พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,733 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสิทธิเรียกร้องราคาอ้อย: การซื้อขายเพื่ออุตสาหกรรม
จำเลยซื้ออ้อยโจทก์ไปทำเป็นน้ำตาลเพื่อจำหน่าย น้ำตาลนั้นจะเป็นน้ำตาลอ้อยหรือน้ำตาลทรายก็ตาม ก็ถือได้ว่าการซื้อขายเป็นการทำเพื่อการอุตสาหกรรมของฝ่ายลูกหนี้คือจำเลย เพราะฉะนั้นสิทธิเรียกร้องราคาอ้อยมีอายุความ 5 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องคืนดอกเบี้ยเกินอัตรา แม้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา
จำเลยเคยฟ้องโจทก์ขอให้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญาจำนอง โจทก์ต่อสู้ว่าจำเลยนำดอกเบี้ยที่เกินอัตราตามกฎหมายมารวมกับต้นเงินด้วย ศาลพิพากษาให้โจทก์ใช้เงินเต็มตามสัญญาจำนอง โจทก์อุทธรณ์ และขอทุเลาการบังคับคดี แต่ก่อนศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเรื่องทุเลาการบังคับคดี จำเลยได้ขอให้ยึดทรัพย์ของโจทก์ขายทอดตลาดเพื่อชำระต้นเงินที่โจทก์มิได้โต้แย้ง โจทก์จึงได้ไถ่ถอนการจำนอง (รวมทั้งดอกเบี้ยที่อ้างว่าเกินอัตราตามกฎหมายด้วย) ต่อมาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีและให้ยกคำพิพากษาศาลแพ่งให้สืบพยานต่อไป จำเลยจึงขอถอนฟ้อง ศาลอนุญาต คำสั่งนั้นถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเรียกดอกเบี้ยที่เกินอัตราคืน ดังนี้ จะถือว่าโจทก์กระทำการเพื่อชำระหนี้เป็นการอันฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายหรือทำการชำระดอกเบี้ยนั้นไปตามอำเภอใจดังที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 411 และ 407 บัญญัติไว้มิได้ เพราะโจทก์ต้องชำระดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไปเพราะผลบังคับของคำพิพากษาศาลชั้นต้น และการบังคับคดีของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินรางวัลสลากหาย: สำนักงานสลากฯจ่ายได้แม้ไม่มีสลาก, กรอบเวลา 10 ปีตามกฎหมาย
ระเบียบและข้อกำหนดของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ว่า เงินรางวัลจะจ่ายแก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกต้องนำมาขอรับเงินนั้น เป็นเพียงเพื่อให้ทางสำนักงานสลากฯมีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัล ไม่ใช่ระเบียบหรือข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหาย เมื่อโจทก์มีหลักฐานว่าถูกรางวัลแต่สลากหายทางสำนักงานสลากก็ต้องจ่ายเงินให้
ผู้ที่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลมีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 ทางสำนักงานสลากกินแบ่งจะกำหนดสิทธิเรียกร้องให้มารับภายใน 3 เดือนมิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 191.
ผู้ที่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลมีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 ทางสำนักงานสลากกินแบ่งจะกำหนดสิทธิเรียกร้องให้มารับภายใน 3 เดือนมิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 191.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินรางวัลสลากกินแบ่ง แม้สลากหาย หรือเกินกำหนด 3 เดือน ไม่ตัดสิทธิผู้ถูกรางวัล
ระเบียบและข้อกำหนดของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ว่าเงินรางวัลจะจ่ายแก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกต้องนำมาขอรับเงินนั้นเป็นเพียงเพื่อให้ทางสำนักงานสลากฯมีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัล ไม่ใช่ระเบียบหรือข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหาย เมื่อโจทก์มีหลักฐานว่าถูกรางวัลแต่สลากหายทางสำนักงานสลากก็ต้องจ่ายเงินให้
ผู้ที่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลมีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ทางสำนักงานสลากกินแบ่งจะกำหนดสิทธิเรียกร้องให้มารับภายใน 3 เดือนมิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 191
ผู้ที่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลมีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ทางสำนักงานสลากกินแบ่งจะกำหนดสิทธิเรียกร้องให้มารับภายใน 3 เดือนมิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 191
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนจากผู้ล่วงเกินภริยา แม้ยังมิได้หย่าขาดจากภริยา
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1505 วรรค 1 บัญญัติถึงกรณีที่ภริยาทำชู้กับผู้อื่น สามีจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภริยาและชู้ได้ต่อเมื่อได้มีคำพิพากษาของศาลให้สามีภริยานั้นหย่ากันเสียก่อน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1505 วรรค 2 บัญญัติถึงกรณีสามีมีสิทธิจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวได้ อันมิใช่เรื่องภริยามีชู้ แต่เป็นเรื่องภริยาถูกล่วงเกินโดยไม่สมัครใจ ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องให้ศาลพิพากษาให้สามีภริยาหย่ากันเสียก่อน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ข่มขืนชำเราภริยาโจทก์โดยภริยาโจทก์ไม่สมัครใจ อันเป็นการล่วงเกินในทางชู้สาว ดังนี้ กรณีจึงต้องด้วยมาตรา 1505 วรรค 2 แม้จะไม่มีคำพิพากษาของศาลให้โจทก์หย่าขาดจากภริยาเสียก่อน โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1505 วรรค 2 บัญญัติถึงกรณีสามีมีสิทธิจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวได้ อันมิใช่เรื่องภริยามีชู้ แต่เป็นเรื่องภริยาถูกล่วงเกินโดยไม่สมัครใจ ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องให้ศาลพิพากษาให้สามีภริยาหย่ากันเสียก่อน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ข่มขืนชำเราภริยาโจทก์โดยภริยาโจทก์ไม่สมัครใจ อันเป็นการล่วงเกินในทางชู้สาว ดังนี้ กรณีจึงต้องด้วยมาตรา 1505 วรรค 2 แม้จะไม่มีคำพิพากษาของศาลให้โจทก์หย่าขาดจากภริยาเสียก่อน โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่านาแม้ไม่จดทะเบียน ก็มีผลบังคับใช้ได้ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเช่าล่วงหน้าคืนได้หากจำเลยผิดสัญญา
แม้สัญญาเช่านา 10 ปี จะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเช่านาที่จำเลยรับไปล่วงหน้าคืนเพราะจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมให้โจทก์ทำนาได้
สัญญาเช่าที่มิได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญาไม่เสียไปเมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแล้วในภายหลัง ศาลก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
สัญญาเช่าที่มิได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญาไม่เสียไปเมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแล้วในภายหลัง ศาลก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้และการกำหนดเวลาชำระหนี้ที่ไม่ชัดเจน ทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องหนี้ได้ทันที
จำเลยทำหลักฐานเป็นรูปจดหมายให้ไว้แก่โจทก์ขอรับรองและขอบคุณโจทก์สำหรับเงินกู้ที่โจทก์ให้จำเลยกู้จึงเป็นเพียงหนังสือรับสภาพว่าเป็นเงินที่โจทก์ให้จำเลยยืมอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามมาตรา 653 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อย่างหนึ่งเท่านั้นหาใช่เป็นลักษณะแห่งตราสารการกู้ยืมเงินอันจะพึงต้องปิดอากรแสตมป์ไม่ (อ้างฎีกาที่ 531/2505)
การที่ในจดหมายของบริษัทจำเลยกำหนดเวลาชำระหนี้ขึ้นเองว่า จะชำระให้แก่โจทก์ต่อเมื่อการขายผลิตผลของตนมีผลพอเพียงที่จะชำระหนี้ได้นั้น ไม่มีระยะเวลาชำระหนี้ที่ได้กำหนดลงไว้ทั้งจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ว่าเมื่อใดบริษัทจำเลยจึงจะขายผลิตผลได้พอเพียงที่จะชำระหนี้ได้ เพราะเป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่ยากจะมองเห็นผลสำเร็จได้ว่าต้องกินเวลาช้านานเพียงใดการชำระเงินคืนให้โจทก์ที่บริษัทจำเลยทำให้นั้นเท่ากับไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ลงไว้ ดังนั้น แม้จำเลยจะขาดทุนก็ไม่สามารถจะยกเอาเหตุนี้มาปัดความรับผิดต่อโจทก์ได้
การที่ในจดหมายของบริษัทจำเลยกำหนดเวลาชำระหนี้ขึ้นเองว่า จะชำระให้แก่โจทก์ต่อเมื่อการขายผลิตผลของตนมีผลพอเพียงที่จะชำระหนี้ได้นั้น ไม่มีระยะเวลาชำระหนี้ที่ได้กำหนดลงไว้ทั้งจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ว่าเมื่อใดบริษัทจำเลยจึงจะขายผลิตผลได้พอเพียงที่จะชำระหนี้ได้ เพราะเป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่ยากจะมองเห็นผลสำเร็จได้ว่าต้องกินเวลาช้านานเพียงใดการชำระเงินคืนให้โจทก์ที่บริษัทจำเลยทำให้นั้นเท่ากับไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ลงไว้ ดังนั้น แม้จำเลยจะขาดทุนก็ไม่สามารถจะยกเอาเหตุนี้มาปัดความรับผิดต่อโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าทำศพของผู้ไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดก: การฟ้องต้องขอตั้งเป็นผู้จัดการศพก่อน
ฟ้องว่าเป็นภรรยาผู้ตาย ขอให้ผู้รับมรดกตามพินัยกรรมจ่ายค่าทำศพโดยไม่ได้ขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดกหรือผู้จัดการศพมาด้วย ศาลจะพิพากษาตั้งให้เป็นผู้จัดการศพไม่ได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ
เมื่อศาลยังไม่ได้พิพากษาตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการศพโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินค่าทำศพจากจำเลยผู้รับมรดก
เมื่อศาลยังไม่ได้พิพากษาตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการศพโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินค่าทำศพจากจำเลยผู้รับมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสปะปนกับทรัพย์สินอื่น: สิทธิเรียกร้องในทรัพย์พิพาท
โจทก์และจำเลยต่างเป็นภรรยาของผู้ตายตามลักษณะผัวเมียโดยผู้ตายได้กับโจทก์ก่อน เมื่อผู้ตายแต่งงานกับจำเลยได้นำเงิน 6 ชั่งไปกองทุนกับจำเลย และต่อมาได้ทำมาหากินกับจำเลยจนเกิดทรัพย์พิพาทขึ้น เงิน 6 ชั่งย่อมเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตาย เมื่อนำไปใช้ทำทุนจนเกิดทรัพย์พิพาทขึ้น ถือได้ว่าสินสมรสที่โจทก์มีส่วนได้คละปะปนกับสินสมรสของจำเลย โจทก์จึงมีส่วนแบ่งในทรัพย์พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมูลขายสิทธิการเช่า: การผิดสัญญาของผู้ประมูล และสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหาย
เมื่อการประมูลโอนขายสิทธิการเช่าที่โจทก์ประมูลได้เป็นไปโดยถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์ทราบถึงเงื่อนไขการเช่าโจทก์ก็ไม่มีสิทธิบอกล้างได้ เมื่อจำเลยพร้อมที่จะทำสัญญาโอนสิทธิตามสัญญาให้โจทก์ได้ แต่โจทก์หาได้ไปติดต่อทำสัญญาและวางเงินค่าประมูลที่ยังค้างอีกตามที่ตกลงไว้ไม่ โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา
เมื่อราคาค่าประมูลที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของ จ. เรียกร้องเป็นค่าตอบแทนที่โจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่าห้องทั้ง 11 ห้อง แต่เมื่อไม่มีทางจะโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ได้เพราะได้พ้นกำหนดสัญญาเดิมของ จ. ผู้เช่าจากจำเลยที่ 3 เสียแล้ว จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธิจะได้รับค่าตอบแทนเพราะราคาค่าประมูลนั้นเป็นค่าตอบแทนสิทธิที่โจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่า เพราะข้อตกลงในรายงานการประชุมเจ้าหนี้ระบุไว้แต่เพียงว่าถ้าไม่ชำระอีก 75 เปอร์เซนต์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิริบเงิน 25 เปอร์เซนต์ที่ชำระไว้แล้วเท่านั้น ไม่มีเงื่อนไขให้อำนาจที่จะเรียกร้องเอาชำระราคาจนเต็มได้
จำนวนเงิน 25 เปอร์เซนต์ที่โจทก์วางแก่จำเลยในวันประมูลขายนั้น ในรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ระบุว่าเป็นเงินมัดจำ เพียงแต่กล่าวว่า "การชำระเงิน ผู้ซื้อจะชำระในวันนี้ 25 เปอร์เซนต์ ส่วนอีก 75 เปอร์เซนต์จะชำระภายในวันที่ 3 เดือนนี้หากผิดนัด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิริบเงิน 25 เปอร์เซนต์ได้" ข้อความดังกล่าวนี้แสดงว่าเป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาค่าซื้อ ไม่ใช่มัดจำ จำเลยริบไม่ได้ จะว่าเป็นเบี้ยปรับที่ชำระแล้วก็ไม่ได้ เพราะในขณะที่โจทก์ชำระเงินนั้น ยังไม่มีการผิดนัด จึงเป็นการชำระเบี้ยปรับในขณะที่ยังไม่ผิดสัญญาไม่ได้อยู่เอง
เมื่อปรากฏว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา หากจำเลยได้รับความเสียหาย ก็ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้สิทธิเรียกร้องมาแต่ต้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะริบเงินที่โจทก์วางไว้เป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาที่ชำระให้จำเลย
เมื่อราคาค่าประมูลที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของ จ. เรียกร้องเป็นค่าตอบแทนที่โจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่าห้องทั้ง 11 ห้อง แต่เมื่อไม่มีทางจะโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ได้เพราะได้พ้นกำหนดสัญญาเดิมของ จ. ผู้เช่าจากจำเลยที่ 3 เสียแล้ว จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธิจะได้รับค่าตอบแทนเพราะราคาค่าประมูลนั้นเป็นค่าตอบแทนสิทธิที่โจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่า เพราะข้อตกลงในรายงานการประชุมเจ้าหนี้ระบุไว้แต่เพียงว่าถ้าไม่ชำระอีก 75 เปอร์เซนต์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิริบเงิน 25 เปอร์เซนต์ที่ชำระไว้แล้วเท่านั้น ไม่มีเงื่อนไขให้อำนาจที่จะเรียกร้องเอาชำระราคาจนเต็มได้
จำนวนเงิน 25 เปอร์เซนต์ที่โจทก์วางแก่จำเลยในวันประมูลขายนั้น ในรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ระบุว่าเป็นเงินมัดจำ เพียงแต่กล่าวว่า "การชำระเงิน ผู้ซื้อจะชำระในวันนี้ 25 เปอร์เซนต์ ส่วนอีก 75 เปอร์เซนต์จะชำระภายในวันที่ 3 เดือนนี้หากผิดนัด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิริบเงิน 25 เปอร์เซนต์ได้" ข้อความดังกล่าวนี้แสดงว่าเป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาค่าซื้อ ไม่ใช่มัดจำ จำเลยริบไม่ได้ จะว่าเป็นเบี้ยปรับที่ชำระแล้วก็ไม่ได้ เพราะในขณะที่โจทก์ชำระเงินนั้น ยังไม่มีการผิดนัด จึงเป็นการชำระเบี้ยปรับในขณะที่ยังไม่ผิดสัญญาไม่ได้อยู่เอง
เมื่อปรากฏว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา หากจำเลยได้รับความเสียหาย ก็ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้สิทธิเรียกร้องมาแต่ต้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะริบเงินที่โจทก์วางไว้เป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาที่ชำระให้จำเลย