พบผลลัพธ์ทั้งหมด 200 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2198/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลและการสิ้นสุดคำสั่งศาลอุทธรณ์ในคดีคนอนาถา
ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์อย่างคนอนาถา จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นไม่อนุญาตชอบแล้วยกอุทธรณ์ของจำเลย แต่กำหนดว่าถ้าจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์ต่อไปก็ให้นำค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 10 วัน นับแต่ทราบคำสั่งศาลอุทธรณ์ ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาออกไปอีก ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่มีพฤติการณ์พิเศษ ยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาต่อมา ดังนี้ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ ที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีก เป็นเรื่องอยู่ในกระบวนพิจารณาชั้นศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ แต่เนื่องจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ซึ่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้ายบัญญัติให้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีสิ้นสุดเมื่อจำเลยขาดนัดสืบพยาน ศาลมีอำนาจพิพากษาได้โดยไม่ต้องแจ้ง
วันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลสืบตัวโจทก์จวนจะหมดปากแล้วทนายจำเลยจึงเพิ่งมาศาลยื่นคำร้องขอเลื่อนศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนและสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณานัดต่อมาซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยทราบนัดแล้วไม่มาศาลศาลจึงสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาคดีไปในวันนั้นดังนี้ถือได้ว่า การพิจารณาคดีดังกล่าวเป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อศาลสั่งงดสืบพยานจำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาคดีไปในวันที่มีคำสั่งนั้นได้โดยไม่ต้องแจ้งให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 133
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสิ้นสุดแล้ว การรับเงินค่าเช่าภายหลังถือเป็นการทำสัญญาเช่าใหม่ไม่มีกำหนดเวลา โจทก์ฟ้องขับไล่ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าว
การที่โจทก์รับเงินจากจำเลยไว้เมื่อโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยแล้ว เงินดังกล่าวไม่ว่าจะเรียกเงินค่าเช่าหรือค่าเสียหายก็จะถือว่าโจทก์จำเลยเป็นอันทำสัญญาเช่ากันใหม่ต่อไป ไม่มีกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570 ไม่ได้ ในเมื่อไม่มีข้อเท็จจริงที่จะปรับกับบทกฎหมายดังกล่าวได้ และเมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยมีกำหนดเวลาเช่ากันไว้แน่นอน สัญญาเช่าสิ้นกำหนดแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้โดยมิพักต้องบอกกล่าวก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 564
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1874/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดของรัฐสภาและผลกระทบต่อคดีเลือกตั้ง
ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปราฏว่าคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาหลังที่คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินให้รัฐธรรมนูญซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้นสิ้นสุดลง และให้รัฐสภาสิ้นสุดลงพร้อมกับรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยคำร้องของผู้ร้องต่อไป ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1457/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดของคดีหย่าเมื่อจำเลยถึงแก่กรรม ศาลจำหน่ายคดีและคืนค่าธรรมเนียม
คดีฟ้องหย่าและขอแบ่งทรัพย์สิน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกาขอให้มีการหย่าหรือขอให้สืบพยานโจทก์ต่อไป ขณะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฏว่าจำเลยถึงแก่กรรม ดังนั้น การสมรสย่อมสิ้นสุดลงดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยปัญหาที่โจทก์ฎีกาต่อไป ศาลฎีกาย่อมจำหน่ายคดีจากสารบบความ และคืนค่าตัดสินกับค่าคำบังคับให้โจทก์ค่าฤชาธรรมเนียมนอกนั้นให้เป็นพับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2315/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสิ้นสุดก่อนการซื้อขาย: สิทธิการฟ้องขับไล่และการเรียกร้องค่าเช่า
เดิมจำเลยเป็นผู้เช่าตึกพิพาทจาก ส. ต่อมาได้ตกลกเลิกสัญญาเช่าต่อกันและมีการทำสัญญาเช่ากันใหม่โดย จ.พี่ชายจำเลยเป็นผู้เช่าจาก ก. เจ้าของที่ดินและตึกพิพาท แต่จำเลยยังคงอยู่ในตึกพิพาทโดยอาศัยสัญญาเช่าระหว่าง จ. กับ ก. โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินและตึกพิพาทจาก ก.ภายหลังที่จำเลยกับ ส.เลิกสัญญาเช่าต่อกันแล้ว จำเลยย่อมไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เช่าตึกพิพาท ดังนี้ โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยโดยไม่ฟ้อง จ. ผู้เช่าไม่ได้และจะเรียกค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหายที่จำเลยไม่ยอมออกจากที่เช่าก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
จำเลยอ้างเอกสารที่แสดงการยกเลิกเพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับ ส. เป็นพยานหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานนักแรกไม่น้อยกว่า 3 วัน อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 แต่เมื่อเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ทั้งการรับฟังก็ไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบแต่ประการใด เพราะจำเลยได้อ้างก่อนสืบพยานโจทก์ และส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานจำเลย โจทก์ยังมีโอกาสที่จะขออนุญาตต่อศาลสืบหักล้างได้อยู่ ดังนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติกรรม ศาลจึงรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
จำเลยอ้างเอกสารที่แสดงการยกเลิกเพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับ ส. เป็นพยานหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานนักแรกไม่น้อยกว่า 3 วัน อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 แต่เมื่อเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ทั้งการรับฟังก็ไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบแต่ประการใด เพราะจำเลยได้อ้างก่อนสืบพยานโจทก์ และส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานจำเลย โจทก์ยังมีโอกาสที่จะขออนุญาตต่อศาลสืบหักล้างได้อยู่ ดังนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติกรรม ศาลจึงรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำมั่นสัญญาเช่าต่อสิ้นสุดเมื่อผู้ให้เช่าเสียชีวิต ไม่ผูกพันทายาท
เงินกินเปล่าที่ผู้เช่าชำระก่อนการเช่า ไม่ทำให้เป็นสัญญาต่างตอบแทนที่จะต้องให้เช่าต่อจากที่การเช่าครบอายุ
คำมั่นของผู้ให้เช่าว่าจะให้เช่าต่อนั้น เมื่อผู้ให้เช่าตาย และผู้เช่าก็รู้แล้ว คำมั่นนั้นตกไปตามมาตรา 360 ไม่ผูกพันทายาทให้ต้องปฏิบัติตามมาตรา 569
คำมั่นของผู้ให้เช่าว่าจะให้เช่าต่อนั้น เมื่อผู้ให้เช่าตาย และผู้เช่าก็รู้แล้ว คำมั่นนั้นตกไปตามมาตรา 360 ไม่ผูกพันทายาทให้ต้องปฏิบัติตามมาตรา 569
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441-1444/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสิทธิครอบครองที่ดินเมื่อเจ้าของเดิมละทิ้งการครอบครอง และมีการครอบครองโดยผู้อื่นต่อเนื่องเกิน 1 ปี
ตามฟ้องโจทก์อ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน แต่ทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาทเป็นของกรมประชาสงเคราะห์ แม้จะฟังว่าในขั้นแรกโจทก์เป็นผู้ยึดถือที่พิพาทโดยเสียค่าตอบแทนให้ ท.แล้วปลูกห้องแถวขึ้นก็ตาม แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ ถ. ซื้อห้องแถวดังกล่าวได้แล้ว ได้ขายต่อให้กับบุคคลอื่น และมีการโอนต่อมาจนกระทั่งถึงจำเลยซึ่งได้เข้าครอบครองติดต่อกันมา โดยมิได้มีการรื้อถอนแต่อย่างใด เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว โจทก์มิได้เข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทเลย แสดงว่าโจทก์มิได้ยึดถือที่พิพาทต่อไปแล้ว ทั้งโจทก์มิได้มอบให้ผู้ใดยึดถือที่พิพาทแทน การครอบครองของโจทก์ย่อมสุดสิ้นลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 วรรคแรก โจทก์มิใช่เจ้าของที่พิพาท และไม่มีสิทธิครอบครอง จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสิทธิผู้จัดการมรดกเมื่อผู้จัดการมรดกถึงแก่กรรม ทำให้ศาลจำหน่ายคดี
การเป็นผู้จัดการมรดก เป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ที่ได้รับการตั้ง
คดีที่ร้องขอให้ถอดถอนผู้จัดการมรดกเมื่อผู้จัดการมรดกถึงแก่กรรมในระหว่างฎีกา ก็ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของผู้จัดการมรดกต่อไป ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี
คดีที่ร้องขอให้ถอดถอนผู้จัดการมรดกเมื่อผู้จัดการมรดกถึงแก่กรรมในระหว่างฎีกา ก็ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของผู้จัดการมรดกต่อไป ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสถานะผู้จัดการมรดกเมื่อผู้จัดการมรดกถึงแก่กรรม และการจำหน่ายคดี
การเป็นผู้จัดการมรดก เป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ที่ได้รับการตั้ง
คดีที่ร้องขอให้ถอดถอนผู้จัดการมรดกเมื่อผู้จัดการมรดกถึงแก่กรรมในระหว่างฎีกา ก็ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของผู้จัดการมรดกต่อไป ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี
คดีที่ร้องขอให้ถอดถอนผู้จัดการมรดกเมื่อผู้จัดการมรดกถึงแก่กรรมในระหว่างฎีกา ก็ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของผู้จัดการมรดกต่อไป ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี