พบผลลัพธ์ทั้งหมด 254 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการลงโทษฐานฉ้อโกงและการนับโทษต่อเมื่อมีการฟ้องไม่ชัดเจนและศาลพิพากษาลงโทษแล้ว
ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยฉ้อโกงผู้เสียหายทั้งห้าหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระกัน แต่ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายรายละเอียดการกระทำของจำเลยให้ปรากฏพอที่จะให้เห็นว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรมดังที่ได้ความตามทางพิจารณาศาลจะลงโทษจำเลยแต่ละกรรมนอกเหนือจากฟ้องหาได้ไม่
จำเลยกล่าวหลอกลวง ว. ผู้เสียหายที่บ้าน ว. ขณะนั้นมี ย. ม. ป.ผู้เสียหายและชาวบ้านอื่นอยู่ด้วย เป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวแก่ ว. แล้วผู้เสียหายอื่นไปได้ยินเข้าเอง ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะกล่าวหลอกลวงผู้เสียหายอื่นและชาวบ้านหากแต่ผู้เสียหายอื่นได้ยินแล้วเชื่อและชำระเงินให้จำเลย ถือได้ว่าจำเลยหลอกลวงผู้เสียหายเป็นรายบุคคลมิได้หลอกลวงประชาชน จึงมีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
คดีนี้โจทก์ได้มีคำขอท้ายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลชดำที่ 3672/2526 ของศาลชั้นต้นไว้แล้ว แต่ศาลล่างทั้งสองนับโทษต่อจากคดีดังกล่าวไม่ได้ เพราะคดีนั้นศาลยังมิได้มีคำพิพากษา โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2672/2526 หมายเลขแดงที่ 3332/2526 ของศาลชั้นต้น โดยอ้างว่าคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว จำเลยมิได้แก้ฎีกาปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงฟังได้ว่าคดีดังกล่าวศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจริง ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้นับโทษต่อกันได้
จำเลยกล่าวหลอกลวง ว. ผู้เสียหายที่บ้าน ว. ขณะนั้นมี ย. ม. ป.ผู้เสียหายและชาวบ้านอื่นอยู่ด้วย เป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวแก่ ว. แล้วผู้เสียหายอื่นไปได้ยินเข้าเอง ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะกล่าวหลอกลวงผู้เสียหายอื่นและชาวบ้านหากแต่ผู้เสียหายอื่นได้ยินแล้วเชื่อและชำระเงินให้จำเลย ถือได้ว่าจำเลยหลอกลวงผู้เสียหายเป็นรายบุคคลมิได้หลอกลวงประชาชน จึงมีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
คดีนี้โจทก์ได้มีคำขอท้ายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลชดำที่ 3672/2526 ของศาลชั้นต้นไว้แล้ว แต่ศาลล่างทั้งสองนับโทษต่อจากคดีดังกล่าวไม่ได้ เพราะคดีนั้นศาลยังมิได้มีคำพิพากษา โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2672/2526 หมายเลขแดงที่ 3332/2526 ของศาลชั้นต้น โดยอ้างว่าคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว จำเลยมิได้แก้ฎีกาปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงฟังได้ว่าคดีดังกล่าวศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจริง ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้นับโทษต่อกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2166/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อคดีอื่น: ศาลพิพากษาให้นับโทษต่อเนื่องได้ หากปรากฏต่อศาลและคู่ความชัดเจนแล้วว่าคดีก่อนหน้านั้นศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยและขอให้นับโทษต่อจากคดีดำคดีอื่น.ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้และในคดีดำคดีอื่นในวันเดียวกัน. ถือได้ว่าความปรากฏต่อศาลและคู่ความชัดแจ้งแล้วว่าคดีดำคดีอื่นนั้นศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วโดยไม่จำต้องให้โจทก์แถลงต่อศาลซ้ำอีก. ศาลย่อมพิพากษาให้นับโทษต่อกันได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3789/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมพิจารณาคดีและนับโทษต่อกัน แม้โจทก์มิได้ขอท้ายฟ้องแต่ได้ยื่นคำขอไว้ก่อนศาลพิพากษา
เดิมคดีนี้และคดีอื่น ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาเข้าด้วยกันแต่เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นได้แยกพิพากษาเป็นรายคดี ซึ่งโจทก์ได้ยื่นคำขอให้นับโทษต่อกันทุกสำนวนไว้ก่อนศาลพิพากษาในสำนวนหลักที่มีการรวมพิจารณา และศาลชั้นต้นก็ลงโทษจำคุกจำเลยทุกสำนวนจึงชอบที่ศาลจะนับโทษจำเลยติดต่อกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญาเมื่อโจทก์ไม่ได้ขอ ศาลพิพากษาเกินคำขอหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญาแล้วยังขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อีกด้วย ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดทั้งประมวลกฎหมายอาญาและพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ตามคำขอของโจทก์แล้ว เมื่อโจทก์ไม่ได้ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ด้วย ศาลจะยกมาตราดังกล่าวมาปรับบทลงโทษไม่ได้เพราะมิใช่กรณีอ้างบทมาตราผิดแต่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ขอ ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 371 จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยทั้งห้างฯ และหุ้นส่วนผู้จัดการในฐานะส่วนตัว ศาลพิพากษาชอบด้วยกฎหมาย
คำฟ้องของโจทก์ตรงช่องคู่ความระบุชื่อจำเลยว่า ห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว ที่ 1 จำเลย หน้าคำฟ้องก็ระบุว่า โจทก์ขอยื่นฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว จำเลยที่ 1 แต่คำบรรยายฟ้องกล่าวว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งประทับตรา ห้างฯ อ. ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและ ในฐานะส่วนตัวสั่งจ่ายมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ ดังนี้ เป็นการฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นจำเลยที่ 1 และ ส. ในฐานะส่วนตัวเป็นจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขาดไร้อุปการะจากบุตร: ศาลพิพากษาถูกต้อง แม้ฟ้องเป็นค่าขาดแรงงาน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่ มาตรา 1567(3) โจทก์ทั้งสองผู้ใช้อำนาจปกครองมีสิทธิให้บุตรทำการงานตามสมควรแก่ฐานาบุรูป และมาตรา 1563 บัญญัติให้บุตรจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา ดังนั้นกิจการหรืแรงงานที่บุตรทำให้บิดามารดาก็คือการอุปการะเลี้ยงดูอย่างหนึ่ง เมื่อ ว.บุตรโจทก์ถูกกระทำละเมิดตายลงย่อมทำให้โจทก์ขาดไร้อุปการะจากผู้ตาย โจทก์ฟ้องเรียกค่าขาดแรงงาน ว.ถือได้ว่าเป็นการเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะนั่นเอง การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะให้โจทก์ จึงมิใช่เป็นการพิพากษานอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ หากศาลใช้พยานหลักฐานอื่นพิพากษา
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงจะพิจารณาลดโทษที่จะลงแก่จำเลยได้ การพิจารณาของศาลชั้นต้นปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานมั่นคง ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงโดยปราศจากเหตุอันควรสงสัย และศาลชั้นต้นได้อาศัยพยานหลักฐานดังกล่าวในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยโดยไม่ได้อาศัยคำรับสารภาพของจำเลยแต่ประการใดเลย คำรับสารภาพของจำเลยในกรณีเช่นนี้จึงไม่ถือว่า เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษอันจะพึงลดโทษให้แก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันตามคำท้าแพ้ชนะ: เมื่อผลคดีตรงตามคำท้า จำเลยต้องยอมออกจากที่ดิน
คู่ความตกลงท้าแพ้ชนะกันว่า ถ้าคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งของศาลชั้นต้นเดียวกันถึงที่สุดโดยพิพากษาว่าที่ดินเป็น ของ ชโจทก์ยอมแพ้ ถ้าคดีถึงที่สุดว่าที่ดินเป็นของ โจทก์ จำเลยและจำเลยร่วมยอมแพ้จำเลยและจำเลยร่วมย่อมออก จากที่ดินเช่นนี้เมื่อปรากฏว่าคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่ง นั้นถึงที่สุดโดยพิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์ จำเลยและ จำเลยร่วมจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบตกแก่โจทก์ ศาลพิพากษาโดยไม่ชอบเมื่องดสืบพยาน
ตามคำฟ้องและคำให้การประเด็นพิพาทตกหน้าที่โจทก์นำสืบก่อนที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้ฝ่ายจำเลยนำสืบก่อนนั้นไม่ชอบ แม้จำเลยจะไม่ได้คัดค้านไว้เมื่อศาลกำหนดหน้าที่นำสืบก็ตาม แต่การที่ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายใดชนะคดีโดยถือหน้าที่นำสืบเป็นหลักนั้น ต้องถือหน้าที่นำสืบที่ถูกต้องตามกฎหมาย ฉะนั้นเมื่อหน้าที่นำสืบตกโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2278/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและการแก้ไขวันกระทำผิดในบันทึก ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยได้
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2524 ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัสและกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก ปรากฏในบันทึกคำฟ้องของศาลว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 31มิถุนายน 2524 อันเป็นวันภายหลังที่โจทก์ฟ้อง แต่ปรากฏตามบันทึกการตกลงชดใช้ค่าเสียหายและคำร้องขอผัดฟ้องและฝากขังว่าจำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2524 และต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2524 จำเลยมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนและให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ในวันที่โจทก์ฟ้องจำเลยก็ยังได้ยื่นคำร้องยอมรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริงแสดงว่าจำเลยทราบดีถึงการกระทำความผิดของจำเลย ทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ การที่ศาลบันทึกวันกระทำผิดของจำเลยผิดพลาดไปเป็นเรื่องของความพลั้งเผลอจึงหาใช่เป็นการฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดภายหลังวันที่โจทก์ฟ้องไม่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยได้