พบผลลัพธ์ทั้งหมด 279 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มวงเงินจำนองไม่เป็นการแปลงหนี้ใหม่, คำฟ้องไม่เคลือบคลุมเมื่อมีการสืบพยานเพิ่มเติมได้
ข้อตกลงเพิ่มวงเงินจำนอง มิใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ ถือ ไม่ได้ว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่อันจะมีผลทำให้หนี้เดิม ระงับไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349 คำฟ้องระบุจำนวนหนี้ที่ขอให้จำเลยร่วมรับผิดในฐานะ ผู้ค้ำประกันจำเลยให้การต่อสู้ ว่า หากจะต้อง รับผิด ก็รับผิดเพียงวงเงินที่ค้ำประกันและดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีเท่านั้น มิได้ปฏิเสธยอดหนี้ ดังนั้นปัญหาว่าจำเลยอื่นได้ เบิกเงินไปจากโจทก์และนำเงินเข้าฝากในบัญชีเพื่อลดหนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อใด หนี้ถึงวันฟ้องเป็นต้นเงินเท่าใด และดอกเบี้ย เท่าใดนั้น โจทก์นำมาสืบในชั้นพิจารณาได้โดย ไม่จำเป็นต้อง แนบบัญชีเงินฝากกระแสรายวันมาท้ายคำฟ้อง ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5894/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้, อายุความ 10 ปี, การเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยทำบันทึกข้อตกลงกับโจทก์ยอมชำระหนี้แทนมารดาจำเลยโดยในวันทำบันทึกจำเลยได้มอบทั้งเงินสดและ เช็คชำระหนี้ให้โจทก์ ดังนี้บันทึกดังกล่าวเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากมารดาจำเลยเป็นจำเลย การฟ้องคดีตามบันทึกข้อตกลงแปลงหนี้ใหม่ดังกล่าวมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงที่จะชำระหนี้ให้โจทก์แทนมารดาจำเลยพร้อมทั้งแนบภาพถ่ายบันทึกข้อตกลงดังกล่าวมาท้ายฟ้องด้วย โดยจำเลยได้ออกเช็ครวม 5 ฉบับชำระหนี้ให้โจทก์ ดังนี้ถือว่าโจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยในฐานะโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คแต่เป็นการบรรยายถึงมูลหนี้เดิมว่ามีความเป็นมา อย่างไรอันเป็นการฟ้องโดยอาศัยมูลหนี้ตามบันทึกข้อตกลงแปลงหนี้ใหม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงที่จะชำระหนี้ให้โจทก์แทนมารดาจำเลยพร้อมทั้งแนบภาพถ่ายบันทึกข้อตกลงดังกล่าวมาท้ายฟ้องด้วย โดยจำเลยได้ออกเช็ครวม 5 ฉบับชำระหนี้ให้โจทก์ ดังนี้ถือว่าโจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยในฐานะโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คแต่เป็นการบรรยายถึงมูลหนี้เดิมว่ามีความเป็นมา อย่างไรอันเป็นการฟ้องโดยอาศัยมูลหนี้ตามบันทึกข้อตกลงแปลงหนี้ใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5894/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้มีอายุความ 10 ปี และเป็นเหตุให้เข้าข่ายมีหนี้สินล้นพ้นตัว
จำเลยทำบันทึกข้อตกลงกับโจทก์ยอมชำระหนี้แทนมารดาจำเลยโดยในวันทำบันทึกจำเลยได้มอบทั้งเงินสดและเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ดังนี้ บันทึกดังกล่าวเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากมารดาจำเลยเป็นจำเลย การฟ้องคดีตามบันทึกข้อตกลงแปลงหนี้ใหม่ดังกล่าวมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงที่จะชำระหนี้ให้โจทก์แทนมารดาจำเลยพร้อมทั้งแนบภาพถ่ายบันทึกข้อตกลงดังกล่าวมาท้ายฟ้องด้วย โดยจำเลยได้ออกเช็ครวม 5 ฉบับ ชำระหนี้ให้โจทก์ ดังนี้ถือว่าโจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยในฐานะโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คแต่เป็นการบรรยายถึงมูลหนี้เดิมว่ามีความเป็นมาอย่างไรอันเป็นการฟ้องโดยอาศัยมูลหนี้ตามบันทึกข้อตกลงแปลงหนี้ใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ และอำนาจฟ้องคดี
เดิม อ. และ พ. เป็นหนี้โจทก์ตามเช็คและสัญญากู้ยืมเงินการที่จำเลยทั้งสองยอมรับผิดในหนี้ดังกล่าวโดยทำเป็นสัญญากู้ยืมเงินกับโจทก์เป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ จำเลยทั้งสองต้องผูกพันรับผิดตามสัญญากู้ยืมต่อโจทก์ จะอ้างว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้รับเงินไปตามสัญญากู้เพื่อปฏิเสธไม่ยอมรับผิดตามสัญญากู้ไม่ได้
เดิมศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภรรยา โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ จำเลยฎีกา แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะจำเลยไม่เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ชั้นฎีกา ถือได้ว่าจำเลยไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ ประเด็นดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำเลยไม่อาจฎีกาในข้อนี้อีกได้
เดิมศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภรรยา โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ จำเลยฎีกา แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะจำเลยไม่เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ชั้นฎีกา ถือได้ว่าจำเลยไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ ประเด็นดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำเลยไม่อาจฎีกาในข้อนี้อีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ การรับผิดในหนี้เดิมและหนี้ใหม่
เดิม อ.และพ. เป็นหนี้โจทก์ตามเช็คและสัญญากู้ยืมเงินการที่จำเลยทั้งสองยอมรับผิดในหนี้ดังกล่าวโดยทำเป็นสัญญากู้ยืมเงินกับโจทก์เป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ จำเลยทั้งสองต้องผูกพันรับผิดตามสัญญากู้ยืมต่อโจทก์ จะอ้างว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้รับเงินไปตามสัญญากู้เพื่อปฏิเสธไม่ยอมรับผิดตามสัญญากู้ไม่ได้ เดิมศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภรรยา โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ จำเลยฎีกา แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะจำเลยไม่เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ชั้นฎีกาถือได้ว่าจำเลยไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ประเด็นดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยไม่อาจฎีกาในข้อนี้อีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ และประเด็นอำนาจฟ้องที่ยุติแล้ว
เดิม อ.และพ. เป็นหนี้โจทก์ตามเช็คและสัญญากู้ยืมเงินการที่จำเลยทั้งสองยอมรับผิดในหนี้ดังกล่าวโดยทำเป็นสัญญากู้ยืมเงินกับโจทก์เป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ จำเลยทั้งสองต้องผูกพันรับผิดตามสัญญากู้ยืมต่อโจทก์ จะอ้างว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้รับเงินไปตามสัญญากู้เพื่อปฏิเสธไม่ยอมรับผิดตามสัญญากู้ไม่ได้
เดิมศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภรรยา โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ จำเลยฎีกา แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะจำเลยไม่เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ชั้นฎีกา ถือได้ว่าจำเลยไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ประเด็นดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำเลยไม่อาจฎีกาในข้อนี้อีกได้.
เดิมศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภรรยา โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ จำเลยฎีกา แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะจำเลยไม่เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ชั้นฎีกา ถือได้ว่าจำเลยไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ประเด็นดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำเลยไม่อาจฎีกาในข้อนี้อีกได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4522/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้และข้อตกลงทางแพ่ง สัญญาจำนองย่อมบังคับได้ตามข้อตกลง
การที่โจทก์นำสืบว่าหนี้เงินกู้ตามสัญญาจำนองส่วนหนึ่งเป็นมูลหนี้เดิมระหว่างสามีโจทก์กับบิดาจำเลย แต่ได้มีการตกลงกันระหว่างสามีโจทก์และจำเลย โดยจำเลยยอมรับใช้หนี้จำนวนที่บิดาจำเลยเป็นหนี้สามีโจทก์ก่อนตาย รวม กับเงินอีกจำนวนหนึ่งซึ่งจำเลยขอกู้เพิ่มและได้ตกลงกันให้โจทก์เป็นเจ้าหนี้เงินกู้จำนวนดังกล่าว การนำสืบของโจทก์เป็นการนำสืบถึงข้อตกลงแปลงหนี้อันเป็นที่มาของหนี้ตามสัญญาจำนอง จึงไม่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารอันเป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้และเช็ค ทำให้เช็คเดิมเป็นโมฆะ ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย ต่อมา ม. ได้ตกลงกับผู้เสียหายไม่ให้นำเช็คของจำเลยไปขึ้นเงินในวันที่เช็คถึงกำหนดโดยผู้เสียหายได้ยอมรับเอาเช็คของ ม. ซึ่งมีจำนวนเงินเท่ากันไว้แทนเช็คของจำเลย และเมื่อเช็คถึงกำหนดผู้เสียหายก็นำเช็คของ ม. ไปขึ้นเงินจากธนาคาร แสดงว่าผู้เสียหายได้ตกลงเปลี่ยนตัวลูกหนี้และยอมรับเอาเช็คของ ม. แทนเช็คของจำเลยแล้วเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้และเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 เช็คของจำเลยจึงถูกยกเลิกไป แม้ต่อมาผู้เสียหายนำเช็คของจำเลยไปขึ้นเงินและธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยก็ไม่มีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากากรใช้เช็ค.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนตัวลูกหนี้และการแปลงหนี้ใหม่ ทำให้เช็คฉบับเดิมหมดผลผูกพัน
เมื่อ ม. กับผู้เสียหายตกลงกันไม่นำเช็คพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย ไปขึ้นเงินในวันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดชำระโดยผู้เสียหายรับเอาเช็คฉบับของ ม. ไว้แทนเช็คพิพาทซึ่งมีจำนวนเงินเท่ากันและเมื่อถึงกำหนดผู้เสียหายก็นำเช็คของ ม. ไปขึ้นเงินจากธนาคาร ดังนี้ แสดงว่า ผู้เสียหายได้ตกลงเปลี่ยนตัวลูกหนี้และยอมรับเอาเช็คของ ม. แทนเช็คพิพาท อันเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้และเช็คด้วย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 350เช็คพิพาทจึงถูกยกเลิกไป แม้ผู้เสียหายจะนำเช็คพิพาทไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยก็ไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2968/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้ไม่ใช่การแปลงหนี้ใหม่ หรือสัญญาสงวนสิทธิ แต่เป็นข้อตกลงชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ย
หนังสือรับสภาพหนี้เป็นเพียงหลักฐานแห่งการสงวนสิทธิเรียกร้องอันมีอยู่ในมูลหนี้เดิมเท่านั้น ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ จึงไม่ใช่การแปลงหนี้ใหม่ และหนังสือรับสภาพหนี้เป็นเพียงข้อตกลงในการชำระหนี้ทั้งหมดว่าจะชำระเมื่อใด หากผิดนัดจะคิดดอกเบี้ยในอัตราเท่าใด จำเลยไม่มีสิทธิอันใด ที่ยอมผ่อนผันให้โจทก์ จึงไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาตัวแทนโดยมิได้อาศัยหนังสือรับสภาพหนี้เป็นหลัก การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้จำเลยรับผิดในดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีตามหนังสือรับสภาพหนี้จึงยังไม่ถูกต้องโดยที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1และร่วมรับผิดในหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจจะพิพากษาถึงความรับผิดในอัตราดอกเบี้ยให้มีผลบังคับแก่จำเลยที่ 2ถึงที่ 5 ที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย.