คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญชาติไทย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 162 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนสัญชาติไทยหลังขอเป็นคนต่างด้าวและผลกระทบของกฎหมายสัญชาติฉบับต่างๆ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เกิดในประเทศไทย มีสัญชาติไทย ต่อมาได้ไปประเทศจีนแล้วเดินทางกลับมา กองตรวจคนเข้าเมืองให้อยู่ในประเทศไทยได้ภายในเวลาจำกัด โจทก์ร้องขอพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทยต่อกองตรวจคนเข้าเมือง อธิบดีกรมตำรวจสั่งระงับการพิสูจน์สัญชาติ โจทก์จึงขอให้พิพากษาแสดงว่าโจทก์เกิดในประเทศไทย มีสัญชาติไทย จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทย และไม่ได้เกิดในประเทศไทย แต่เกิดในประเทศจีน มีสัญชาติจีน โจทก์ร้องขออยู่ในประเทศไทยชั่วคราวโดยไม่มีที่สิ้นสุด จำเลยจึงสั่งไม่ให้โจทก์อยู่ต่อไป ดังนี้ ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าเป็นคนสัญชาติไทยหรือไม่
การที่โจทก์จะได้มาซึ่งสัญชาติไทยหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5)
โจทก์เกิดในประเทศไทยและมีสัญชาติไทย แต่ต่อมาโจทก์ได้ขอใบสำคัญเป็นคนต่างด้าว โจทก์จึงขาดจากสัญชาติไทยไประยะหนึ่ง ในระหว่างที่พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2496 มาตรา 5 ใช้บังคับอยู่ แต่ต่อมามีพระราชบัญญัติฉบับที่ 3 พ.ศ. 2499 ประกาศใช้ โจทก์ย่อมได้สัญชาติไทยกลับคืนมาโดยมาตรา 3 และ 7 แห่งพระราชบัญญัติฉบับที่ 3 โจทก์ไม่จำต้องไปร้องขอคืนสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2495 มาตรา 20 (2) ทั้งกรณีเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องตามมาตรานี้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนสัญชาติไทยหลังเคยขอเป็นคนต่างด้าว และผลกระทบของกฎหมายสัญชาติที่แก้ไข
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เกิดในประเทศไทย มีสัญชาติไทย ต่อมาได้ไปประเทศจีนแล้วเดินทางกลับมากองตรวจคนเข้าเมืองให้อยู่ในประเทศไทยได้ภายในเวลาจำกัดโจทก์ร้องขอพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทยต่อกองตรวจคนเข้าเมืองอธิบดีกรมตำรวจสั่งระงับการพิสูจน์สัญชาติโจทก์จึงขอให้พิพากษาแสดงว่าโจทก์เกิดในประเทศไทย มีสัญชาติเป็นไทย จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทยและไม่ได้เกิดในประเทศไทย แต่เกิดในประเทศจีน มีสัญชาติจีนโจทก์ร้องขออยู่ในประเทศไทยชั่วคราวโดยไม่มีที่สิ้นสุดจำเลยจึงสั่งไม่ให้โจทก์อยู่ต่อไป ดังนี้ มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าเป็นคนมีสัญชาติไทยหรือไม่
การที่โจทก์จะได้มาซึ่งสัญชาติไทยหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
โจทก์เกิดในประเทศไทยและมีสัญชาติไทย แต่ต่อมาโจทก์ได้ขอใบสำคัญเป็นคนต่างด้าวโจทก์จึงขาดจากสัญชาติไทยไประยะหนึ่งในระหว่างที่พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่2) พ.ศ.2496 มาตรา 5 ใช้บังคับอยู่แต่ต่อมามีพระราชบัญญัติฉบับที่ 3 พ.ศ.2499 ประกาศใช้ โจทก์ย่อมได้สัญชาติไทยกลับคืนมาโดยมาตรา 3 และ 7 แห่งพระราชบัญญัติฉบับที่ 3โจทก์ไม่จำต้องไปร้องขอคืนสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2495 มาตรา 20(2) ทั้งกรณีเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องตามมาตรานี้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการพิสูจน์สัญชาติไทยของผู้เข้าเมือง และการเกิดข้อพิพาทสิทธิสัญชาติหลังถูกโต้แย้ง
บุคคลใดซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร อ้างว่าเป็นคนไทย บุคคลนั้นต้องเป็นผู้พิสูจน์ การพิสูจน์นั้นจะกระทำโดยร้องขอพิสูจน์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือร้องขอต่อศาลก็ได้ ตามความที่บัญญัติไว้ในมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493
ได้ความว่า โจทก์เดินทางเข้ามาถึงประเทศไทยได้ 3 วัน ก็ยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นกรมตำรวจและหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมือง อ้างว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทยแต่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์อยู่โดยมีคำสั่งให้โจทก์ออกไปจากประเทศไทย โจทก์จึงฟ้อง่ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยระงับเพิกถอนคำสั่งและขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์มีสัญชาติไทยตามกฎหมาย จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่า โจทก์ไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทย จนศาลได้ทำการพิจารณาคดีมาโดยลำดับ ดังนี้ แม้จะได้ความว่าเมื่อก่อนที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยยังไม่ได้โต้แย้งสิทธิในเรื่องสัญชาติของโจทก์มาก่อนก็ตาม ก็เป็นอันผ่านไปได้ เพราะเกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทในเรื่องสัญชาติระหว่างคู่ความในคดีแล้ว ศาลพิจารณาพิพากษาประเด็นข้อพิพาทในเรื่องสัญชาติไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิสัญชาติไทย: การพิสูจน์สัญชาติของผู้เข้ามาในราชอาณาจักรและการโต้แย้งสิทธิ
บุคคลใดซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร อ้างว่าเป็นคนไทยบุคคลนั้นต้องเป็นผู้พิสูจน์ การพิสูจน์นั้นจะกระทำโดยร้องขอพิสูจน์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือร้องขอต่อศาลก็ได้ตามความที่บัญญัติไว้ในมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493
ได้ความว่า โจทก์เดินทางเข้ามาถึงประเทศไทยได้ 3 วัน ก็ยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นกรมตำรวจและหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมือง อ้างว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทยแต่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์อยู่โดยมีคำสั่งให้โจทก์ออกไปจากประเทศไทย โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยระงับเพิกถอนคำสั่งและขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์มีสัญชาติไทยตามกฎหมายจำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่า โจทก์ไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทยจนศาลได้ทำการพิจารณาคดีมาโดยลำดับดังนี้ แม้จะได้ความว่าเมื่อก่อนที่โจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยยังไม่ได้โต้แย้งสิทธิในเรื่องสัญชาติของโจทก์มาก่อนก็ตามก็เป็นอันผ่านไปได้ เพราะเกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทในเรื่องสัญชาติระหว่างคู่ความในคดีแล้ว ศาลพิจารณาพิพากษาประเด็นข้อพิพาทในเรื่องสัญชาติไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญคนต่างด้าว แม้เป็นคนไทย สิทธิจึงไม่ถูกโต้แย้ง ไม่มีอำนาจฟ้อง
ฟ้องผู้บังคับกองตำรวจภูธร ในฐานะนายทะเบียนคนต่างด้าว อ้างว่าจำเลยบังคับให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ขอให้แสดงว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทย ใบสำคัญเป็นโมฆะ ให้ห้ามจำเลยอย่าให้บังคับให้ต่ออายุเช่นนี้ แม้โจทก์จะเป็นคนไทย แต่เมื่อทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้บังคับโจทก์ให้ชำระค่าธรรมเนียมต่อายุหรือโต้แย้งสิทธิของโจทก์แต่ประการใด โจทก์ก็ยังไม่มีอำนาจฟ้องร้องขอให้บังคับจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยสัญชาติไทยกระทำผิดนอกราชอาณาจักร โดยผู้เสียหายร้องขอให้ลงโทษในไทย
คดีที่จำเลยเป้นคนสัญชาติไทย กระทำผิดฐานปล้นทรัพย์นอกราชอาณาจักร ซึ่งผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษจำเลยภายในราชอาณาจักร ต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 นั้น โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องนำสืบแสดงว่าไม่มีข้อห้ามมีให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 10 อีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าว: สิทธิที่ดินเป็นโมฆะหากไม่เป็นไปตามกฎหมาย แม้ได้รับสัญชาติไทยภายหลัง
พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486 ก็ดี ประมวลกฎหมายที่ดินหมวด 8 ก็ดี มุ่งหมายบัญญัติว่าคนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินมิได้ เว้นแต่จะเข้ากฎเกณฑ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ฉะนั้น คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินมิได้จึงเป็นหลัก และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นข้อยกเว้น หาใช่ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายที่ห้ามเด็ดขาดมิให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วถือเป็นเหตุในการวินิจฉัยว่าคนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้เมื่อได้กรรมสิทธิ์แล้วก็มีสิทธิตั้งตัวแทนใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ไม่ เพราะการวินิจฉัยเช่นนั้นมีผลทำให้ความมุ่งหมายของกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไร้ผลไปโดยสิ้นเชิง การที่คนต่างด้าวกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินโดยใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์จึงไม่มีผล ตกเป็นโมฆะ และย่อมมีผลเป็นการทั่วไปทั้งแก่รัฐและเอกชนหาใช่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับคนต่างด้าวไม่ และแม้คนต่างด้าวนั้นจะได้รับสัญชาติไทยมาในภายหลัง ก็หาทำให้การอันเป็นโมฆะแต่เริ่มแรก กลับฟื้นคืนดีขึ้นมาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คนต่างด้าวซื้อที่ดิน: นิติกรรมเป็นโมฆะหากไม่เป็นไปตามกฎหมาย แม้ได้รับสัญชาติไทยภายหลังก็ไม่ช่วย
พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486ก็ดี ประมวลกฎหมายที่ดิน หมวด 8 ก็ดี มุ่งหมายบัญญัติว่าคนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินมิได้ เว้นแต่จะเข้ากฎเกณฑ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ฉะนั้น คนต่างด้าวที่จะได้มาซึ่งที่ดินมิได้จึงเป็นหลัก และกฎเกณฑ์ต่างๆที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นข้อยกเว้น หาใช่ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายที่ห้ามเด็ดขาดมิให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน แล้วถือเป็นเหตุในการวินิจฉัยว่าคนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ เมื่อได้กรรมสิทธิ์แล้วก็มีสิทธิตั้งตัวแทนใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ไม่ เพราะการวินิจฉัยเช่นนั้นมีผลทำให้ความมุ่งหมายของกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไร้ผลไปโดยสิ้นเชิง การที่คนต่างด้าวกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินโดยใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์จึงไม่มีผล ตกเป็นโมฆะ และย่อมมีผลเป็นการทั่วไปทั้งแก่รัฐและเอกชน หาใช่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับคนต่างด้าวไม่ และแม้คนต่างด้าวนั้นจะได้รับสัญชาติไทยมาในภายหลัง ก็หาทำให้การอันเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก กลับฟื้นคืนดีขึ้นมาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1870/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทย: พยานผู้เชี่ยวชาญและสิทธิฟ้องร้องเมื่อถูกโต้แย้ง
โจทก์อ้างผู้มีความรู้เชี่ยวชาญมาเบิกความเป็นพยานเพื่อพิสูจน์ว่าโจทก์เป็นบุตรของนางกิมไน้ และเป็นพี่ของน้องอีก 3 คน การตรวจพิสูจน์นี้ต้องมีการฉายเอกซเรย์กระดูก ตรวจโลหิต และถ่ายรูปแล้วทำรายงานการตรวจพิสูจน์พร้อมด้วยความเห็นตามหลักวิชาการ การที่โจทก์ให้พยานดูหลักฐานเหล่านี้แล้วส่งต่อศาลก็เพื่อประกอบคำเบิกความของพยานผู้มีความรู้เชี่ยวชาญนี้ รายงานและภาพถ่ายต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ใช่พยานเอกสารโดยตรง โจทก์ไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน 3 วัน
โจทก์จำต้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลฮ่องกงออกหนังสือเดินทางให้เป็นบุคคลสัญชาติจีนเพื่อให้ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยเท่านั้น ครั้นมาถึง โจทก์ได้อ้างตนต่อกองตรวจคนเข้าเมืองว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทย และขอพิสูจน์สัญชาติ แต่ถูกปฏิเสธ ถือได้ว่ากระทรวงมหาดไทย กรมตำรวจ และหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1870/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทย: หลักฐานประกอบคำเบิกความพยานผู้เชี่ยวชาญและการโต้แย้งสิทธิ
โจทก์อ้างผู้มีความรู้เชี่ยวชาญมาเบิกความเป็นพยานเพื่อพิสูจน์ว่าโจทก์เป็นบุตรของนางกิมไน้ และเป็นพี่ของน้องอีก 3 คน การตรวจพิสูจน์นี้ต้องมีการฉายเอ๊กซเรย์กระดูกตรวจโลหิต และถ่ายรูปแล้วทำรายงานการตรวจพิสูจน์พร้อมด้วยความเห็นตามหลักวิชาการ การที่โจทก์ให้พยานดูหลักฐานเหล่านี้แล้วส่งต่อศาลก็เพื่อประกอบคำเบิกความของพยานผู้มีความรู้เชี่ยวชาญนี้ รายงานและภาพถ่ายต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่พยานเอกสารโดยตรง โจทก์ไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน 3 วัน
โจทก์จำต้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลฮ่องกงออกหนังสือเดินทางให้เป็นบุคคลสัญชาติจีนเพื่อให้ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยเท่านั้น ครั้นมาถึง โจทก์ได้อ้างตนต่อกองตรวจคนเข้าเมืองว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทย และขอพิสูจน์สัญชาติ แต่ถูกปฏิเสธ ถือได้ว่ากระทรวงมหาดไทย กรมตำรวจ และหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามกฎหมายโจทก์มีอำนาจฟ้องได้
of 17