พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาททำร้ายร่างกายถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ ศาลลงโทษตามการกระทำได้ แม้ฟ้องในข้อหาปล้นทรัพย์ไม่เป็นผล
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยปล้นทรัพย์ และว่าในการปล้นจำเลยได้ใช้สาตราวุธตีและแทงผู้เสียหายคนหนึ่งโดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย จนผู้เสียหายคนนั้นตาย และตีและแทงทำร้ายผู้เสียหายอีกคนหนึ่งถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 301,249,250 ดังนี้แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าไม่มีการปล้น แต่เป็นเรื่องสมัครใจวิวาทซึ่งกันและกัน จำเลยบางคนแทงอีกฝ่ายหนึ่งถึงบาดเจ็บบ้าง ดังนี้ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยผู้ที่ทำร้ายเขาถึงตายและบาดเจ็บตามความผิดที่ตนได้กระทำไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาททำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย ศาลลงโทษฐานทำร้ายร่างกายและฆ่าคนตายได้ แม้ไม่มีการปล้น
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยปล้นทรัพย์ และว่าในการปล้นจำเลยได้ใช้สาตราวุธตีและแทงผู้เสียหายคนหนึ่งโดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย จนผู้เสียหายคนนั้นตาย และตีและแทงทำร้ายผู้เสียหายอีกคนหนึ่งถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 301249250 ดังนี้แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าไม่มีการปล้น แต่เป็นเรื่องสมัครใจวิวาทซึ่งกันและกัน จำเลยบางคนแทงอีกฝ่ายหนึ่งถึงตายบ้าง บางคนแทงอีกฝ่ายหนึ่งถึงบาดเจ็บบ้างดังนี้ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยผู้ที่ทำร้ายเขาถึงตายและบาดเจ็บตามความผิดที่ตนได้กระทำไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081-1082/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การลดโทษจากฆ่าโดยเจตนาเป็นฆ่าโดยไม่เจตนา
ใช้ไม้ตีผู้ตายทีเดียว ไม้ที่ใช้ตีจะมีขนาดเล็กโตเพียงไร ไม่ปรากฎคงได้ความตามพยานโจทก์ว่า เป็นไม้กลมยาว ราวครึ่งแขนประกอบกับสาเหตุก็เล็กน้อย ผู้ตายถึงแก่ความตายในวันรุ่งขึ้น, ดังนี้ ยังไม่พอให้ชี้ขาดได้ถนัดว่าจำ เลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยคงมีความผิดเพียงฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษอาญาในชั้นอุทธรณ์และการฎีกาในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดสมคบทำร้ายร่างกาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 256 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี 6 เดือน ลดฐานเป็นเด็ก 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 8 เดือน.
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 254 จำคุก 15 วัน ปรับ 120 บาท เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นจำคุก 20 วัน ปรับ 160 บาท โทษจำให้ยกเสีย ส่วนจำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา 256 จำคุก 2 ปี ลดฐานเป็นเด็กกึ่งหนึ่งคงจำ คุก 1 ปี และให้รอการลงอาญาไว้ ดังนี้ คดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์แก้ทั้งบทและทั้งกำหนดโทษ ถือว่า เป็นการ แก้ไขมาก โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้และคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 แม้ศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขกำหนดโทษ เท่านั้น แต่ก็ให้รอการลงอาญาแก่จำเลยไว้ จึงเป็นการแก้ไขมาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้เช่นเดียวกัน./
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 254 จำคุก 15 วัน ปรับ 120 บาท เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นจำคุก 20 วัน ปรับ 160 บาท โทษจำให้ยกเสีย ส่วนจำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา 256 จำคุก 2 ปี ลดฐานเป็นเด็กกึ่งหนึ่งคงจำ คุก 1 ปี และให้รอการลงอาญาไว้ ดังนี้ คดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์แก้ทั้งบทและทั้งกำหนดโทษ ถือว่า เป็นการ แก้ไขมาก โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้และคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 แม้ศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขกำหนดโทษ เท่านั้น แต่ก็ให้รอการลงอาญาแก่จำเลยไว้ จึงเป็นการแก้ไขมาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้เช่นเดียวกัน./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจากทำร้ายร่างกายและการพิจารณาแก้ไขโทษของศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี 6 เดือน ลดฐานเป็นเด็ก 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 8 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 254จำคุก 15 วัน ปรับ 120 บาท เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นจำคุก 20 วัน ปรับ 160 บาทโทษจำให้ยกเสีย ส่วนจำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา 256 จำคุก 2 ปี ลดฐานเป็นเด็กกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี และให้รอการลงอาญาไว้ดังนี้ คดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์แก้ทั้งบทและทั้งกำหนดโทษ ถือว่าเป็นการแก้ไขมาก โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ และคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 แม้ศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขกำหนดโทษเท่านั้น แต่ก็ให้รอการลงอาญาแก่จำเลยไว้ จึงเป็นการแก้ไขมาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้เช่นเดียวกัน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 254จำคุก 15 วัน ปรับ 120 บาท เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นจำคุก 20 วัน ปรับ 160 บาทโทษจำให้ยกเสีย ส่วนจำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา 256 จำคุก 2 ปี ลดฐานเป็นเด็กกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี และให้รอการลงอาญาไว้ดังนี้ คดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์แก้ทั้งบทและทั้งกำหนดโทษ ถือว่าเป็นการแก้ไขมาก โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ และคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 แม้ศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขกำหนดโทษเท่านั้น แต่ก็ให้รอการลงอาญาแก่จำเลยไว้ จึงเป็นการแก้ไขมาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาถึงบาดเจ็บเป็นเหตุให้หย่าได้
สามีใช้กำปั้น ใช้เท้าเตะ และใช้ไม้โตเท่าผลส้มเขียวหวานตีภรรยา มีบาดแผลบวมช้ำเขียว รวม 23 แห่งด้วยกัน ต้องรักษาตัวอยู่รวม 20 กว่าวัน มีนายแพทย์มาเบิกความประกอบว่า ภรรยต้องรักษาตัวอยู่ที่ศุขศาลา 17 วัน มีอาการเจ็บที่อก ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บและเป็นเหตุให้ภริยาฟ้องขอหย่าจากสามีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาเป็นเหตุให้หย่าได้
สามีใช้กำปั้นตีใช้เท้าเตะและใช้ไม้โตเท่าผลส้มเขียวหวานตีภรรยามีบาดแผลบวมช้ำเขียว รวม 23 แห่งด้วยกัน ต้องรักษาตัวอยู่รวม 20 กว่าวัน มีนายแพทย์มาเบิกความประกอบว่าภรรยาต้องรักษาตัวอยู่ที่สุขศาลา 17 วัน มีอาการเจ็บที่อก ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บและเป็นเหตุให้ภริยาฟ้องขอหย่าจากสามีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าจากเหตุสามีมีภรรยาอื่นและทำร้ายร่างกายภรรยาใหม่
หญิงทำการสมรสกับชายโดยจดทะเบียนสมรสกันแล้วแม้ภายหลังจะปรากฎว่าในขณะสมรสกันนั้น ชายนั้นมีภรรยาอยู่แล้วก็ตาม หญิงเช่นนี้ก็ยังมีสิทธิฟ้องหย่าขาดจากสามีได้ เสมือนหนึ่งว่าการสมรสของหญิงชายนั้นชอบด้วยกฎหมาย
การที่สามีเอาภรรยาหลวงและบุตรที่เกิดจากภรรยาหลวงมาอยู่ร่วมกันกับภรรยน้อยในห้องเดียวกัน ทำให้อยู่ด้วยกันโดยไม่เป็นปรกติสุขมีเรื่องระหองระแหงทะเลาะกันเรื่อยมา จนเกิดทำร้ายกันโดยสามีภรรยาหลวง และบุตรภรรยาหลวงกลุ้มรุมทำร้ายภรรยาน้อยถึงคั่นภรรยาน้อยศรีษะแตก นับว่าภรรยาน้อยถูกสามีกับพวกทำร้ายถึงบาดเจ็บ และการที่สามีเอาภรรยาหลวงเข้ามากินอยู่ร่วมด้วย เป็นปฏิปักษ์ต่อการที่ภริยาน้อยจะเป็นภริยาของชายต่อไปอย่างร้ายแรง เป็นเหตุพอที่จะให้ภริยาน้อยหย่าขาดจากการเป็นภรรยาชายได้ตามกฎหมาย
การที่สามีเอาภรรยาหลวงและบุตรที่เกิดจากภรรยาหลวงมาอยู่ร่วมกันกับภรรยน้อยในห้องเดียวกัน ทำให้อยู่ด้วยกันโดยไม่เป็นปรกติสุขมีเรื่องระหองระแหงทะเลาะกันเรื่อยมา จนเกิดทำร้ายกันโดยสามีภรรยาหลวง และบุตรภรรยาหลวงกลุ้มรุมทำร้ายภรรยาน้อยถึงคั่นภรรยาน้อยศรีษะแตก นับว่าภรรยาน้อยถูกสามีกับพวกทำร้ายถึงบาดเจ็บ และการที่สามีเอาภรรยาหลวงเข้ามากินอยู่ร่วมด้วย เป็นปฏิปักษ์ต่อการที่ภริยาน้อยจะเป็นภริยาของชายต่อไปอย่างร้ายแรง เป็นเหตุพอที่จะให้ภริยาน้อยหย่าขาดจากการเป็นภรรยาชายได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่า: การนอกใจ, ทำร้ายร่างกาย, และการไม่เลี้ยงดูภริยา
เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เกิดบุตรหญิงด้วยกันคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ อยู่มาภริยาสังเกตเห็นว่าสามีรักหญิงอื่น นอกใจภริยา เกิดต่อว่ากันขึ้น สามีด่าภริยา และด่าว่ากันเนือง ๆ บางคราวก็ใช้เท้าถีบภริยาใช้พร้าขว้างภริยา ไปร้องต่อผู้ใหญ่บ้านแสดงความประสงค์ไม่เลี้ยงดูภริยา และยังขับไล่ภริยาออกจากบ้าน ภริยาต้องไปอยู่กับยาย, สามียังห้ามไม่ให้ภริยากลับบ้าน สำทับว่าถ้าขืนกลับจะทำร้ายเอาระหว่างนั้น สามีไม่สนใจต่อภริยา ทำเหมือนภริยาเป็นคนอื่น เหล่านี้เป็นเหตุเพียงพอแล้วที่จะให้หย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่า: สามีทำร้ายร่างกาย-ทอดทิ้งภริยา-มีชู้
เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เกิดบุตรหญิงด้วยกันคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ อยู่มาภริยาสังเกตเห็นว่าสามีรักหญิงอื่น นอกใจภริยาเกิดต่อว่ากันขึ้น สามีด่าว่าภริยา และด่าว่ากันเนืองๆ บางคราวก็ใช้เท้าถีบภริยาใช้พร้าขว้างภริยาไปร้องต่อผู้ใหญ่บ้านแสดงความประสงค์จะไม่เลี้ยงดูภริยา และยังขับไล่ภริยาออกจากบ้าน ภริยาต้องไปอยู่กับยาย,สามียังห้ามไม่ให้ภริยากลับบ้านสำทับว่าถ้าขืนกลับจะทำร้ายเอา,ระหว่างนั้นสามีไม่สนใจต่อภริยาทำเหมือนภริยาเป็นคนอื่น เหล่านี้เป็นเหตุเพียงพอแล้วที่จะให้หย่าได้