พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,865 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2252/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความความผิดเช็ค: เริ่มนับจากปฏิเสธการจ่ายเงิน แม้เป็นการปฏิเสธด้วยวาจา
เมื่อโจทก์นำเช็คไปเบิกเงิน ธนาคารมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 แต่ปรากฏว่าเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจะจ่ายตามเช็คนั้น จึงให้ติดต่อกับผู้สั่งจ่าย ถือได้ว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น แม้จะเป็นการปฏิเสธด้วยวาจา เพราะตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดวันจากการใช้เช็คก็ดี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช็คก็ดีไม่ได้บัญญัติไว้ว่าการปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คต้องทำเป็นหนังสือ ความผิดของจำเลยจึงเกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้น เมื่อโจทก์มิได้ร้องทุกข์และนำคดีมาฟ้องภายหลังรู้เรื่องความผิด และรู้ว่าจำเลยกระทำความผิดเป็นเวลา 8 เดือนเศษคดีโจทก์ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2070/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดตามเช็ค: ผู้ลงลายมือชื่อเท่านั้นที่ต้องรับผิด แม้มีอำนาจสั่งจ่าย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาท 3 ฉบับที่ภริยาจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้เงินกู้ กรณีต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้โดยใช้เช็คแทนเงินจึงเกิดความผูกพันระหว่างกันในลักษณะตั๋วเงินตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ซึ่งมีผลว่าบุคคลที่ลงลายมือชื่อในเช็คเท่านั้นที่จะต้องรับผิดตามข้อความในเช็ค แม้โจทก์จะอ้างว่าเช็คพิพาททั้ง 3 ฉบับเป็นของจำเลยซึ่งขอเปิดบัญชีไว้กับธนาคารและภริยาจำเลยมีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีได้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้จำเลยต้องรับผิดตามฟ้องด้วย
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ซึ่งมีผลว่าบุคคลที่ลงลายมือชื่อในเช็คเท่านั้นที่จะต้องรับผิดตามข้อความในเช็ค แม้โจทก์จะอ้างว่าเช็คพิพาททั้ง 3 ฉบับเป็นของจำเลยซึ่งขอเปิดบัญชีไว้กับธนาคารและภริยาจำเลยมีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีได้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้จำเลยต้องรับผิดตามฟ้องด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2070/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลายมือชื่อในเช็คเป็นสำคัญ แม้มีอำนาจสั่งจ่ายร่วม แต่จำเลยไม่ต้องรับผิดหากไม่ได้ลงนามในเช็ค
เช็คลงลายมือชื่อภริยาจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย แม้เป็นเช็คตามบัญชีเงินฝากของจำเลยและภริยาจำเลยมีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดตามเช็ค และแม้หนี้เดิมเป็นเงินกู้ โจทก์ก็ไม่มีหลักฐานการกู้เป็นหนังสือบังคับจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2018/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทน & สิทธิเรียกร้องเช็ค: โจทก์ผิดสัญญาเช่าก่อน จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินจากเช็ค
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จำเลยให้การว่าจำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้บุตรจำเลยนำไปชำระค่าโอนสิทธิการเช่าตึกแถวจากธ. ในฐานะส่วนตัวและในฐานะ ธ. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างโจทก์ แล้ว ธ. และโจทก์ผิดสัญญาไม่ขนย้ายออกไปและไม่มอบตึกแถวให้บุตรจำเลยตามกำหนด บุตรจำเลยจึงขอให้จำเลยแจ้งธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็คไว้ดังนี้ สัญญาโอนสิทธิการเช่าตามที่จำเลยให้การเป็นสัญญาต่างตอบแทน หากโจทก์ผิดสัญญาไม่ขนย้ายออกไปและไม่ส่งมอบตึกแถวให้บุตรจำเลย โจทก์ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้บุตรจำเลยชำระหนี้ และไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ใช้เงินตามเช็คพิพาทซึ่งออกเพื่อชำระหนี้ของบุตรจำเลยด้วย คำให้การจำเลยจึงเป็นการต่อสู้ว่าสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงบกพร่องเพราะไม่อาจบังคับตามมูลหนี้ได้ และเมื่อศาลชั้นต้นก็กำหนดประเด็นพิพาทไว้ว่า เช็คมีมูลหนี้หรือไม่คดีจึงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ผิดสัญญาหรือไม่
ธ. ในฐานะส่วนตัวและในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าตึกแถวกับบุตรจำเลย ธ. ยอมรับเช็คพิพาทสั่งจ่ายวันที่ 15 มิถุนายน 2515 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ ธ. และโจทก์ต้องขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวแสดงว่าคู่สัญญาตกลงจะปฏิบัติชำระหนี้ตอบแทนกันในวันเดียวกัน การที่สัญญามีข้อความว่า "และผู้รับเงินได้รับเงินจำนวนนี้ไปเป็นการถูกต้องและเรียบร้อยแล้วในวันทำสัญญานี้" คงมุ่งหมายเพียงให้เป็นหลักฐานว่า ธ. และโจทก์ได้รับเช็คเป็นการชำระค่าตอบแทนไปแล้ว หาได้หมายความว่าบุตรจำเลยต้องชำระหนี้เป็นตัวเงินตอบแทนก่อน แล้ว ธ. และโจทก์จึงจะต้องขนย้ายออกไปจากตึกแถวไม่ เมื่อ ธ.และโจทก์ไม่ขนย้ายออกไปจากตึกแถวภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2515 จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา และไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้ใช้เงินตามเช็คพิพาท
ธ. ในฐานะส่วนตัวและในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าตึกแถวกับบุตรจำเลย ธ. ยอมรับเช็คพิพาทสั่งจ่ายวันที่ 15 มิถุนายน 2515 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ ธ. และโจทก์ต้องขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวแสดงว่าคู่สัญญาตกลงจะปฏิบัติชำระหนี้ตอบแทนกันในวันเดียวกัน การที่สัญญามีข้อความว่า "และผู้รับเงินได้รับเงินจำนวนนี้ไปเป็นการถูกต้องและเรียบร้อยแล้วในวันทำสัญญานี้" คงมุ่งหมายเพียงให้เป็นหลักฐานว่า ธ. และโจทก์ได้รับเช็คเป็นการชำระค่าตอบแทนไปแล้ว หาได้หมายความว่าบุตรจำเลยต้องชำระหนี้เป็นตัวเงินตอบแทนก่อน แล้ว ธ. และโจทก์จึงจะต้องขนย้ายออกไปจากตึกแถวไม่ เมื่อ ธ.และโจทก์ไม่ขนย้ายออกไปจากตึกแถวภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2515 จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา และไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้ใช้เงินตามเช็คพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไล่เบี้ยเช็ค: ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินไม่ต้องทวงถาม, ศาลฟังต่างกันได้ทั้งคดีอาญาและแพ่ง
ผู้ทรงมีสิทธิไล่เบี้ยผู้สั่งจ่ายเช็คได้เมื่อธนาคารปฏิเสธการใช้เงินไม่จำเป็นต้องทวงถามอีก
คดีเรื่องเช็คมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลคดีอาญาฟังว่าออกเช็คประกันการเล่นราคาทองคำ ไม่มีมูลหนี้ พิพากษายกฟ้อง ศาลคดีแพ่งไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีอาญา และเชื่อคำพยานโจทก์ว่าออกเช็คเพื่อชำระหนี้ได้
คดีเรื่องเช็คมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลคดีอาญาฟังว่าออกเช็คประกันการเล่นราคาทองคำ ไม่มีมูลหนี้ พิพากษายกฟ้อง ศาลคดีแพ่งไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีอาญา และเชื่อคำพยานโจทก์ว่าออกเช็คเพื่อชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายกระดาษกล่องแล้วผิดนัดชำระหนี้ โดยใช้เช็คที่ไม่มีเงินรองรับ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2513 เวลากลางวัน จำเลยมีเจตนาฉ้อโกงและโดยทุจริตได้บังอาจกล่าววาจาอันเป็นเท็จหลอกลวง ก. ผู้เสียหายว่าจำเลยประสงค์จะซื้อกระดาษกล่องจำนวน 614 ริม ราคา 500,000 บาท จาก ก. ผู้เสียหายโดยผัดชำระราคาในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2513 ก. ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นความจริงตามที่จำเลยกล่าวหลอกลวง จึงได้มอบกระดาษกล่องจำนวน 614 ริมราคา 500,000 บาท ให้จำเลยรับไปเป็นประโยชน์ของตน ซึ่งความจริงจำเลยมีเจตนาฉ้อโกงกระดาษกล่อง 614 ริมไปจาก ก. ผู้เสียหายมาแต่แรก โดยจำเลยเจตนาจะไม่ชำระเงินให้แก่ ก. ผู้เสียหายเลย ดังนั้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2513 เวลากลางวัน จำเลยจึงได้นำเช็คธนาคารศรีนคร จำกัด สำนักงานใหญ่ ฉบับเลขที่ 082013 ลงวันที่สั่งจ่ายวันที่ 30 มิถุนายน 2514 สั่งจ่ายเงินจำนวน 500,000 บาท โดยจำเลยบอกแก่ ก. ผู้เสียหายว่าเป็นเช็คของ ล. มาชำระหนี้ให้แก่ ก. ผู้เสียหาย ฯ ตามคำบรรยายฟ้องแสดงว่า ก.ผู้เสียหายได้ตกลงขายกล่องกระดาษจำนวน 614 ริม ราคา 500,000 บาท ให้จำเลย และจำเลยขอผัดชำระราคาค่ากระดาษกล่อง ต่อมาจำเลยได้นำเช็คมาชำระราคาค่ากระดาษกล่องให้ ก. ผู้เสียหายตามที่ขอผัดไว้จริง แม้โจทก์จะบรรยายในตอนท้ายว่า จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่าเช็คฉบับนี้ขึ้นเงินได้ ซึ่งความจริงเช็คที่กล่าวเป็นเช็คที่ธนาคารศรีนคร จำกัด สำนักงานใหญ่มอบให้แก่จำเลย ซึ่งได้เปิดบัญชีเป็นลูกค้าของธนาคาร จำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าเช็คที่กล่าวไม่มีทางขึ้นเงินได้เลย เพราะจำเลยไม่ได้เป็นผู้สั่งจ่ายเงิน ซึ่ง ก. ผู้เสียหายหลงเชื่อจำเลยจึงรับเช็คไว้ ก็เป็นเพียงการบรรยายฟ้องให้เห็นว่าเช็คที่จำเลยนำมาชำระราคาค่ากระดาษกล่องไม่สามารถขึ้นเงินจากธนาคารได้เท่านั้น กรณีเป็นเรื่องโจทก์จำเลยตกลงซื้อขายกระดาษกล่องกันแล้ว จำเลยไม่ชำระราคา อันเป็นการผิดสัญญาในทางแพ่ง หาใช่เป็นคำฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทซื้อขายกระดาษกล่องและการออกเช็คที่ไม่มีเงินรองรับ ถือเป็นการผิดสัญญาซื้อขายและผิด พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2513 เวลากลางวัน จำเลยมีเจตนาฉ้อโกงและโดยทุจริตได้บังอาจกล่าววาจาอันเป็นเท็จหลอกลวง ก. ผู้เสียหายว่าจำเลยประสงค์จะซื้อกระดาษกล่องจำนวน 614 ริม ราคา 500,000 บาท จาก ก. ผู้เสียหาย โดยผัดชำระราคาในวันที่ 4 พฤศจิกายน2513 ก.ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นความจริงตามที่จำเลยกล่าวหลอกลวงจึงได้มอบกระดาษกล่องจำนวน 614 ริมราคา 500,000 บาท ให้จำเลยรับไปเป็นประโยชน์ของตนซึ่งความจริงจำเลยมีเจตนาฉ้อโกงกระดาษกล่อง 614 ริมไปจากก.ผู้เสียหายมาแต่แรก โดยจำเลยเจตนาจะไม่ชำระเงินให้แก่ ก.ผู้เสียหายเลย ดังนั้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2513เวลากลางวัน จำเลยจึงได้นำเช็คธนาคารศรีนคร จำกัดสำนักงานใหญ่ ฉบับเลขที่ 082013 ลงวันที่สั่งจ่ายวันที่ 30 มิถุนายน 2514 สั่งจ่ายเงินจำนวน 500,000 บาท โดยจำเลยบอกแก่ ก.ผู้เสียหายว่าเป็นเช็คของ ล.มาชำระหนี้ให้แก่ ก.ผู้เสียหายฯ ตามคำบรรยายฟ้องแสดงว่า ก.ผู้เสียหายได้ตกลงขายกระดาษกล่องจำนวน 614 ริม ราคา 500,000 บาทให้จำเลย และจำเลยขอผัดชำระราคาค่ากระดาษกล่อง ต่อมาจำเลยได้นำเช็คมาชำระราคาค่ากระดาษกล่องให้ ก.ผู้เสียหายตามที่ขอผัดไว้จริง แม้โจทก์จะบรรยายในตอนท้ายว่าจำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่าเช็คฉบับนี้ขึ้นเงินได้ ซึ่งความจริงเช็คที่กล่าวเป็นเช็คที่ธนาคารศรีนคร จำกัดสำนักงานใหญ่ มอบให้แก่จำเลย ซึ่งได้เปิดบัญชีเป็นลูกค้าของธนาคาร จำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าเช็คที่กล่าวไม่มีทางขึ้นเงินได้เลย เพราะจำเลยไม่ได้เป็นผู้สั่งจ่ายเงิน ซึ่ง ก.ผู้เสียหายหลงเชื่อจำเลยจึงรับเช็คไว้ ก็เป็นเพียงบรรยายฟ้องให้เห็นว่าเช็คที่จำเลยนำมาชำระราคาค่ากระดาษกล่องไม่สามารถขึ้นเงินจากธนาคารได้เท่านั้นกรณีเป็นเรื่องโจทก์จำเลยตกลงซื้อขายกระดาษกล่องกันแล้วจำเลยไม่ชำระราคา อันเป็นการผิดสัญญาในทางแพ่ง หาใช่เป็นคำฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาฝากเงินกระแสรายวันและการปฏิเสธการจ่ายเช็คหลังปิดบัญชี ธนาคารไม่ต้องรับผิด
โจทก์ฝากเงินกระแสรายวัน มีข้อสัญญาว่าถ้าออกเช็คไม่มีเงินเกิน 3 ครั้ง ธนาคารจะต้องปิดบัญชีตามระเบียบเป็นการแสดงเจตนาให้โจทก์ทราบล่วงหน้าแล้ว เมื่อธนาคารสั่งปิดบัญชีสัญญาเป็นอันเลิกกัน โจทก์นำเงินเข้าฝากภายหลังไม่ทำให้เกิดสัญญาขึ้นใหม่ธนาคารไม่ต้องจ่ายเงินตามเช็คที่โจทก์ออกภายหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้สั่งจ่ายเช็คต้องรับผิดชอบต่อผู้ทรงโดยสุจริต แม้จะอ้างว่าออกเช็คเพื่อค้ำประกันและมีการห้ามจ่าย
ผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คผู้ถือต้องรับผิดต่อผู้ถือซึ่งเป็นผู้ทรงเมื่อไม่มีข้อต่อสู้ว่าผู้ทรงรับโอนโดยไม่สุจริตอย่างใดก็ไม่มีข้อที่ต้องสืบพยาน อุทธรณ์ฎีกาขอให้สืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เป็นคำขอไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้จากเช็คเป็นหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และการยินยอมให้ลงวันที่เช็ค
ปัญหาเรื่องการแปลงหนี้จากเช็คเป็นหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความ สงบเรียบร้อยาของประชาชน เมื่อจำเลยไม่ยกขึ้นต่อสู้โดยชัดแจ้งจึงไม่เป็นประเด็นในคดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ แม้จำเลยจะไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายในเช็ค แต่ก็เป็นเช็คที่จำเลยออกชำระหนี้ย่อมถือได้โดยปริยายว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ลงวันที่สั่งจ่ายได้เอง เมื่อไม่ได้ความว่าโจทก์ลงวันที่สั่งจ่ายโดยไม่สุจริต จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ แม้จำเลยจะไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายในเช็ค แต่ก็เป็นเช็คที่จำเลยออกชำระหนี้ย่อมถือได้โดยปริยายว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ลงวันที่สั่งจ่ายได้เอง เมื่อไม่ได้ความว่าโจทก์ลงวันที่สั่งจ่ายโดยไม่สุจริต จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์