พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลร้ายแรงจากถูกทำร้าย ส่งผลพิการถาวรทางการเคลื่อนไหวและการทำงาน
บาดแผลถูกฟันที่หลังแขนซ้ายแผลกว้าง 4 เซ็นติเมตร ยาว 4 เซ็นติเมตร ลึกเข้ากระดูกปลายแขน แผลตัดเนื้อกล้ามขาด รักษาอยู่ 20 วันแผลหาย แต่แขนเหยียดไม่ได้ นิ้วก็กระดิกไม่ได้ แพทย์ยืนยันว่า เพราะแผลลึกตัดเส้นวิถีประสาทส่วนปลายแขนขาดออกจากกัน แม้แผลหาย เส้นวิถีประสาทไม่ติดต่อกันได้ ไม่สามารถจะบังคับให้มีการเคลื่อนไหวได้เหมือนเดิมและปรากฎว่าผู้เสียหายมีอาชีพทางทำนา เช่นนี้ ต้องฟังว่าเป็นบาดแผลถึงสาหัสตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 256.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบรรดาลโทสะ ไม่เป็นเหตุป้องกันตัว คดีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายกับจำเลยไปช่วยเขาไถนาด้วยกัน เมื่อไถนาเสร็จแล้วมีการเลี้ยงสุราอาหาร ผู้ตายกินอิ่มแล้วเดินไปที่จำเลย ตีศีร์ษะจำเลย 2 ทีแล้ววิ่งหนี จำเลยวิ่งไล่ไปทันที่คูน้ำข้างถนน เข้าปล้ำกัน ปรากฎว่าผู้ตายมีบาดแผลถูกแทง 6 แห่ง เป็นบาดแผลสาหัส 2 แห่ง ผู้ตายขาดใจตายในวันนั้น ดังนี้ เป็นเรื่องจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทษะ หาใช่เป็นเรื่องป้องกันไม่
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุก 15 ปี ลดโทษ-ตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทษะจึงลดโทษให้ตามมาตรา 55 อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ดังนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ได้
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุก 15 ปี ลดโทษ-ตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทษะจึงลดโทษให้ตามมาตรา 55 อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ดังนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดในงานเลี้ยงสุรา ศาลตัดสินว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่พยายามฆ่า
มีการเลี้ยงอาหารและสุราคนงานในวันสิ้นปี ผู้เสียหายได้กล่าวอบรมคนงานให้สามัคคีกันจำเลยซึ่งเป็นคนงาน เมาสุราได้ชักมีดยาวทั้งตัวทั้งด้ามประมาณ 1 คืบ ออกมาแทงผู้เสียหาย 1 ที แล้ววิ่งหนีไป ผู้เสียหายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกลาง 9 วันแล้ว ซื้อยาไปรักษาตัวที่บ้านอีก 20 วัน แผลหายสนิท จึงไปทำงานตามปกติ แต่เหตุที่ผู้เสียหายไม่ไปทำงาน ไม่ปรากฏว่าหากขืนทำจะมีอาการเป็นประการใด แพทย์ประจำโรงพยาบาลกลางได้มาเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่าบาดแผลผู้เสียหายรักษา 15 วันหาย เช่นนี้วินิจฉัยว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254 เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องพยายามฆ่าคน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานทำร้ายร่างกายทำให้เสียโฉม
ใช้มีดฟันเขาถูกที่แก้มซ้ายเมื่อแผลหายแล้วเป็นแผลเป็นยาว 8 เซ็นติเมตรถึงใบหูกว้างประมาณ1เซ็นติเมตร เป็นแผลเป็นติดตัวแลเห็นได้ชัดในระยะห่างวาครึ่ง เป็นที่น่าเกลียดมากทำให้เสียความงามของใบหน้าดังนี้ เป็นแผลถึงรูปหน้าเสียโฉมติดตัวตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256(6) (อ้างฎีกาที่ 314/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1147/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายภริยา: การพิจารณาบาดแผลและโทษทางอาญา
สามีใช้ไม้และมือทำร้ายภริยา มีบาดแผลช้ำบวมที่อก, ที่ชายโครง และที่อวัยวะส่วนอื่นหลายแห่ง ต้องรักษาตัว 1 เดือนเศษ ดังนี้ ย่อมเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บ มีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1147/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายภริยา: บาดแผลถึงบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา
สามีใช้ไม้และมือทำร้ายภริยา มีบาดแผลช้ำบวมที่อกที่ชายโครง และที่อวัยวะส่วนอื่นหลายแห่ง ต้องรักษาตัว 1 เดือนเศษ ดังนี้ ย่อมเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บ มีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย แม้ฟ้องพยายามฆ่า
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายมีบาดแผลถึงบาดเจ็บ โดยจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่ลูกปืนที่ใช้ยิงมีแรงระเบิกไม่แรงพอ ผู้เสียหายจึงไม่ตาย ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าคนตายตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249,60 ดังนี้ เมื่อศาลพิจารณาเห็นว่าจำเลยมีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254 ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานทำร้าย่างกายตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254 ได้ ไม่เป็นการเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายิงเพื่อฆ่า แต่ไม่สำเร็จ ศาลลดโทษเป็นทำร้ายร่างกายได้
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายมีบาดแผลถึงบาดเจ็บ โดยจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่ลูกปืนที่ใช้ยิงมีแรงระเบิดไม่แรงพอผู้เสียหายจึงไม่ตาย ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าคนตายตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249,60 ดังนี้ เมื่อศาลพิจารณาเห็นว่าจำเลยมีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254. ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกาย ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 ได้ไม่เป็นการเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาทสมัครใจ: คู่กรณีทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ไม่อาจเป็นโจทก์ฟ้องได้
โจทก์จำเลยทะเลาโต้เถียงกันและเข้าทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันเป็นการสมัครใจเข้าวิวาท ดังนี้ ถือว่าโจทก์จำเลยไม่ใช่ผู้เสียหาย ฝ่ายใดจะมาเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและการเกินสมควรแก่เหตุในคดีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
มีคนขว้างบ้านจำเลยในเวลาค่ำคืน จำเลยจึงถือไฟฉายและขวานออกไปดูพบผู้ตาย ๆใช้มีดไล่แทงจำเลย ๆวิ่งหนีขึ้นเรือนผู้อื่น ไปจนมุมที่หัวบันได ผู้ตายยังตามขึ้นไปจะแทงจำเลยอีก จำเลยจึงใช้ขวานฟันผู้ตายไป 1 ที แล้วฟันต่อไปอีก 2 ที ผู้ตายถึงแก่ความตายณทีนั้นเอง ,ดังนี้ ถือได้ว่าผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุและไล่แทงจำเลยก่อน จำเลยหนีไปจนมุมแล้ว ก็ยังตามจะแทงจำเลยอีก การที่จำเลยฟันครั้งแรกแล้วยังฟันต่อไปอีกนั้น ก็เป็นเวลาฉุกละหุกและค่ำคืน ผู้ตายก็ถือมีดอยู่ในมืออาจจะแทงเอาขณะใดก็ได้ จึงถือได้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ