คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,361 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจัดทำเฟอร์นิเจอร์ชำรุด ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบความเสียหายและรื้อถอน
โจทก์จ้างจำเลยที่ 3 ควบคุมดูแล การทำงานของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 3 ละเลยไม่ควบคุมให้จำเลยที่ 1 ดำเนินการจัดทำงานตามแบบที่ตนได้เขียนขึ้น จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำเฟอร์นิเจอร์ไม่ตรงตามแบบแปลนและทำไม่แล้วเสร็จ เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาและว่าจ้างผู้อื่นทำต้องว่าจ้างในราคาที่สูงขึ้นเพราะวัสดุราคาสูงขึ้น ย่อมเห็นได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการผิดสัญญาของจำเลยแล้ว การที่จะให้จำเลยรื้อเฟอร์นิเจอร์ออกไปจะทำให้จำเลยได้รับความเสียหายมาก โจทก์ต้องรับเฟอร์นิเจอร์ดังกล่าวไว้ และจ่ายค่าแรงให้จำเลยนั้นเมื่อจำเลยทำงานผิดแบบแปลน ใช้วัสดุคุณภาพต่ำไม่ตรงตามความประสงค์ของโจทก์โจทก์ย่อมปฏิเสธไม่ยอมรับงานของจำเลยได้ จำเลยจึงต้องรื้อถอนเฟอร์นิเจอร์ดังกล่าวออกไป แม้จำเลยจะได้รับความเสียหายก็เกิดจากความผิดของฝ่ายจำเลยเอง จำเลยที่ 3 ฎีกาขอให้โจทก์ชำระเงินค่าออกแบบส่วนที่ยังขาดนั้นเมื่อฟ้องแย้งของจำเลยที่ 3 มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 3 ดังนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษี: กรณีรับจ้างผลิตสินค้า vs. การขายสินค้า พิจารณาจากกรรมสิทธิ์ในสินค้าและลักษณะของสัญญา
แม้ ป. กรรมการของโจทก์คนเดียวลงลายมือชื่อในคำอุทธรณ์ที่อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โดยมิได้มีกรรมการอื่นลงชื่อร่วมและประทับตราบริษัทโจทก์ แต่ได้กระทำภายในขอบวัตถุประสงค์ของโจทก์ นับว่า ป. เป็นผู้แทนของโจทก์โดยไม่จำต้องมีสัญญาแต่อย่างใด เมื่อ ป. กระทำไปแล้วโจทก์ยอมรับเอาผลของการกระทำนั้นอันเป็นการให้สัตยาบันแก่การยื่นอุทธรณ์ดังกล่าวอีกทั้งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ยอมรับคำอุทธรณ์ที่ ป. ทำว่าเป็นอุทธรณ์ของโจทก์เช่นนี้ ถือว่าโจทก์ได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง การที่โจทก์เพียงแต่ใช้แรงงานและเครื่องมือเครื่องใช้ของโจทก์ผลิตสบู่ขึ้นมา ตามสูตรและส่วนผสมที่ผู้ว่าจ้างกำหนด โดยผู้ว่าจ้างเป็นผู้จัดหาสัมภาระทั้งหมดที่ใช้ในการผลิต ย่อมแสดงว่าผู้ว่าจ้างหวังผลสำเร็จแห่งการงานที่จ้างเป็นสำคัญ และเห็นได้ว่าสบู่ที่โจทก์ผลิตขึ้นนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ว่าจ้างมาแต่แรกเงินที่ผู้ว่าจ้างจ่ายให้โจทก์ จึงมิใช่ค่าตอบแทนการโอนกรรมสิทธิ์ในสบู่ที่โจทก์ผลิตขึ้น แต่เป็นเงินสินจ้างหรือค่าตอบแทนในการที่โจทก์ผลิตสบู่ให้ตามที่ว่าจ้าง ทั้งผู้ว่าจ้างก็ได้เสียภาษีการค้าในฐานะผู้ผลิตให้แก่จำเลยไว้แล้ว กรณีจึงมิใช่การขายของ แต่เป็นการรับจ้างทำของ ดังนี้ จะต้องเสียภาษีการค้าในประเภทการค้า 4การรับจ้างทำของชนิด 1(ฉ) ในฐานะผู้รับจ้าง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดบังคับคดี: ศาลยืนตามเจ้าพนักงาน หากไม่มีพฤติการณ์ทุจริตหรือฝ่าฝืนกฎหมาย แม้ผู้ซื้อจะบอกเลิกสัญญา
เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ที่ยึดไว้ 434,000 บาทในการขายทอดตลาดครั้งแรกมีผู้ให้ราคาสูงสุด 500,000 บาทเจ้าพนักงานบังคับคดีได้งดการขายตามคำคัดค้านของโจทก์ จำเลยและผู้รับจำนอง และกำชับโจทก์ จำเลยและผู้รับจำนองให้หาคนมาซื้อในราคาที่สูงกว่านี้ในนัดหน้า มิฉะนั้นจะขายไปในราคาที่เห็นสมควรแต่จำเลยไม่สามารถหาคนมาซื้อในราคาที่สูงกว่า 450,000 บาท ตามที่มีผู้ให้ราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดครั้งที่สอง เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดไปในราคาดังกล่าวตามที่เห็นสมควรแล้ว โดยไม่มีพฤติการณ์ใดที่จะแสดงว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่สุจริตหรือกระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296วรรคสอง จำเลยจึงขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและทำการขายทอดตลาดใหม่ อีกไม่ได้ การที่ผู้ซื้อทรัพย์แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาซื้อทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ซื้อทรัพย์กับเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการต่อไปตามสัญญาและบทกฎหมาย มิใช่ข้ออ้างเพื่อเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2739/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อและการขอคืนของกลาง: เจ้าของรถมีสิทธิขอคืนแม้มีข้อตกลงรับผิดชอบค่าเช่าซื้อ
สัญญาเช่าซื้อที่ระบุว่า ในระหว่างที่ชำระค่าเช่าซื้อยังไม่หมดรถยนต์ที่เช่าซื้อเสียหายหรือสูญหายไปด้วยเหตุใด ๆผู้เช่าซื้อตกลงยอมชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างทั้งหมดให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อจนครบถ้วน นั้น มิได้มีความหมายถึงขนาดว่าผู้ให้เช่าซื้อเล็งเห็นผลว่า ผู้เช่าซื้อจะนำรถยนต์ไปกระทำความผิดอันจะฟังว่าผู้ให้เช่าซื้อรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด และการขอคืนของกลางก็เป็นสิทธิที่ผู้ให้เช่าซื้อซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริงจะร้องขอคืนได้แม้ว่าจะมีข้อสัญญาให้ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างจนครบถ้วนดังกล่าวแล้วก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2620/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้จากการให้การของจำเลย แม้ไม่มีต้นฉบับสัญญา ศาลรับฟังได้หากจำเลยยอมรับการเป็นผู้ค้ำประกัน
จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ และยังให้การรับเข้ามาอีกว่า จำเลยที่ 2 ไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิในฐานะผู้ค้ำประกันได้เพราะโจทก์กับจำเลยที่ 1 สมคบกันเพื่อฉ้อโกงหรือหลอกลวง จำเลยที่ 2โดยโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนาที่จะทำสัญญาเช่าซื้อกัน ดังนี้ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 รับว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน โจทก์จึงไม่จำต้องส่งต้นฉบับหนังสือสัญญาเช่าซื้อและหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐานต่อศาล.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2593/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับโอนกิจการพร้อมหนี้สิน และผลผูกพันตามสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอก
จำเลยที่ 2 ตกลงรับโอนกิจการโรงเรียนจากจำเลยที่ 1 พร้อมกับหนี้สินของโรงเรียน และแจ้งให้เจ้าหนี้ไปขอรับชำระหนี้ ข้อตกลงดังกล่าวมีลักษณะเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกรวมอยู่ด้วย เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 เนื่องจากกิจการของโรงเรียนที่จำเลยที่ 2 รับโอนมาตามสัญญาดังกล่าวได้ขอรับชำระหนี้จากจำเลยที่ 2 จึงเป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้แสดงเจตนาแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามสัญญาว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้ว จำเลยที่ 2 จึงต้องผูกพันตามสัญญาในอันที่จะต้องชำระหนี้ให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2508/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การนำสืบพยานหลังระบุรับชดใช้ครบถ้วนเป็นข้อห้าม
เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความระบุว่า โจทก์ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประนีประนอมยอมความจนเป็นที่พอใจแล้ว โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบว่าโจทก์ยังมิได้รับค่าสินไหมทดแทนเต็มตามสัญญาหาได้ไม่ เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย และมิใช่เป็นการนำสืบพยานบุคคลว่าสัญญาไม่สมบูรณ์ สัญญาประนีประนอมยอมความจะสมบูรณ์หรือไม่มิได้ขึ้นอยู่กับการชำระหนี้ตามสัญญา การชำระหนี้เป็นเพียงการปฏิบัติตามสัญญา ไม่มีผลกระทบถึงความสมบูรณ์แห่งสัญญา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2419/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนประกันภัย, การต่ออายุสัญญา, ตัวการรับผิด, ตัวแทนไม่ต้องรับผิด
โจทก์ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจากจำเลยที่ 2 มีที่ดินและบ้านจำนองเป็นประกันระเบียบของจำเลยที่ 2 กำหนดให้โจทก์เอาประกันบ้านดังกล่าวโดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประโยชน์ในการประกันภัยผู้จัดการสาขาจำเลยที่ 2 และพนักงานเป็นผู้เตรียมแบบพิมพ์เอกสาร ทำสัญญาประกันภัยกับชำระเบี้ยประกันภัยที่สำนักงานสาขาจำเลยที่ 2 แทนจำเลยที่ 1 เมื่อออกกรมธรรม์ประกันภัยแล้ว จำเลยที่ 1 ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยและใบเสร็จรับเงินเบี้ยประกันภัยให้สาขาจำเลยที่ 2 สาขาจำเลยที่ 2 จะส่งเฉพาะใบเสร็จรับเงินเบี้ยประกันภัยให้โจทก์ ส่วนกรมธรรม์ประกันภัยสาขาจำเลยที่ 2 เป็นผู้เก็บไว้เอง เมื่อกรมธรรม์ประกันภัยจะหมดอายุ สาขาจำเลยที่ 2ก็เป็นผู้แจ้งเตือนให้โจทก์ต่ออายุสัญญาประกันภัย พฤติการณ์ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้เชิดหรือรู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตนเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ในการรับประกันภัยบ้านโจทก์ที่จำนองไว้เป็นประกันกับจำเลยที่ 2
แม้ตัวแทนจำเลยที่ 1 จะรับเบี้ยประกันภัยเพื่อต่ออายุสัญญาประกันภัย เมื่อกรมธรรม์ประกันภัยขาดอายุแล้วก็ตาม แต่ตัวแทนของจำเลยที่ 1 ก็ยินยอมให้โจทก์ผัดชำระเบี้ยประกันภัยได้ และในกรณีเช่นนี้ตามปกติแล้วเมื่อตัวแทนจำเลยที่ 1 ติดต่อไปยังจำเลยที่ 1ทางจำเลยที่ 1 ก็ต่ออายุสัญญาให้ ถือว่าคู่สัญญามีเจตนาต่ออายุสัญญาประกันภัยให้มีผลผูกพันต่อไปอีก 1 ปี ตามเงื่อนไขเดิม
กฎหมายมิได้กำหนดแบบแห่งสัญญาประกันภัยไว้ สัญญาประกันภัยเกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงเจตนาทำคำเสนอคำสนองถูกต้องตรงกัน
มีระเบียบของจำเลยที่ 2 กำหนดให้เอาประกันภัยทรัพย์สินที่จำนองไว้กับจำเลยที่ 2 การที่ผู้จัดการสาขาของจำเลยที่ 2 ดำเนินการให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้เอาประกันภัยทรัพย์สินที่จำนองกับจำเลยที่ 1 ย่อมมีผลให้จำเลยที่ 2 ได้หลักประกันที่มั่นคงยิ่งขึ้น ถือไม่ได้ว่าผู้จัดการสาขาของจำเลยที่ 2 ทำนอกเหนือวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 2 หรือนอกเหนือขอบอำนาจที่จำเลยที่ 2 มอบให้ผู้จัดการสาขาของจำเลยที่ 2 กระทำแทน
ในการเอาประกันภัยจำเลยที่ 2 ได้มีจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับประกันภัยให้แก่ลูกค้าของจำเลยที่ 2 โจทก์เป็นลูกค้าของจำเลยที่ 2 ได้เอาประกันภัยบ้านของโจทก์ที่จำนองไว้กับจำเลยที่ 2 โดยมีผู้จัดการสาขาจำเลยที่ 2 ดำเนินการให้ตั้งแต่ให้โจทก์กรอกแบบคำเสนอขอเอาประกันภัย รับเบี้ยประกันภัยจากโจทก์ไปชำระให้จำเลยที่ 1 รับกรมธรรม์ประกันภัยและใบเสร็จรับเงินเบี้ยประกันภัยจากจำเลยที่ 1 มาให้โจทก์ ลักษณะการกระทำของผู้จัดการสาขาจำเลยที่ 2 แสดงว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนโดยปริยายของโจทก์ในการติดต่อทำนิติกรรมประกันภัยกับจำเลยที่ 1
เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นตัวการต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนแม้จะประมาทเลินเล่อไม่ส่งเบี้ยประกันภัยในเวลาอันสมควรให้แก่จำเลยที่ 1 โจทก์ในฐานะตัวการย่อมไม่ได้รับความเสียหายเพราะความเสียหายได้หมดไปโดยโจทก์ย่อมบังคับเอาจากจำเลยที่ 1ได้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2416/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ต้องได้รับอนุญาตจากศาล มิฉะนั้นสัญญาไม่มีผลผูกพัน แม้ผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะแล้ว
การ ขาย อสังหาริมทรัพย์ ของ ผู้เยาว์ ผู้เยาว์ เอง หรือ ผู้ใช้ อำนาจ ปกครอง จะ กระทำ มิได้ เว้นแต่ ศาล จะ อนุญาต ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 เมื่อ ผู้แทนโดยชอบธรรม ต้องห้าม โดย กฎหมาย มิให้ ทำนิติกรรม ขาย ที่ดิน ซึ่ง หมายความ รวม ถึง นิติกรรม จะขาย ที่ดิน แทน ผู้เยาว์ โดย ลำพัง แล้ว จะ ถือว่า การ ที่ ผู้เยาว์ ทำนิติกรรม พร้อม กับ ผู้แทนโดยชอบธรรม มีผล ว่า ผู้แทน โดย ชอบธรรม อนุญาต ให้ ทำได้ โดย ไม่ต้อง ขออนุญาต จาก ศาล ก่อน หรือ ถือว่า นิติกรรม ที่ ผู้เยาว์ กระทำ ด้วย ตนเอง ใน ขณะ ยัง ไม่ บรรลุนิติภาวะ โดย มิได้ รับ อนุญาต จาก ศาล มีผล ผูกพัน ผู้เยาว์ เมื่อ บรรลุนิติภาวะ แล้ว ก็ เท่ากับ เป็น การ หลีกเลี่ยง ไม่ต้อง มา ขออนุญาต จาก ศาล ซึ่ง ผิด ไป จาก เจตนา รม ณ์ ของ กฎหมาย สัญญาจะซื้อขาย ที่ จำเลย ที่ 8 ได้ กระทำ ไป ใน ขณะที่ ยัง เป็น ผู้เยาว์ จึง ไม่มี ผล ผูกพัน จำเลย ที่ 8 แม้ ขณะที่ โจทก์ ฟ้อง จำเลย ที่ 8 จะ บรรลุนิติภาวะ แล้ว .

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 24/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจกรรมการลงนามผูกพันบริษัท: สัญญาที่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับบริษัท ไม่มีผลผูกพันบริษัท
แม้จำเลยที่ 2 ทำสัญญาพิพาทกับโจทก์โดยอ้างตนเองว่าเป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ทำสัญญาแทนจำเลยที่ 1 แต่ข้อบังคับของจำเลยที่ 1 กำหนดว่า สัญญาหรือนิติกรรมใด ๆ จะผูกพันจำเลยที่ 1 ต่อเมื่อมีกรรมการของจำเลยที่ 1 ตามที่ระบุชื่อหรือตามจำนวนที่กำหนดไว้ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 ด้วย แต่ปรากฏว่าสัญญาพิพาทจำเลยที่ 2 เพียงคนเดียวลงลายมือชื่อในสัญญาโดยระบุกระทำการแทนจำเลยที่ 1 และไม่ได้ประทับตราสำคัญ สัญญาจึงไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2ย่อมผูกพันในสัญญาในฐานะส่วนตัว.
of 337