คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความเสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,842 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อโกงโดยตรงถึงผู้เสียหาย แม้มีผู้ทำนิติกรรมแทน การหลอกลวงคือเหตุสำคัญ
จำเลยได้หลอกลวงด้วยการนำความเท็จมากล่าวแก่ พ. จน พ. หลงเชื่อยอมตกลงรับซื้อฝากที่ดินและจ่ายเงินให้จำเลยไป อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง แม้ในนิติกรรมสัญญารับซื้อฝาก ส. บุตรโจทก์เป็นผู้ลงนามรับซื้อฝากแทน พ. ซึ่งเป็นมารดา ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยจงใจเจตนาฉ้อโกงพ.โดยตรง พ.ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยแล้วพ. จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจตามกฎหมายที่จะร้องทุกข์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1836/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนรับผิดร่วมกันในความเสียหายจากการกระทำของหุ้นส่วนอีกฝ่ายหนึ่ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ขับรถของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับด้วยความประมาทชนรถของโจทก์เสียหาย ขอให้ร่วมกันและแทนกันชำระค่าเสียหาย จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกรถยนต์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรงงานร่วมกันรับจ้างบรรทุกของของผู้อื่น แล้วจำเลยที่ 2 นำสืบในทำนองนี้ และว่าจำเลยที่ 2ไม่ได้ตกลงทำสัญญารับจ้างขนของรายนั้น จำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปตกลงเองผลประโยชน์แบ่งกันคนละครึ่ง ดังนี้ เห็นได้ว่าการดำเนินกิจการเกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ ระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 2 เข้าลักษณะเป็นหุ้นส่วนกัน โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรง จำเลยที่ 2 เป็น ผู้ออกทรัพย์เมื่อการกระทำของหุ้นส่วนทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดร่วมกันและแทนกัน และคดีนี้โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนด้วย คดีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1836/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนรับผิดร่วมกันในความเสียหายจากการกระทำของหุ้นส่วนอีกคน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและตัวแทนของจำเลยที่ 2จำเลยที่ 1 ขับรถของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2ได้ขับด้วยความประมาทชนรถของโจทก์เสียหาย ขอให้ร่วมกันและแทนกันชำระค่าเสียหาย จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกรถยนต์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรงงานร่วมกันรับจ้างบรรทุกของของผู้อื่น แล้วจำเลยที่ 2 นำสืบในทำนองนี้ และว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ตกลงทำสัญญารับจ้างขนของรายนั้น จำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปตกลงเอง ผลประโยชน์แบ่งกันคนละครึ่ง ดังนี้ เห็นได้ว่าการดำเนินกิจการเกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ ระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 2 เข้าลักษณะเป็นหุ้นส่วนกัน โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรง จำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกทรัพย์เมื่อการกระทำของหุ้นส่วนทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดร่วมกันและแทนกัน และคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนด้วย คดีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1666/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการจอดรถกีดขวางทางและประมาทเลินเล่อของทั้งฝ่ายผู้กระทำและผู้เสียหาย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นพนักงานของกรมทางหลวงจำเลยที่ 3 ได้ทำการซ่อมทางหลวงและนำรถเคี่ยวยางจอดไว้ในทางเวลากลางคืนโดยไม่จุดไฟไว้ ถือเป็นผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 23 เป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ละเว้นไม่กระทำการอันควรกระทำตามหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่ไปชนเกิดความเสียหายขึ้น ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ทำละเมิด จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดร่วมในผลแห่งการละเมิดด้วย
จำเลยและผู้ตายต่างประมาทด้วยกัน ฝ่ายไหนจะรับผิดเพียงใดนั้นต้องพิจารณาถึงพฤติการณ์ด้วยว่าฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงใด โจทก์เป็นฝ่ายเสียหายมากแต่เป็นฝ่ายประมาทน้อยกว่า จำเลยเสียหายน้อยแต่ประมาทมากกว่า เห็นควรแบ่งค่าเสียหายออกเป็น 3 ส่วน ให้จำเลยรับผิด 2 ใน 3 ส่วน
ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นนี้จะต้องพิจารณาตามสมควรตามความจำเป็นและตามฐานะของผู้ตาย ทั้งต้องพิจารณาถึงประเพณีการทำศพตามลัทธินิยมประกอบด้วย และต้องไม่ใช่รายการที่ฟุ่มเฟือยเกินไป หาใช่ว่าเมื่อจ่ายไปเท่าไรแล้วจะเรียกเอาได้หมด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533-1534/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยต้องรับผิดชอบความเสียหายจากการขุดคลองลัดที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อการระบายน้ำ ทำให้ที่ดินโจทก์เสียหาย
จำเลยขุดคลองลัดตรงหัวโค้งมีความกว้างเพียง 15 วา เพื่อใช้ในการลำเลียงแร่ไปสู่เรือกลไปกลางทะเล โดยปราศจากความรอบคอบไม่คำนึงถึงว่าคลองที่จำเลยขุดจะรับน้ำที่ไหลตามคลองเดิมได้เพียงพอหรือไม่ ถึงฤดูมรสุมในระยะที่เกิดเหตุฝนตกหนักหลายวันติดต่อกัน ทั้งคลื่นลมในทะเลแรงกว่าปกติคลองที่จำเลยขุดไม่อาจรับน้ำที่ไหลเชี่ยวแรงได้เพียงพอ เป็นเหตุให้น้ำดันเขื่อนไม้ที่จำเลยทำไว้พังและเซาะที่ดินของโจทก์พังกลายสภาพเป็นทะเล ดังนี้เป็นผลโดยตรงจากการขุดคลองลัดของจำเลย จำเลยต้องรับผิดชอบในความเสียหายของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533-1534/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดคลองลัดโดยประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อที่ดินของผู้อื่น จำเลยต้องรับผิดชอบ
จำเลยขุดคลองลัดตรงหัวโค้งมีความกว้างเพียง 15 วาเพื่อใช้ในการลำเลียงแร่ไปสู่เรือกลไฟกลางทะเล โดยปราศจากความรอบคอบ ไม่คำนึงถึงว่าคลองที่จำเลยขุดจะรับน้ำที่ไหลตามคลองเดิมได้เพียงพอหรือไม่ ถึงฤดูมรสุมในระยะที่เกิดเหตุฝนตกหนักหลายวันติดต่อกัน ทั้งคลื่นลมในทะเลแรงกว่าปกติคลองที่จำเลยขุดไม่อาจรับน้ำที่ไหลเชี่ยวแรงได้เพียงพอ เป็นเหตุให้น้ำดันเขื่อนไม้ที่จำเลยทำไว้พังและเซาะที่ดินของโจทก์พังกลายสภาพเป็นทะเล ดังนี้ เป็นผลโดยตรงจากการขุดคลองลัดของจำเลย จำเลยต้องรับผิดในความเสียหายของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จที่ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ และการขอรับมรดกโดยอ้างความเป็นภริยาโดยพฤตินัย ไม่ทำให้โจทก์เสียหาย
ความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นั้น แม้ข้อความที่แจ้งจะเป็นเท็จแต่มิได้เกี่ยวข้องพาดพิงถึงโจทก์ ก็ไม่อาจทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
การที่จำเลยซึ่งเป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยื่นคำร้องขอรับมรดกโดยอ้างว่าเป็นภริยาของผู้ตายนั้น แม้โดยนิตินัยจำเลยจะไม่ใช่แต่โดยพฤตินัยจำเลยเป็นภริยาของผู้ตายยังถือไม่ได้ว่าจำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จทำให้โจทก์ผู้เป็นทายาทเสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จและการขอรับมรดก หากไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ไม่ถือเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ
ความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นั้น แม้ข้อความที่แจ้งจะเป็นเท็จแต่มิได้เกี่ยวข้องพาดพิงถึงโจทก์ ก็ไม่อาจทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
การที่จำเลยซึ่งเป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยื่นคำร้องขอรับมรดกโดยอ้างว่าเป็นภริยาของผู้ตายนั้น แม้โดยนิตินัยจำเลยจะไม่ใช่ แต่โดยพฤตินัยจำเลยเป็นภริยาของผู้ตายยังถือไม่ได้ว่าจำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จทำให้โจทก์ผู้เป็นทายาทเสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับเรือทำให้เกิดการชน ผู้ขับเรือต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายและอันตรายที่เกิดขึ้น
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขับเรือแล่นมาด้วยความเร็วสูงและต่างแล่นมาตรงกลางลำน้ำ เมื่อใกล้จะสวนกันเรือทั้งสองแล่นเกือบเป็นเส้นตรงเข้าหากันในลักษณะน่ากลัวจะเกิดโดนกัน แม้จำเลยที่ 2 จะเบนหลีกไปทางขวามือ อันเป็นการปฏิบัติตามกฎกระทรวง (พ.ศ. 2498) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันเรือโดนกัน พ.ศ. 2497 ข้อ19(ก)ก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้ลดความเร็ว กลับขับเรือเบนเข้าเส้นทางเรือของตนทางด้านขวาในระยะกระชั้นชิด ส่วนจำเลยที่ 1 ก็มิได้ลดความเร็วทั้งมิได้เบนเข้าเส้นทางเรือของตนทางด้านขวา เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนกันแต่กลับคงแล่นตรงไป เรือจำเลยที่ 2 จึงชนตรงกราบเรือด้านขวาของเรือจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้ผู้โดยสารในเรือจำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตายและบาดเจ็บเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยทั้งสองกระทำด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยทั้งสองซึ่งขับขี่เรือยนต์สวนทางกันจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ จำเลยทั้งสองจึงต้องมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย และบาดเจ็บ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1244/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันสมบูรณ์เมื่อได้รับการลงนามโดยผู้มีอำนาจ และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นตามสัญญา
จำเลยทำสัญญาค้ำประกัน อ. โดยเจตนาเข้าค้ำประกันความเสียหายที่ อ. ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์แล้ว อ. ส่งสัญญาไปยังการไฟฟ้าเขต การไฟฟ้าเขตส่งต่อไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโจทก์ ส. ซึ่งเป็นผู้ว่าการไฟฟ้าได้ลงชื่อในสัญญานั้นแทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโจทก์แล้ว สัญญาค้ำประกันดังกล่าวเป็นอันสมบูรณ์
of 185