คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หุ้นส่วน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 346 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3479/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิทักษ์ทรัพย์จำเลยในคดีล้มละลาย: หุ้นส่วนที่ออกไปแล้ว vs. หุ้นส่วนที่ยังคงเป็นอยู่
จำเลยที่2และที่4เคยเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนจำเลยที่1แต่ได้ออกจากการเป็นหุ้นส่วนก่อนที่โจทก์จะฟ้องห้างจำเลยที่1ให้ล้มละลายจำเลยที่2และที่4ย่อมมิใช่หุ้นส่วนของห้างจำเลยที่1ในขณะโจทก์ฟ้องคดีและขณะที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ห้างจำเลยที่1เด็ดขาดแม้จำเลยที่2และที่4มีความรับผิดในฐานะของผู้เป็นหุ้นส่วนอันเกี่ยวแก่หนี้ซึ่งห้างจำเลยที่1ได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะออกจากหุ้นส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1068ก็ตามแต่ถ้าโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าขณะโจทก์ฟ้องจำเลยที่2และที่4มีหนี้สินล้นพ้นตัวก็ไม่มีเหตุที่จะพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่2และที่4เด็ดขาด จำเลยที่5เป็นหุ้นส่วนในห้างจำเลยที่1ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีและศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อห้างจำเลยที่1ผิดนัดชำระหนี้โจทก์ฟ้องทั้งห้างจำเลยที่1และจำเลยที่5ผู้เป็นหุ้นส่วนร่วมกับหุ้นส่วนอื่นๆให้ล้มละลายศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ห้างจำเลยที่1เด็ดขาดแล้วเช่นนี้โจทก์ก็ไม่จำ้องนำสืบว่าจำเลยที่5ผู้เป็นหุ้นส่วนมีหนี้สินล้นพ้นตัวด้วยกรณีมีเหตุที่จำเลยที่5จะต้องล้มละลายตามห้างจำเลยที่1โจทก์ไม่จำเป็นต้องมีคำขอให้จำเลยที่5ล้มละลายตามห้างจำเลยที่1โดยอาศัยพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา89อีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3133/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนแบ่งเงินได้เสรี เงินที่แบ่งแล้วไม่ต้องส่งมอบให้ผู้ชำระบัญชี
ผู้เป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ย่อมตกลงกันให้แบ่งเงินของห้างหุ้นส่วนเมื่อใดก็ได้ ทำนองเดียวกับเจ้าของรวมตกลงแบ่งทรัพย์กันนั่นเอง
จำเลยรับเงินส่วนแบ่งจำนวนหนึ่งมาจากศาลตามที่ศาลฎีกาพิพากษาให้แบ่งเงินค่าสินค้าของห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนอันเป็นกรรมสิทธิ์รวมให้แก่โจทก์ที่ 1 กับจำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนโดยห้างหุ้นส่วนนั้นเลิกกันแล้วและอยู่ในระหว่างที่มีการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนอยู่ เงินส่วนที่แบ่งให้จำเลยก็ตกเป็นของจำเลย ผู้ชำระบัญชีหามีอำนาจที่จะเรียกร้องหรือเข้าเก็บรักษาเงินจำนวนนี้ โดยอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1259 ได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4787/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษาถึงบริวาร และการอ้างสิทธิพิเศษจากความเป็นหุ้นส่วนที่ไม่ได้รับการยินยอม
ผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยและอยู่ในที่พิพาทและสิ่งปลูกสร้างซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาแล้วว่าที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารกรณีจึงถือได้ว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยแม้ผู้ร้องจะเป็นบุตรมิชอบด้วยกฎหมาย ของจำเลยก็หาทำให้ผู้ร้องมิได้เป็นบริวารของจำเลยแต่อย่างใด ส่วนข้อที่ผู้ร้องแสดงอำนาจพิเศษว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่นำมาลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ซึ่งมีผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ตกลงยินยอมให้ทรัพย์พิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วนนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีข้ออ้างตามกฎหมายประการใดที่จะอ้างความเป็นหุ้นส่วนนั้น ขึ้นยันโจทก์ได้ และที่ผู้ร้องอ้างว่ายังมีคดีอีก 2 คดีที่พิพาทกันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินคดีนี้และคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น แม้ผู้ร้องจะเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ผู้ร้องสอดซึ่งมรณะ แต่ผู้ร้องก็หามีสิทธิอย่างอื่นนอกเหนือไปกว่า สิทธิของผู้ร้องสอดก่อนมรณะไม่ซึ่งคดี 2 คดีนั้นก็ปรากฏว่าผู้ร้อง มิได้เป็นคู่ความโดยตรง และประเด็นข้อพิพาทต่างกับประเด็น ที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้ ดังนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าว ถือได้ว่าผู้ร้อง เป็นบริวารของจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้ฉะนั้น คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้ร้องด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2512/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญ: ผู้ร้องมีสิทธิเริ่มคดีทั้งแบบมีข้อพิพาทและไม่มีข้อพิพาท หากมีผู้คัดค้าน ศาลต้องดำเนินคดีแบบมีข้อพิพาท
การขอให้ศาลสั่งเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1057 นั้นผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะฟ้องร้องเป็นคดีมีข้อพิพาทก็ได้ หรือจะเริ่มต้นด้วยการร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาทก็ได้และในกรณีหลังนี้หากมีหุ้นส่วนอื่นไม่เห็นพ้องด้วย ย่อมมี สิทธิร้องคัดค้านเข้ามาเกี่ยวข้อง ในคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 และศาลต้องดำเนินคดีต่อไปอย่างคดีมีข้อพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสัญญาหุ้นส่วนซื้อที่ดิน/โรงงาน: การโต้แย้งสิทธิซื้อขายและผลการบังคับใช้คำขอ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์กับจำเลยทำสัญญาเข้าหุ้นส่วนกันซื้อที่ดินพร้อมโรงงานและสิ่งปลูกสร้าง โดยตกลงออกเงินกันคนละครึ่งจำเลยผิดสัญญาไม่ออกเงินส่วนของตน. โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเข้าหุ้นส่วนต่อจำเลยโดยถือว่าโจทก์มีสิทธิตามสัญญาซื้อขายแต่ผู้เดียว คำขอท้ายฟ้องของโจทก์มีอยู่ข้อหนึ่งว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อและทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานกับผู้ขายแต่ผู้เดียว ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง เช่นนี้ฟังได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานดังกล่าวแล้ว คำให้การจำเลยก็โต้แย้งว่า จำเลยไม่ได้ขอให้โจทก์จ่ายเงินทดรองและโจทก์ก็ไม่ได้จ่ายเงินทดรองแทนจำเลย เงินที่ชำระครั้งแรกกับที่ผ่อนชำระจำเลยได้ชำระครึ่งหนึ่งตามสัญญาตลอดมา จึงเป็นกรณีที่มีข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลย หากพิจารณาได้ตามความที่โจทก์ฟ้อง ศาลก็บังคับตามคำขอของโจทก์ดังกล่าวได้ส่วนคำขออื่นซึ่งศาลบังคับให้ไม่ได้ หรือโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องศาลก็ชอบที่จะยกคำขอนั้น การงดสืบพยานจึงไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิแต่ผู้เดียวตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานในราคา 3,400,000 บาท จำเลยให้การว่าจำเลยมีสิทธิตามสัญญาดังกล่าวครึ่งหนึ่งและจำเลยได้ชำระเงินตามสัญญาครึ่งหนึ่งตลอดมา ดังนี้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ 1,700,000 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสิทธิซื้อขายที่ดินและโรงงานระหว่างหุ้นส่วน สิทธิเรียกร้องและค่าขึ้นศาล
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์กับจำเลยทำสัญญาเข้าหุ้นส่วนกันซื้อที่ดินพร้อมโรงงานและสิ่งปลูกสร้าง โดยตกลงออกเงินกันคนละครึ่งจำเลยผิดสัญญาไม่ออกเงินส่วนของตน. โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเข้าหุ้นส่วนต่อจำเลยโดยถือว่าโจทก์มีสิทธิตามสัญญาซื้อขายแต่ผู้เดียว คำขอท้ายฟ้องของโจทก์มีอยู่ข้อหนึ่งว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อและทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานกับผู้ขายแต่ผู้เดียว ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง เช่นนี้ฟังได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานดังกล่าวแล้ว คำให้การจำเลยก็โต้แย้งว่าจำเลยไม่ได้ขอให้โจทก์จ่ายเงินทดรองและโจทก์ก็ไม่ได้จ่ายเงินทดรองแทนจำเลย เงินที่ชำระครั้งแรกกับที่ผ่อนชำระจำเลยได้ชำระครึ่งหนึ่งตามสัญญาตลอดมา จึงเป็นกรณีที่มีข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลย หากพิจารณาได้ตามความที่โจทก์ฟ้อง ศาลก็บังคับตามคำขอของโจทก์ดังกล่าวได้ส่วนคำขออื่นซึ่งศาลบังคับให้ไม่ได้ หรือโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้อง ศาลก็ชอบที่จะยกคำขอนั้น การงดสืบพยานจึงไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิแต่ผู้เดียวตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานในราคา 3,400,000 บาท จำเลยให้การว่าจำเลยมีสิทธิตามสัญญาดังกล่าวครึ่งหนึ่งและจำเลยได้ชำระเงินตามสัญญาครึ่งหนึ่งตลอดมา ดังนี้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ 1,700,000 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนไม่ปรองดอง พิพาททางอาญา เป็นเหตุให้ห้างหุ้นส่วนเหลือวิสัยที่จะดำรงอยู่ได้
ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 มีผู้เป็นหุ้นส่วนสองคน คือโจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด และจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 ยักยอกทรัพย์ ของห้างหุ้นส่วน และจำเลยที่ 2 กล่าวหาว่าโจทก์ลักทรัพย์ของห้างหุ้นส่วน จนโจทก์และจำเลยที่ 2 ต่างถูกพนักงานอัยการฟ้องคดีอาญาในความผิดที่ต่างฝ่ายต่างกล่าวหาซึ่งกันและกัน พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ปรองดองกัน ไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน จึง เป็นกรณีที่มีเหตุทำให้ห้างหุ้นส่วนเหลือวิสัยที่จะดำรง คงอยู่ต่อไปได้ ศาลย่อมพิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนเลิกกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นฟ้องร้องอาญา ย่อมเป็นเหตุให้ศาลสั่งเลิกห้างหุ้นส่วนได้
ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 มีผู้เป็นหุ้นส่วนสองคน คือโจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด และจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 ยักยอกทรัพย์ ของห้างหุ้นส่วน และจำเลยที่ 2 กล่าวหาว่าโจทก์ลักทรัพย์ของห้างหุ้นส่วน จนโจทก์และจำเลยที่ 2 ต่างถูกพนักงานอัยการฟ้องคดีอาญาในความผิดที่ต่างฝ่ายต่างกล่าวหาซึ่งกันและกัน พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ปรองดองกันไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน จึง เป็นกรณีที่มีเหตุทำให้ห้างหุ้นส่วนเหลือวิสัยที่จะดำรง คงอยู่ต่อไปได้ ศาลย่อมพิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนเลิกกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญและการรับฟังใบรับเงินค่าหุ้นแม้ไม่มีอากรแสตมป์
โจทก์กับพวกได้นำเงินมาลงหุ้นกับจำเลยและ ว. ตั้งขึ้นเป็นโรงเรียนซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน เมื่อหุ้นส่วนตายห้างหุ้นส่วนย่อมเลิกกัน โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนได้
ใบเสร็จรับเงินค่าหุ้นโจทก์ได้ส่งภาพถ่ายมาพร้อมกับคำฟ้อง จำเลยให้การรับว่าเป็นใบรับเงินที่ออกให้โจทก์และผู้ขอลงทุน ได้ระบุเป็นการล่วงหน้าว่ารับเงินเป็นค่าลงหุ้น แต่ความจริงเป็นการรับเงินกู้ยืม เมื่อโจทก์ส่งต้นฉบับในชั้นพิจารณา จำเลยก็เบิกความว่าเป็นใบรับเงินที่จำเลยทำขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยเอกสารนั้นเป็นพยานหลักฐานอีก แม้ใบรับเงินที่โจทก์อ้างจะมิได้ปิดอากรแสตมป์ ก็รับฟังได้ว่าเป็นใบรับเงินที่ออกให้โจทก์ตามที่จำเลยให้การและเบิกความรับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา84 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3850/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนลงทุนก่อสร้าง: การเลิกสัญญา, การทำสัญญาใหม่, และอำนาจฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย
คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองหาว่าร่วมกันฉีกสัญญาก่อสร้างทิ้ง ขอให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ ศาลมีคำสั่งไม่ประทับฟ้องจำเลยที่ 1 ครั้นพิจารณาแล้วลงโทษจำเลยที่ 2 ดังนี้ โจทก์มาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองเป็นคดีแพ่ง ข้อเท็จจริงในคดีอาญาคงผูกพันเฉพาะจำเลยที่ 2 ไม่ผูกพันถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ศาลในคดีแพ่งจึงฟังว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนร่วมรู้เห็นกับจำเลยที่ 2 ในการที่จำเลยที่ 2 ฉีกสัญญาอันเป็นการร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ได้
โจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนร่วมกันทำการก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์ให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน การที่จำเลยที่ 2 ฉีกสัญญาก่อสร้างที่โจทก์และจำเลยที่ 2 ทำไว้ต่อจำเลยที่ 1 ไม่เป็นเหตุให้สัญญาก่อสร้างระงับส่วนการที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญาก่อสร้างฉบับใหม่กับจำเลยที่ 1 ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำในนามของหุ้นส่วนเดิม เท่ากับทำแทนโจทก์นั่นเอง โจทก์ฟ้องคดีนี้เรียกเงินที่โจทก์นำมาลงหุ้น รวมทั้งผลกำไรจากการที่โจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนกัน จึงฟ้องเรียกจากจำเลยที่ 1 ไม่ได้ และกรณีเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 นั้น โจทก์ชอบที่จะจัดการให้มีการเลิกหุ้นส่วนและชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1055 ถึง 1063เสียก่อน เมื่อโจทก์ยังมิได้ปฏิบัติดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ข้อนี้แม้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 (5) ประกอบด้วยมาตรา 246 และมาตรา 247
of 35