คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เด็ก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 262 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 560/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายแทนเด็ก: เงื่อนไขการขออนุญาตศาลและการปฏิบัติตามสัญญา
โจทก์จำเลยทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายต่อกันโดยระบุว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมขายแทน ส. ผู้เยาว์ได้กำหนดไว้ว่า ผู้ขายจะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอขายความหมายของสัญญาจะขายที่ดินรายนี้ของเด็กก็ต่อเมื่อศาลอนุญาตให้ขาย เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอขายที่ดินของเด็กแล้ว ศาลสั่งไม่อนุญาต ก็ย่อมเป็นอันไม่ซื้อขายกันตามข้อสัญญา การที่ศาลไม่อนุญาตให้ขาย มิใช่เป็นการที่จำเลยขัดขวางมิให้เงื่อนไขสำเร็จแต่อย่างไร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1316/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารเด็ก แม้ไม่ถึงขั้นข่มขืน ศาลปรับบทลงโทษตามเจตนาการกระทำ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277,80 จำคคุก 2ปี 8 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 277,81 จำคุก 1 ปีและรอการลงโทษ ดังนี้ จึงเป็นการแก้ไขมาก โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
จำเลยเรียกผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 4 ขวบ เข้าไปในห้องแล้วจำเลยปิดประตู บอกให้ผู้เสียหายไปนอน จำเลยได้ถอดกางเกงของผู้เสียหายและถอดกางเกงของจำเลยออก บอกให้ผู้เสียหายนอนตะแคง ตัวจำเลยก็นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาผู้เสียหายและกอกผู้เสียหาย แล้วจำเลยเอาของลับทิ่มของลับของผู้เสียหาย 2 ครั้ง อวัยวะสืบพันธุ์ผู้เสียหายแคมใหญ่ด้านขวาบวมและมีรอยถลอกคือหนังกำพร้าขาดเล็กน้อย ตรงแคมใหญ่ด้านซ้านก้มีรอยถลอก เยื่อพรหมจารีปกติ ในช่องคลอดไม่มีเชื้ออสุจิ ตรวจพบว่ามีคราบน้ำอสุจิมนุษย์ติดอยู่ที่กางเกงของกลาง ดังนี้ ลักษณะการกระทำของจำเลยยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราได้ และเห็นเจตนาว่าตั้งใจกระทำอนาจาร จึงผิดเพียงฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นผิดเพียงฐานทำอนาจารซึ่งเป็นบทเบากว่า ศาลก็ย่อมลงโทษปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ (ตัดสินโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 19/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กในการจัดการทรัพย์สินมรดก
โจทก์ฟ้องคดีในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์นั้นไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิของตนเอง แต่เป็นการใช้สิทธิของผู้เยาว์ เพราะผู้เยาว์ใช้สิทธิด้วยตนเองยังไม่ได้ ผู้ใช้อำนาจปกครองจึงใช้สิทธินั้นด้วยอำนาจกฎหมาย โดยมิต้องให้ผู้เยาว์มอบอำนาจดังเช่นบุคคลผู้บรรลุนิติภาวะเมื่อผู้เยาว์ไม่มีสิทธิฟ้องบุพพการี โดยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1534 แล้วผู้แทนโดยชอบธรรมก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองเพื่อประโยชน์เด็กต้องเป็นไปตามคำสั่งศาล การจำนองเกินเลยคำสั่งไม่ผูกพันจำเลย
ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องซึ่งเป็นบิดาของจำเลยทำนิติกรรมจำนองที่ดินของจำเลยเพื่อเอาเงินมาปลูกสร้างอาคารลงบนที่ดินของจำเลย และเปิดสาขาขายผ้าเพื่อหาผลประโยชน์ให้แก่จำเลยตามที่ผู้ร้องได้ร้องขอ แต่ผู้ร้องไปทำนิติกรรมจำนองที่ดินของจำเลยเพื่อประกันหนี้บุคคลอื่นโดยไม่ใช่เพื่อประโยชน์แก่จำเลยและมิได้นำเงินไปใช้จ่ายตามที่ศาลสั่งอนุญาตเลย เป็นการฝ่าฝืนนอกเหนือคำสั่งของศาล ย่อมไม่ผูกพันจำเลยและทรัพย์ของจำเลยที่จำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ดินของเด็กโดยไม่เป็นไปตามคำสั่งศาล: สัญญาไม่ผูกพัน
ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องซึ่งเป็นบิดาของจำเลยทำนิติกรรมจำนองที่ดินของจำเลยเพื่อเอาเงินมาปลูกสร้างอาคารลงบนที่ดินของจำเลย และเปิดสาขาขายผ้าเพื่อหาผลประโยชน์ให้แก่จำเลยตามที่ผู้ร้องได้ร้องขอแต่ผู้ร้องไปทำนิติกรรมจำนองที่ดินของจำเลยเพื่อประกันหนี้บุคคลอื่นโดยไม่ใช่เพื่อประโยชน์แก่จำเลยและมิได้นำเงินไปใช้จ่ายตามที่ศาลสั่งอนุญาตเลย เป็นการฝ่าฝืนนอกเหนือคำสั่งของศาล ย่อมไม่ผูกพันจำเลยและทรัพย์ของจำเลยที่จำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความของผู้ใช้อำนาจปกครองเด็ก ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อนจึงมีผลผูกพัน
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดให้แบ่งทรัพย์มรดกแก่ทายาทคนละครึ่ง หากแบ่งไม่ตกลงให้ประมูลหรือขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันตามส่วน นั้นย่อมหมายความว่า มรดกทุกชิ้นนั้น ถ้าเป็นทรัพย์แบ่งได้ก็ให้เอามากแบ่งกันคนละครึ่งเป็นชิ้น ๆ ไป ถ้าตกลงในการแบ่งเช่นนี้ไม่ได้ ก็ให้ประมูลระหว่างกันหรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันหากทายาททั้งสองตกลงแบ่งทรัพย์มรดกกันนอกศาลเป็นอย่างอื่น ก็ถือว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะเป็นการยอมผ่อนผันให้แก่กันเพื่อระงับข้อพิพาท
ผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล โดยมิได้ขออนุญาตศาลก่อนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยผู้ใช้อำนาจปกครองเด็ก ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน จึงมีผลผูกพัน
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดให้แบ่งทรัพย์มรดกแก่ทายาทคนละครึ่งหากแบ่งไม่ตกลงให้ประมูลหรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วน นั้น ย่อมหมายความว่า มรดกทุกชิ้นนั้นถ้าเป็นทรัพย์แบ่งได้ ก็ให้เอามาแบ่งกันคนละครึ่งเป็นชิ้นๆไป ถ้าตกลงในการแบ่งเช่นนี้ไม่ได้ ก็ให้ประมูลระหว่างกัน หรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน หากทายาททั้งสองตกลงแบ่งทรัพย์มรดกกันนอกศาลเป็นอย่างอื่น ก็ถือว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะเป็นการยอมผ่อนผันให้แก่กันเพื่อระงับข้อพิพาท
ผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาลโดยมิได้ ขออนุญาตศาลก่อน หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนรับรองบุตรโดยไม่มีความยินยอมจากเด็กและมารดาที่อยู่ในฐานะที่ไม่สามารถให้ความยินยอมได้ ถือเป็นสมบูรณ์ตามกฎหมาย
การที่บิดาจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรนั้น เป็นเรื่องให้ประโยชน์แก่เด็ก หากปรากฏว่าผู้จะให้ความยินยอมคือ เด็กนั้นอายุน้อยไร้เดียงสาและมารดาก็ถึงแก่กรรมไปก่อนไม่อยู่ในฐานะ ที่จะให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรก็สมบูรณ์โดยไม่ต้องให้ความยินยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารด้วยการใช้กำลังประทุษร้ายต่อเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
จำเลยจับถือและกอดเด็กหญิง ผู้เสียหายอายุ 14 ปี ถือได้ว่าเป็นการใช้แรงกายภาพ ซึ่งเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย ตามความหมายใน มาตรา 1 (6) แล้วการกระทำของจำเลยดังกล่าว เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตาม มาตรา 278

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย แม้เป็นการสัมผัสทางกายภาพ
จำเลยจับมือและกอดเด็กหญิงผู้เสียหายอายุ 14 ปีถือได้ว่าเป็นการใช้แรงกายภาพ ซึ่งเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามความหมายใน มาตรา 1(6) แล้ว การกระทำของจำเลยดังกล่าว เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตาม มาตรา 278
of 27