พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,822 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3595/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆียกรรมสัญญาจ้างงาน, การคืนสภาพเดิม, ค่าเสียหายจากการทำงานที่กระทำไปแล้ว, และการปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
จำเลยแจ้งปีเกิดตามหลักฐานที่ผิดโดยมีเจตนาปกปิดความจริงเป็นเหตุให้โจทก์สำคัญผิดในคุณสมบัติของจำเลยตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518ทำให้โจทก์ยอมรับโอนจำเลยเข้าเป็นพนักงานของโจทก์ โดยที่ขณะนั้นจำเลยมีอายุเกินกว่าหกสิบปีบริบูรณ์แล้ว ต่อมาโจทก์ทราบความจริงจึงเลิกจ้างจำเลย เช่นนี้ แม้การที่จะให้จำเลยคืนเงินค่าจ้างและเงินอื่นแก่โจทก์ ไม่เป็นการพ้นวิสัย แต่การงานที่จำเลยทำให้โจทก์ไปแล้วซึ่งเป็นประโยชน์แก่โจทก์ และโจทก์ยอมรับเอาการงานของจำเลยแล้วก็ต้องกลับคืนไปยังฐานะเดิมด้วยดุจกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 138 วรรคสาม เมื่อการที่จะให้การงานที่ทำไปแล้วกลับคืนยังฐานะเดิมเป็นการพ้นวิสัย โจทก์จึงต้องใช้ค่าเสียหายที่สมควรแก่หน้าที่การงานให้แก่จำเลย โดยถือว่าค่าจ้างและเงินอื่นตามฟ้องที่จำเลยได้รับไปแล้วเป็นค่าเสียหายจำนวนนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินดังกล่าวคืนจากจำเลยอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 345-346/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของผู้เช่าซื้อ: ผู้เช่าซื้อโดยชอบมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดต่อรถยนต์ที่เช่าซื้อ
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์ต่อจาก ม. และการเช่าซื้อดังกล่าวอยู่ในความยินยอมของบริษัท ส. ผู้ให้เช่าซื้อเดิม ดังนี้โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อโดยชอบและครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวตามสัญญา จึงมีอำนาจฟ้องผู้ทำละเมิดให้รถที่เช่าซื้อนั้นเสียหายได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3271/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับคดีอาญาเมื่อจำเลยถึงแก่ความตาย และผลกระทบต่อคำขอเรียกค่าเสียหาย
ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรและมีคำขอให้จำเลยคืนทรัพย์สินหรือใช้ ราคาแทนผู้เสียหายด้วย แม้ผู้เสียหายจะเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการก็ตามเมื่อจำเลยถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์และโจทก์ร่วมย่อมระงับไป และคำขอให้คืนทรัพย์สินหรือใช้ราคาย่อมตกไปด้วย จึงต้องจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ขนส่งทางทะเล กรณีสินค้าเสียหายจากกลิ่นปลา และอายุความในการเรียกร้องค่าเสียหาย
ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยรับขนทางทะเลใช้บังคับและไม่ปรากฎว่ามีประเพณีการรับขนของทางทะเลที่ถือปฎิบัติกันอยู่ จึงต้องนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะรับขนในหมวดรับขนของอันเป็นกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาปรับแก่คดี ซึ่งในเรื่องความรับผิดของผู้ขนส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 จำเลย ผู้ขนส่งมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าสินค้ากระดาษทิชชูเช็ดหน้าที่รับขนได้รับความเสียหายมีกลิ่นปลาบดเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดแต่สภาพแห่งของนั้นเอง หรือเกิดเพราะความผิดของผู้ส่งหรือผู้รับตราส่ง เมื่อจำเลยไม่สืบพยานจึงต้องฟังว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่อของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดในความเสียหายนั้น การเรียกค่าเสียหายกรณีรับขนทางทะเลต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีกำหนด10 ปี จะนำอายุความ 1 ปีตามมาตรา 624 มาใช้บังคับโดยถือว่าเป็นกฎหมายใกล้เคียงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3077/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ขนส่ง กรณีส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักรโดยมิได้เสียภาษี ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
โจทก์ส่งของออกนอกราชอาณาจักรโดยมิได้เสียภาษีอันเป็นการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 27 เป็นเหตุให้จำเลยผู้ขนส่งไม่อาจออกใบตราส่งให้โจทก์ได้การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจาก จำเลยไม่ออกใบตราส่งให้จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3029/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินค่าเสียหายที่จ่ายชำระหนี้โดยสำคัญผิดและอายุความลาภมิควรได้ เริ่มนับเมื่อรู้ความจริง
โจทก์จ่ายเงินค่าเสียหายให้แก่จำเลยด้วยความสำคัญผิดว่า อ. ผู้ขับขี่รถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยเป็นฝ่ายประมาท ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาว่า อ. มิใช่ผู้ประมาท ดังนี้ที่จำเลยรับเงินไปจากโจทก์ จึงเป็นการรับชำระหนี้ที่ไม่มีมูลหนี้ที่จะอ้างได้ตามกฎหมาย เมื่อได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีดังกล่าวให้คู่ความฟังในวันใดถือว่าโจทก์รู้ความจริงที่ได้ชำระหนี้แก่จำเลยโดยปราศจากมูลหนี้ในวันนั้น สิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องเรียกเงินคืนฐานลาภมิควรได้จึงเริ่มต้นนับในวันดังกล่าว เมื่อโจทก์ฟ้องคดียังไม่พ้นกำหนด 1 ปี จึงไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ทำให้การซื้อขายไม่สำเร็จ ต้องคืนมัดจำและชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์ โดยปกปิดความจริงไม่บอกให้โจทก์ทราบว่ายังมีสิ่งปลูกสร้างของผู้อื่นอยู่บนที่ดินดังกล่าว ต่อมาเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้คัดค้านการโอนและจำเลยไม่สามารถทำความตกลงกับเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้จนไม่สามารถโอนที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องคืนเงินมัดจำและใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ทำให้ผู้ซื้อเสียหาย จำเลยต้องคืนมัดจำและชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์ โดยปกปิดความจริงไม่บอกให้โจทก์ทราบว่ายังมีสิ่งปลูกสร้างของผู้อื่นอยู่บนที่ดินดังกล่าว ต่อมาเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้คัดค้านการโอนและจำเลยไม่สามารถทำความตกลงกับเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้จนไม่สามารถโอนที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องคืนเงินมัดจำและใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ทำให้การซื้อขายไม่สำเร็จ จำเลยผิดสัญญาต้องคืนเงินมัดจำและชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์ โดยปกปิดความจริงไม่บอกให้โจทก์ทราบว่ายังมีสิ่งปลูกสร้างของผู้อื่นอยู่บนที่ดินดังกล่าว ต่อมาเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้คัดค้านการโอนและจำเลยไม่สามารถทำความตกลงกับเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้จนไม่สามารถโอนที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องคืนเงินมัดจำและใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2743/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม: ศาลสั่งให้รับกลับเข้างาน หรือจ่ายค่าเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
กรณีที่มีการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมนั้น ศาลแรงงานมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานโดยมีสิทธิได้รับค่าจ้างต่อไปในอัตราที่เคยได้รับอยู่ในขณะที่จะมีการเลิกจ้างประการหนึ่ง แต่ถ้าเห็นว่าลูกจ้าง นายจ้างไม่อาจที่จะร่วมงานกันต่อไปได้ด้วยดี ก็มีอำนาจสั่งไม่ให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานได้ แต่ต้องให้นายจ้างจ่ายค่าเสียหายชดใช้ให้ลูกจ้างจำนวนหนึ่ง การที่ลูกจ้างจะได้รับค่าเสียหายจึงมีเพียงกรณีที่ศาลแรงงานมิได้มีคำสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานเท่านั้นในกรณีที่ศาลแรงงานสั่งให้รับลูกจ้างกลับเข้าทำงาน กฎหมายหาได้กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าเสียหายหรือค่าจ้างนับแต่วันเลิกจ้างจนถึงวันที่นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานไว้ด้วยไม่เนื่องจากลูกจ้างได้รับประโยชน์จากการกลับเข้าทำงานแล้ว