูรณ์จากลายมือชื่อโจทก์ ศาลควรให้แก้ไขก่อนพิพากษา
ในคำฟ้องมีลายมือชื่อทนายความของโจทก์ที่ 2 ลงไว้ในช่องลายมือชื่อโจทก์ ผู้เรียงและผู้พิมพ์เพียงผู้เดียว จึงเป็นกรณีคำฟ้องมิได้ลงลายมือชื่อโจทก์ที่ 1 เป็นคำฟ้องที่ไม่บริบูรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 67 (5) ในส่วนของโจทก์ที่ 1 แต่ ส.ทนายความของโจทก์ที่ 1 ก็ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาตลอดมาจนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีโดยศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องให้บริบูรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์ควรพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยให้โจทก์ที่ 1 ลงลายมือชื่อในคำฟ้องเสียให้บริบูรณ์แล้วพิพากษาใหม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 1 ด้วยเหตุที่โจทก์ที่ 1 มิได้ลงลายมือชื่อในคำฟ้องโดยมิได้ให้โอกาสโจทก์ที่ 1 ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นจัดการให้โจทก์ที่ 1 ลงลายมือชื่อในคำฟ้องแล้วพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5468/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่บริบูรณ์จากลายมือชื่อที่ไม่ถูกต้อง ศาลต้องให้แก้ไขก่อนพิพากษา
ในคำฟ้องมีลายมือชื่อทนายความของโจทก์ที่ 2 ลงไว้ในช่องลายมือชื่อโจทก์ ผู้เรียงและผู้พิมพ์เพียงผู้เดียว จึงเป็นกรณีคำฟ้องมิได้ลงลายมือชื่อโจทก์ที่ 1 เป็นคำฟ้องที่ไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67(5) ในส่วนของโจทก์ที่ 1 แต่ ส. ทนายความของโจทก์ที่ 1 ก็ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาตลอดมา จนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีโดยศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องให้บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา18 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์ควรพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น เพื่อให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยให้โจทก์ที่ 1 ลงลายมือชื่อในคำฟ้องเสียให้บริบูรณ์แล้วพิพากษาใหม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 1 ด้วยเหตุที่โจทก์ที่ 1 มิได้ลงลายมือชื่อในคำฟ้องโดยมิได้ให้โอกาสโจทก์ที่ 1 ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นจัดการให้โจทก์ที่ 1 ลงลายมือชื่อในคำฟ้องแล้วพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5434/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องบังคับชำระหนี้เบี้ยประกันภัยต้องมีหลักฐานลายมือชื่อผู้ทำประกัน
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยนำรถยนต์มาประกันภัยกับโจทก์แล้วค้างชำระเบี้ยประกันภัย แต่ปรากฏว่าในสำเนากรมธรรม์ประกันภัยทั้ง 5 ฉบับที่โจทก์อ้างส่งต่อศาล ไม่มีลายมือชื่อจำเลยหรือตัวแทนจำเลย โจทก์จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีให้จำเลยชำระเบี้ยประกันภัยได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 867วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5434/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญญาประกันภัยต้องมีหลักฐานลายมือชื่อผู้เอาประกันภัยหรือตัวแทน จึงจะบังคับชำระเบี้ยประกันภัยได้
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยนำรถยนต์มาประกันภัยกับโจทก์แล้วค้างชำระเบี้ยประกันภัย แต่ปรากฏว่าในสำเนากรมธรรม์ประกันภัยทั้ง 5 ฉบับที่โจทก์อ้างส่งต่อศาล ไม่มีลายมือชื่อจำเลยหรือตัวแทนจำเลยโจทก์จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีให้จำเลยชำระเบี้ยประกันภัยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคหนึ่ง
of 39