คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หย่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 284 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3445/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์สินที่ได้มาขณะอยู่กินฉันสามีภริยาก่อนจดทะเบียนสมรส แม้หย่าแล้วก็ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์รวม
ทรัพย์สินพิพาทได้มาระหว่างผู้ร้องกับจำเลยอยู่กินกันฉันสามีภริยาก่อนจดทะเบียนสมรส ถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องกับจำเลยทำมาหาได้ร่วมกัน ผู้ร้องกับจำเลยจึงมีกรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์สินพิพาท แม้ภายหลังผู้ร้อง กับจำเลยจดทะเบียนสมรสและหย่าขาดจากกันโดยไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินพิพาทเป็นอย่างอื่น ทรัพย์สินที่พิพาทจึงยังคงเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินพิพาทจากการยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การด่าด้วยอารมณ์วู่วามจากการระแวง และการยินยอมให้ทำงานต่างประเทศ ไม่ถือเป็นเหตุหย่า
จำเลยไปประกอบอาชีพในต่างประเทศเพื่อหารายได้ส่งมาจุนเจือโจทก์และครอบครัวเป็นเวลาหลายปี เมื่อกลับมาโจทก์กลับเจรจาถึงเรื่องการหย่าซึ่งจำเลยระแวงอยู่แล้วว่าโจทก์ต้องการหย่าเพื่อไปแต่งงานกับหญิงอื่นจึงด่าโจทก์ขณะพูดโทรศัพท์ว่า 'อ้ายบ้าอ้ายหน้าตัวเมีย กูจะหาเรื่องให้มึงออกจากงาน กูจะไปฟ้องผู้บังคับบัญชา และจะหย่ากันก็ได้ถ้าหาเงินสดมาให้' ดังนี้ เป็นการด่าโจทก์ด้วยอารมณ์วู่วาม ขาดความยั้งคิด อันเกิดจากความผิดหวังที่จำเลยต้องยากลำบากเพื่อความสุขของครอบครัวแต่กลับถูกโจทก์หาทางทอดทิ้งจำเลยจึงหาได้มีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์จริงไม่ และที่จำเลยว่าบิดาของโจทก์ว่า'อ้ายเฒ่ามึงอย่าเสือกเรื่องของกู' นั้น ก็เป็นการต่อว่ากันทางโทรศัพท์ เป็นการกล่าวด้วยอารมณ์วู่วามที่ทราบว่าบิดาโจทก์และโจทก์ได้ร่วมกันดำเนินการให้มีการจดทะเบียนการหย่าระหว่างโจทก์กับจำเลย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทบิดาโจทก์ และเป็นเพียงคำไม่สุภาพ ขาดสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่เท่านั้น ไม่ร้ายแรงถึงกับเป็นการหมิ่นประมาทบิดาโจทก์
โจทก์ยินยอมให้จำเลยไปประกอบอาชีพในต่างประเทศเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ จึงไม่เป็นเหตุที่โจทก์จะอ้างมาฟ้องหย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3875/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งสินสมรสเมื่อหย่าต้องแบ่งเท่ากันตามสัดส่วนทรัพย์สินทั้งหมด ไม่ใช่หักกลบลบกัน
การแบ่งสินสมรสระหว่างสามีภรรยาที่หย่ากันโดยคำพิพากษาต้องแบ่งตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533 บัญญัติไว้ คือแบ่งสินสมรสให้ชายหญิงได้ส่วนเท่ากัน จะแบ่งโดยวิธีตีราคาสินสมรสทั้งหมด แล้วคิดคำนวณส่วนที่แต่ละฝ่ายจะได้รับแล้วนำมาหักกลบลบกันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3875/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งสินสมรสเมื่อหย่าต้องแบ่งให้ได้ส่วนเท่ากันตามกฎหมาย ไม่ใช่วิธีหักกลบลบกัน
การแบ่งสินสมรสระหว่างสามีภรรยาที่หย่ากันโดยคำพิพากษาต้องแบ่งตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533 บัญญัติไว้ คือแบ่งสินสมรสให้ชายหญิงได้ส่วนเท่ากัน จะแบ่งโดยวิธีตีราคาสินสมรสทั้งหมด แล้วคิดคำนวณส่วนที่แต่ละฝ่ายจะได้รับแล้วนำมาหักกลบลบกันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3057/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลไม่อาจบังคับให้มีการสมรส แม้ทั้งสองฝ่ายยินยอมคืนดีหลังจดทะเบียนหย่าแล้ว การสมรสเป็นสิทธิโดยความสมัครใจ
การสมรสเป็นสิทธิเฉพาะตัวโดยความสมัครใจยินยอมของชายและหญิงทั้งสองฝ่าย ในอันที่จะทำการสมรสกันภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายว่าด้วยการนั้น ไม่มีบทกฎหมายใดสนับสนุนให้อำนาจศาลที่จะบังคับให้มีการสมรส ศาลจึงไม่อาจพิพากษาให้โจทก์จำเลยกลับคืน สู่ฐานะเป็นสามีภรรยากันตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยอันมิชอบด้วยกฎหมายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2985/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าเนื่องจากจำเลยนำตำรวจจับกุมโจทก์ตามข้อกล่าวหาของบิดามารดา ถือเป็นการหมิ่นประมาทและทำให้โจทก์ยากจนลง
การที่บิดามารดาจำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจกล่าวหาว่าโจทก์ลักทรัพย์แม้จะมิใช่เหตุที่โจทก์จะยกขึ้นอ้างเพื่อฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับจำเลยก็ตามแต่การที่จำเลยนำตำรวจไปจับกุมโจทก์ตามข้อกล่าวหาของบิดามารดานั้น การกระทำของจำเลยย่อมถือได้ว่าเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นต่อเกียรติยศและชื่อเสียงของโจทก์ อันเป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1516(3)
โจทก์เพิ่งจะหางานทำได้หลังจากที่แยกกันอยู่กับจำเลยจึงติดใจขอค่าเลี้ยงชีพจากจำเลย จำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น กรณีถือได้ว่าการหย่าทำให้โจทก์ยากจนลง เพราะไม่มีรายได้จากการงานตามที่เคยทำอยู่ในระหว่างสมรส เมื่อเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของจำเลยจำเลยจึงต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3698/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงเจตนาลวงในการหย่าและการยึดทรัพย์สิน: สิทธิของเจ้าหนี้ต่อสินสมรส
หนังสือข้อตกลงหย่าและการจดทะเบียนหย่า ผู้ร้องกับจำเลยแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้ระหว่างกันกระทำขึ้นหรืออีกนัยหนึ่งเป็นการกระทำขึ้นโดยสมยอมจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดจึงเป็นสินสมรสซึ่งผู้ร้องกับจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันผู้ร้องไม่มีอำนาจมาร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3415/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งทรัพย์สินระหว่างเจ้าของรวมหลังหย่า ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือฟ้องร้องได้
ทรัพย์สินของสามีภริยาเมื่อยังไม่ได้แบ่งกันมีสภาพเป็นทรัพย์สินซึ่งสามีภริยาเป็นเจ้าของรวม และการแบ่งทรัพย์สินระหว่างเจ้าของรวมนั้นอาจกระทำได้โดยแบ่งทรัพย์สินนั้นกันเองหรือโดยขายทรัพย์สินแล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกัน แม้จะไม่ทำหลักฐานเป็นหนังสือต่อกันก็ฟ้องร้องให้บังคับคดีได้
โจทก์ฟ้องจำเลยเพื่อแบ่งทรัพย์สินตามที่ตกลงแบ่งกัน เมื่อหย่า แม้คำฟ้องจะไม่ได้บรรยายว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องที่ขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าขาดจากสามีภริยาเนื่องจากแยกกันอยู่และไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดู
โจทก์จำเลยแต่งงานจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภริยากัน จำเลยออกจากบ้านโจทก์ไปอยู่กับมารดา ไม่ยอมอยู่กินฉันสามีภริยากับโจทก์ เป็นการไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน และเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง ซึ่งเมื่อคำนึงถึงสภาพฐานะความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาแล้ว เป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์เดือดร้อนเกินควร เข้าเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516(6) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าจากกรณีแยกกันอยู่และไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดู ทำให้โจทก์เดือดร้อนเกินควร
โจทก์จำเลยแต่งงานจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภริยากัน จำเลยออกจากบ้านโจทก์ไปอยู่กับมารดา ไม่ยอมอยู่กินฉันสามีภริยากับโจทก์ เป็นการไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน และเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง ซึ่งเมื่อคำนึงถึงสภาพฐานะความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาแล้ว เป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์เดือดร้อนเกินควร เข้าเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516(6) แล้ว
of 29