พบผลลัพธ์ทั้งหมด 297 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่มาฟังคำพิพากษาตามนัดหลังรับสารภาพ ศาลออกหมายจับและอ่านคำพิพากษาลับหลังได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยให้การรับสารภาพและขอเวลาชำระเงินให้โจทก์ หากถึงกำหนดไม่สามารถชำระเงินได้ก็ให้ศาลพิพากษาไปได้ ศาลชั้นต้นจึงนัดฟัง คำพิพากษาจำเลยลงชื่อรับทราบ ครั้นถึงวันเวลานัด จำเลยซึ่ง ทราบนัดแล้วไม่มาศาลและไม่มีการยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุจำเป็นแต่ประการใด จึงถือได้ว่าจำเลยหลบหนีหรือจงใจไม่มาฟังคำพิพากษาซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182 วรรคสาม ให้ศาลออกหมายจับจำเลย หากไม่ได้ ตัวจำเลยมาภายใน 1 เดือน นับแต่วันออกหมายจับก็ให้ศาลอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยได้ หาจำต้องแจ้งวันนัดอ่านคำพิพากษาให้จำเลยทราบอีกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือการฆ่าผู้อื่น: การวิ่งนำหลบหนีหลังก่อเหตุ ไม่ถึงขั้นร่วมมือฆ่า แต่เป็นความช่วยเหลือ
ผู้ประสงค์จะฆ่าผู้ตายติดต่อกับจำเลยที่ 3 ให้หาคนมายิงผู้ตายจำเลยที่ 3 เป็นผู้ติดต่อพาจำเลยที่ 1 ที่ 2 มาพบผู้ว่าจ้าง และได้รับมอบปืน 2 กระบอกจากผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 วันเกิดเหตุผู้ว่าจ้างพาจำเลยทั้งสามมาดูตัวผู้ตายกับพวกจนจำได้ ตอนที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยิงผู้ตายจำเลยที่ 3 ยืนอยู่คนละฝั่งถนนโดยจำเลยที่ 3 มีมีดปลายแหลมติดตัวเพียง 1 เล่มเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยิงผู้ตายแล้วจำเลยที่ 3 เป็นผู้วิ่งนำพาจำเลยที่ 1 ที่ 2 หลบหนี ดังนี้การกระทำของจำเลยที่ 3 ยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมมือในขณะกระทำความผิดหรือเป็นการแบ่งแยกหน้าที่กันทำ เพราะไม่จำเป็นที่จำเลยที่ 3 จะต้องมาคอยชี้หรือให้สัญญาณให้ยิง และคงจะไม่เข้าช่วยเหลือซ้ำเติมหรือทำอันตรายแก่ผู้ตายอีกเพราะไม่มีอาวุธปืน การที่จำเลยที่ 3 อยู่ในที่เกิดเหตุก็เพียงคอยวิ่งนำหน้าพาจำเลยที่ 1 ที่ 2 หลบหนีไปในเส้นทางที่ตนชำนาญเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ในการฆ่าผู้ตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 86 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4225/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ของกลางที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ไม่สามารถริบได้ แม้จะเกี่ยวข้องกับการหลบหนี
เสื้อของกลางคนร้ายมิได้ใช้ในการกระทำความผิด ส่วนการถอดเสื้อของกลางทิ้งโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าเป็นการพรางตาให้พ้นจากการจับกุมหรือเพื่อสะดวกแก่การเอาทรัพย์ไปรับฟังไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดดังที่โจทก์ฎีกาอีกเช่นกัน ศาลจึงสั่งริบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3243/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและช่วยเหลือผู้ถูกคุมขังหลบหนี ถือเป็นความผิดอาญา
ขณะที่ร้อยตำรวจตรี พ.ควบคุมตัวส. ผู้ต้องหา ในข้อหาไม่ยืนทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งเป็นความผิดมีโทษตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช 2485 จะนำขึ้นรถยนต์ไปสถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีจำเลยได้เข้าโอบกอดจับตัวร้อยตำรวจตรีพ.ไว้ และพวกของจำเลยอีกสองคนได้ช่วยกันยื้อแย่งเอาตัว ส. ขึ้นรถยนต์หลบหนีไปถือว่า ส.ถูกคุมขังอยู่ตามอำนาจของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(12),191 แล้วการกระทำของ จำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 138,140,191
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3116/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการกระทำผิด: การติดเครื่องรถให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีหลังก่อเหตุยิง เสี่ยงผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ล. นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยลงมาพูดทำนองบังคับผู้ตายให้กลับรถของจำเลย ใช้ปืนจี้ท้ายทอยแล้วลั่นไกแต่ กระสุนไม่ลั่น จึงใช้ปืนตีศีรษะ แล้วร้องบอกให้จำเลยติดเครื่องรถรอ จำเลยก็ติดเครื่องรถรอจน ล. มาถึงรถจำเลยแล้วยิงไปที่ผู้ตาย 1 นัด เมื่อขึ้นคร่อมท้ายรถแล้ว ล. ยิงไปอีกหลายนัด ขณะเดียวกันจำเลยก็ขับรถพาหลบหนีไป การติดเครื่องรถรออยู่เป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการที่ ล. ยิงผู้ตาย เป็นการให้กำลังใจว่าเมื่อยิงแล้วมีโอกาสซ้อนรถจำเลยหลบหนีไปได้ทันท่วงทีและปลอดภัย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดของ ล. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2534/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการลักทรัพย์และการหลบหนีหลังกระทำผิด
การที่จำเลยขี่รถจักรยานสองล้อเข้าไปในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อลักรถจักรยานสองล้อของผู้เสียหาย รถจักรยานสองล้อที่จำเลยใช้ขี่ไปย่อมเป็นยานพาหนะที่ให้ความสะดวกแก่จำเลยในการกระทำผิด และหลังจากพวกของจำเลยนำรถจักรยานสองล้อของผู้เสียหายขี่หนีไปแล้ว จำเลยได้ขี่รถจักรยานสองล้อที่ขี่มาหลบหนีไปด้วย เป็นการใช้ยานพาหนะหลบหนีไปเพื่อให้พ้นการจับกุม จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2534/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการลักทรัพย์และการหลบหนีหลังกระทำผิด
การที่จำเลยขี่รถจักรยานสองล้อเข้าไปในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อลักรถจักรยานสองล้อของผู้เสียหายรถจักรยานสองล้อที่จำเลยใช้ขี่ไปย่อมเป็นยานพาหนะที่ให้ความสะดวกแก่จำเลยในการกระทำผิดและหลังจากพวกของจำเลยนำรถจักรยานสองล้อของผู้เสียหายขี่หนีไปแล้วจำเลยได้ขี่รถจักรยานสองล้อที่ขี่มาหลบหนีไปด้วย เป็นการใช้ยานพาหนะหลบหนีไปเพื่อให้พ้นการจับกุมจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3989/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุ ต้องพิสูจน์ว่าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตาย
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส เกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนีไม่อยู่ช่วยเหลือ ทั้งไม่ได้แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยมิได้บรรยายอ้างเหตุว่าการหลบหนีดังกล่าวเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตายด้วยดังนี้ ไม่อาจลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฯ มาตรา 160 วรรคสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกหนี้ร่วมประกันตัว จำเลยหลบหนี ศาลปรับ โจทก์ชำระแทน มีสิทธิเรียกร้องจากลูกหนี้ร่วม
โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันประกันตัวจำเลยในคดีอาญาแล้วผิดสัญญาถูกศาลสั่งปรับ ศาลได้บังคับคดีเอาที่ดินที่โจทก์นำมาประกันขายทอดตลาด ถือได้ว่าโจทก์ได้ชำระค่าปรับในนามของโจทก์กับจำเลยทั้งสองซึ่งต้องรับผิดคนละส่วนเท่าๆ กันตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 296 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์ เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 หนึ่งในสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนี แม้ละเลยไม่จับกุม แต่ไม่ถึงขั้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ม.157
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ร่วมกับพวกช่วยพาคนต่างด้าวสัญชาติลาวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร โดยผ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 ไปเสียจากที่ควบคุมเพื่อมิให้ต้องถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศลาวตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่โดยจำเลยกับพวกนำรถยนต์มารับคนลาวดังกล่าวไป จำเลยเห็นแต่ละเลยไม่จับกุมดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 58 แต่ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157