พบผลลัพธ์ทั้งหมด 174 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกโดยวิธีปิดคำคู่ความต้องมีคำสั่งศาล การส่งโดยไม่ได้รับคำสั่งศาลถือว่าการส่งไม่ชอบ
การที่พนักงานเดินหมายจัดส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยการปิดคำคู่ความไว้ที่สำนักทำการงานของจำเลย โดยที่ศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งให้ส่งโดยวิธีปิดคำคู่ความนั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยชอบแล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4626-4629/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ชอบด้วยกฎหมายและการเลื่อนคดีเพื่อหาทนายใหม่
เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ที่บ้านจำเลยที่ 3 ขณะที่จำเลยทั้งสี่กำลังช่วยกันปลูกบ้านจำเลยที่ 3 อยู่ เมื่อจำเลยทั้งสี่ไม่ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง เจ้าพนักงานศาลจึงได้ส่งโดยวิธีวางหมายต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจ ณ ที่นั้น โดยจำเลยทั้งสี่มีบ้านอยู่ติดกัน แม้เป็นคนละแห่งกับภูมิลำเนาของจำเลยที่ปรากฏในคำฟ้อง ก็เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาหลายแห่ง ถือได้ว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีการวางหมายถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยทั้งสี่มิได้ยื่นคำให้การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงเป็นการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์และนัดสอบถามเรื่องทนายจำเลยขอถอนตน ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จโดยมิได้สอบถามจำเลยถึงการถอนตนของทนายความ จำเลยจึงยังไม่ได้หาทนายใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนาย การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงมีเหตุผลอันสมควร ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตเลื่อนคดี ศาลฎีกาย่อมให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานโจทก์ใหม่โดยให้โอกาสจำเลยถามค้านพยานโจทก์ แล้วจึงสืบจำเลยทั้งสี่ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์และนัดสอบถามเรื่องทนายจำเลยขอถอนตน ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จโดยมิได้สอบถามจำเลยถึงการถอนตนของทนายความ จำเลยจึงยังไม่ได้หาทนายใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนาย การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงมีเหตุผลอันสมควร ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตเลื่อนคดี ศาลฎีกาย่อมให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานโจทก์ใหม่โดยให้โอกาสจำเลยถามค้านพยานโจทก์ แล้วจึงสืบจำเลยทั้งสี่ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4626-4629/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ถูกต้องตามกฎหมายและการเลื่อนคดีเมื่อจำเลยขาดทนาย
เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ที่บ้านจำเลยที่ 3 ขณะที่จำเลยทั้งสี่กำลังช่วยกันปลูกบ้านจำเลยที่ 3 อยู่ เมื่อจำเลยทั้งสี่ไม่ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง เจ้าพนักงานศาลจึงได้ส่งโดยวิธีวางหมายต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจ ณ ที่นั้น โดยจำเลยทั้งสี่มีบ้านอยู่ติดกัน แม้เป็นคนละแห่งกับภูมิลำเนาของจำเลยที่ปรากฏในคำฟ้อง ก็เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาหลายแห่ง ถือได้ว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีการวางหมายถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยทั้งสี่มิได้ยื่นคำให้การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงเป็นการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์และนัดสอบถามเรื่องทนายจำเลยขอถอนตน ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จโดยมิได้สอบถามจำเลยถึงการถอนตนของทนายความ จำเลยจึงยังไม่ได้หาทนายใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนาย การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงมีเหตุผลอันสมควร ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตเลื่อนคดี ศาลฎีกาย่อมให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานโจทก์ใหม่โดยให้โอกาสจำเลยถามค้านพยานโจทก์ แล้วจึงสืบจำเลยทั้งสี่ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง.
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์และนัดสอบถามเรื่องทนายจำเลยขอถอนตน ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จโดยมิได้สอบถามจำเลยถึงการถอนตนของทนายความ จำเลยจึงยังไม่ได้หาทนายใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนาย การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงมีเหตุผลอันสมควร ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตเลื่อนคดี ศาลฎีกาย่อมให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานโจทก์ใหม่โดยให้โอกาสจำเลยถามค้านพยานโจทก์ แล้วจึงสืบจำเลยทั้งสี่ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง การพิจารณาคดีใหม่ และเหตุพิเศษนอกเหนือความสามารถในการควบคุม
ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย เมื่อจำเลยยอมรับว่าได้ย้ายภูมิลำเนาตามที่โจทก์ระบุในฟ้องไปแล้ว การที่พนักงานเดินหมายรายงานว่า ไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาที่ระบุในฟ้อง พบบริษัทจำเลยปิดประตูใส่กุญแจทิ้งไว้ สอบถามบุคคลข้างเคียงได้ความว่าบริษัทจำเลยย้ายไปแล้วประมาณ 10 วัน ไม่ทราบไปอยู่ที่ไหนจึงถูกต้อง และเป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยได้โดยวิธีธรรมดาศาลชั้นต้นสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายธรรมดา จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 แล้ว
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ภายหลัง 15 วันนับแต่วันส่งคำบังคับโดยอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีเมื่อธนาคารแจ้งให้ทราบว่าศาลชั้นต้นสั่งอายัดเงิน เป็นการอ้างว่าเหตุที่ยื่นคำขอล่าช้าเพราะมีพฤติการณ์พิเศษนอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอภายใน 15 วัน นับแต่พฤติการณ์ดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่ปรากฏว่าโจทก์ยังไม่มีโอกาสคัดค้านคำร้องของจำเลย ศาลฎีกาย่อมให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย แล้วมีคำสั่งตามรูปคดี
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ภายหลัง 15 วันนับแต่วันส่งคำบังคับโดยอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีเมื่อธนาคารแจ้งให้ทราบว่าศาลชั้นต้นสั่งอายัดเงิน เป็นการอ้างว่าเหตุที่ยื่นคำขอล่าช้าเพราะมีพฤติการณ์พิเศษนอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอภายใน 15 วัน นับแต่พฤติการณ์ดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่ปรากฏว่าโจทก์ยังไม่มีโอกาสคัดค้านคำร้องของจำเลย ศาลฎีกาย่อมให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย แล้วมีคำสั่งตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่ถูกต้องเมื่อจำเลยย้ายภูมิลำเนา และการพิจารณาคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ที่ล่าช้า
ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย เมื่อจำเลยยอมรับว่าได้ย้ายภูมิลำเนาตามที่โจทก์ระบุในฟ้องไปแล้ว การที่พนักงานเดินหมายรายงานว่า ไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาที่ระบุในฟ้อง พบบริษัทจำเลยปิดประตูใส่กุญแจทิ้งไว้ สอบถามบุคคลข้างเคียงได้ความว่าบริษัทจำเลยย้ายไปแล้วประมาณ10 วัน ไม่ทราบไปอยู่ที่ไหน จึงถูกต้อง และเป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยได้โดยวิธีธรรมดา ศาลชั้นต้นสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายธรรมดา จึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา79 แล้ว จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ภายหลัง 15 วันนับแต่วันส่งคำบังคับโดยอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีเมื่อธนาคารแจ้งให้ทราบว่าศาลชั้นต้นสั่งอายัดเงิน เป็นการอ้างว่าเหตุที่ยื่นคำขอล่าช้าเพราะมีพฤติการณ์พิเศษนอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอภายใน 15 วัน นับแต่พฤติการณ์ดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่ปรากฏว่าโจทก์ยังไม่มีโอกาสคัดค้านคำร้องของจำเลย ศาลฎีกาย่อมให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย แล้วมีคำสั่งตามรูปคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ถูกต้องตามกฎหมายและการพิจารณาคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่เมื่อมีเหตุจำเป็น
ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย เมื่อจำเลยยอมรับว่าได้ย้ายภูมิลำเนาตามที่โจทก์ระบุในฟ้องไปแล้วการที่พนักงานเดินหมายรายงานว่า ไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาที่ระบุในฟ้อง พบบริษัทจำเลยปิดประตูใส่กุญแจทิ้งไว้ สอบถามบุคคลข้างเคียงได้ความว่าบริษัทจำเลยย้ายไปแล้วประมาณ 10 วัน ไม่ทราบไปอยู่ที่ไหนจึงถูกต้อง และเป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยได้โดยวิธีธรรมดาศาลชั้นต้นสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายธรรมดา จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 แล้ว
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ภายหลัง 15 วันนับแต่วันส่งคำบังคับโดยอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีเมื่อธนาคารแจ้งให้ทราบว่าศาลชั้นต้นสั่งอายัดเงิน เป็นการอ้างว่าเหตุที่ยื่นคำขอล่าช้าเพราะมีพฤติการณ์พิเศษนอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอภายใน 15 วัน นับแต่พฤติการณ์ดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่ปรากฏว่าโจทก์ยังไม่มีโอกาสคัดค้านคำร้องของจำเลย ศาลฎีกาย่อมให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย แล้วมีคำสั่งตามรูปคดี.
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ภายหลัง 15 วันนับแต่วันส่งคำบังคับโดยอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีเมื่อธนาคารแจ้งให้ทราบว่าศาลชั้นต้นสั่งอายัดเงิน เป็นการอ้างว่าเหตุที่ยื่นคำขอล่าช้าเพราะมีพฤติการณ์พิเศษนอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอภายใน 15 วัน นับแต่พฤติการณ์ดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่ปรากฏว่าโจทก์ยังไม่มีโอกาสคัดค้านคำร้องของจำเลย ศาลฎีกาย่อมให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย แล้วมีคำสั่งตามรูปคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นโมฆะ ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลล่างเพื่อดำเนินกระบวนการใหม่
ศาลชั้นต้นมิได้สั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยโดยวิธีปิดหมาย แต่เจ้าพนักงานศาลกลับส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยวิธีปิดหมาย จึงเป็นการไม่ชอบ รายงานการส่งหมายของเจ้าพนักงานศาลก็ขัดแย้งกัน กล่าวคือ ในครั้งแรกรายงานว่าได้ปิดหมายไว้ที่บ้านของจำเลย แต่ในครั้งหลังซึ่งห่างกันเพียงเดือนเศษ รายงานว่าจำเลยรื้อเรือนและไปอยู่ที่อื่นหลายเดือนแล้ว ต้องถือว่าศาลยังมิได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยและภายหลังแต่นั้นมาเป็นการไม่ชอบ และไม่มีผลตามกฎหมาย
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ แต่เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยให้ถูกต้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ได้
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ แต่เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยให้ถูกต้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้กระบวนการพิจารณาเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องของโจทก์ว่า ถ้า ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิได้สั่งให้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง แต่เจ้าพนักงานศาลกลับส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยด้วยวิธีปิดหมายซึ่งไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 76จึงต้องถือว่าศาลยังไม่ได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยและภายหลังแต่นั้นมาเป็นการไม่ชอบและไม่มีผลตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่แม้จำเลยยื่นคำขอเมื่อพ้นกำหนด 6 เดือนนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งหมายเรียก และการใช้ดุลพินิจของศาลในการจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์มิได้นำส่งเองเพียงแต่เสียค่าธรรมเนียมการส่งหมายให้แก่จำเลยทั้งเจ็ดและค่าป่วยการพิเศษเพื่อให้เจ้าพนักงานเดินหมายถ่ายภาพรายงานการเดินหมายส่งให้โจทก์ทราบ หากโจทก์นำส่งเอง โจทก์จะทราบผลทันทีที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 6 ไม่ได้ จึงเป็นความผิดของโจทก์เองที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเมื่อโจทก์มิได้แถลงต่อศาลเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ตามเวลาที่ศาลกำหนด จึงถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) แต่ตามมาตรา 132 มิได้บังคับเด็ดขาดว่าศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ โจทก์อ้างว่าได้ติดตามขอทราบผลการส่งหมายให้จำเลยที่ 6 หลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่าสำนวนเสนอผู้พิพากษาทุกครั้ง และปรากฏว่าเจ้าพนักงานเดินหมายไม่ได้ส่งภาพถ่ายรายงานการเดินหมายของจำเลยที่ 6 ให้โจทก์เช่นจำเลยคนอื่น ๆ ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 6
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและการนำส่งเอกสารฟ้องคดี ความผิดพลาดของโจทก์ในการปฏิบัติตามคำสั่งศาล และดุลพินิจศาลในการจำหน่ายคดี
โจทก์มิได้นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยเองตามคำสั่งศาลชั้นต้น เพียงแต่เสียค่าธรรมเนียมในการส่งหมายและค่าป่วยการพิเศษเพื่อให้เจ้าพนักงานเดินหมายถ่าย ภาพรายงานการเดินหมายส่งให้โจทก์เท่านั้น ดังนั้นเมื่อส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 6 ไม่ได้โจทก์ต้องแถลงต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ตามที่ศาลชั้นต้นสั่ง การที่โจทก์ไม่นำส่งเองจึงไม่ทราบผลทันทีที่ส่งไม่ได้เป็นความผิดของโจทก์เอง กรณีถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174(2) แต่อำนาจจำหน่ายคดีตามมาตรา 132 เป็นดุลพินิจ ของศาล เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ติดตามขอทราบผลการส่งหมายโดยขอดู สำนวนจากเจ้าหน้าที่ศาลหลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าสำนวนเสนอผู้พิพากษาทุกครั้ง และเหตุที่เจ้าพนักงานเดินหมายไม่ได้ส่งภาพถ่ายรายงานการเดินหมายของจำเลยที่ 6 ให้โจทก์ก็เพราะมีเหตุขัดข้องทางฝ่ายเจ้าพนักงานเดินหมายเอง จึงเป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 6.