คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บังคับคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3034/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้จัดการมรดกบังคับคดีหลังผู้ชนะคดีถึงแก่ความตาย และการบังคับคดีเฉพาะที่ดินที่ถูกอายัด
ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี ต่อมาโจทก์ถึงแก่ความตายแม้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ไม่ได้ขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ผู้ร้องก็ย่อมมีสิทธิขอดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้เพราะกรณีไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ศาลพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนเนื้อที่ 200 ตารางวาในที่ดินโฉนดเลขที่ 1884 แก่โจทก์ แต่ปรากฏว่าจำเลยกับพวกได้นำที่ดินแปลงดังกล่าวไปแบ่งเป็นแปลงเล็ก ๆออกจำหน่ายก่อนแล้ว ในที่ดินจำนวนนี้ศาลชั้นต้นได้สั่งอายัดไว้ 4 แปลงสำหรับคดีนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่ายังมีที่ดินส่วนอื่นนอกจากที่ดิน 4 แปลงดังกล่าว ทั้งจำเลยก็ไม่ได้เสนอที่ดินส่วนอื่นให้โจทก์ ดังนี้ ผู้ร้องย่อมร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยโอนที่ดิน 4 แปลงดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องได้ ไม่เป็นการร้องขอให้โอนที่ดินแปลงอื่นนอกจากที่กล่าวในคำพิพากษาและคำบังคับ ทั้งไม่เป็นการพิพากษาและบังคับคดีนอกไปจากคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3034/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้จัดการมรดกบังคับคดีหลังผู้ชนะคดีเสียชีวิต และขอบเขตการบังคับคดีที่ดินแปลงย่อย
ศาลฎีกาพิพาากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี ต่อมาโจทก์ถึงแก่ความตามยแม้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ไม่ได้ขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ผู้ร้องก็ย่อมมีสิทธิขอดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้ เพราะกรณีไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42
ศาลพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนเนื่อที่ 200 ตารางวาในที่ดินโฉนดเลขที่ 1884 แก่โจทก์ แต่ปรากฏว่าจำเลยกับพวกได้นำที่ดินแปลงดังกล่าวไปแบ่งเป็นแปลงเล็ก ๆ ออกจำหน่ายก่อนแล้ว ในที่ดินจำนวนนี้ศาลชั้นต้นได้สั่งอายัดไว้ 4 แปลงสำหรับคดีนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่ายังมีที่ดินส่วนอื่นนอกจากที่ดิน 4 แปลงดังกล่าว ทั้งจำเลยก็ไม่ได้เสนอที่ดินส่วนอื่นให้โจทก์ ดังนี้ ผู้ร้องย่อมร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยโอนที่ดิน 4แปลงดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องได้ ไม่เป็นการร้องขอให้โอนที่ดินแปลงอื่นนอกจากที่กล่าวในคำพิพากษาและคำบังคับทั้งไม่เป็นการพิพากษาและบังคับคดีนอกไปจากคำฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3033/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีกับทรัพย์สินสมรส: ศาลอนุญาตขายทอดตลาดได้ แม้ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ไม่ตรงกับลูกหนี้
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและตึกแถวอ้างว่าเป็นของจำเลย แต่ปรากฏว่าโฉนดที่ดินมีชื่อ พ. และ อ. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โจทก์แถลงยืนยันว่าจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในฐานเป็นสินสมรส ทรัพย์สินที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินที่อาจบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 282 วรรคท้าย และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งการยึดโดยชอบแล้วไม่มีผู้ใดคัดค้าน ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินการขายทอดตลาดต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3033/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีทรัพย์สินสมรส แม้โฉนดไม่เป็นชื่อจำเลย ศาลอนุญาตขายทอดตลาดได้หากมีหลักฐานเป็นสินสมรส
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและตึกแถวอ้างว่าเป็นของจำเลย แต่ปรากฏว่าโฉนดที่ดินมีชื่อ พ.และอ. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โจทก์แถลงยืนยันว่าจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในฐานเป็นสินสมรส ทรัพย์สินที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินที่อาจบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 282 วรรคท้าย และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งการยึดโดยชอบแล้วไม่มีผู้ใดคัดค้าน ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินการขายทอดตลาดต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3033/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีกับทรัพย์สินสมรส: ยึดทรัพย์สินได้แม้ชื่อไม่ตรง หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นสินสมรส
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและตึกแถวอ้างว่าเป็นของจำเลย แต่ปรากฏว่าโฉนดที่ดินมีชื่อ พ.และอ. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โจทก์แถลงยืนยันว่าจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในฐานเป็นสินสมรส ทรัพย์สินที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินที่อาจบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 282 วรรคท้าย และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งการยึดโดยชอบแล้วไม่มีผู้ใดคัดค้าน ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินการขายทอดตลาดต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดบังคับคดี: สิทธิโจทก์ประมูล แม้ราคาต่ำกว่าจำนอง ไม่ถือเป็นโมฆะ
ได้มีการประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยรวม 9 ครั้งแล้วโดยเฉพาะในครั้งหลังสุด ทรัพย์รายการที่ 1 และที่ 2 โจทก์ผู้เข้าประมูลได้ให้ราคาสูงกว่าครั้งก่อน ๆ ทั้งจำเลยก็มิได้แถลงคัดค้าน เมื่อไม่ปรากฏว่าในการขายทอดตลาดได้มีการปฏิบัติไปในทางฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว แม้ราคาทรัพย์ที่โจทก์ประมูลได้จะมีราคาต่ำกว่าราคาที่โจทก์รับจำนองไว้ก็หาทำให้การซื้อขายทรัพย์เป็นไปโดยมิชอบและแม้โจทก์ชอบที่จะเอาทรัพย์จำนองหลุดเป็นสิทธิ แต่ก็เป็นสิทธิของโจทก์ที่จะเข้าสู้ราคาด้วยตนเองได้ หามีบทบัญญัติแห่งกฎหมายห้ามไว้แต่ประการใดไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลระงับการบังคับคดีตามคำพิพากษาเดิม หากจำเลยผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิเรียกร้องตามสัญญา
คดีนี้ถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่แบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์จำนวน 9 ส่วนใน 21 ส่วน ในระหว่างบังคับคดีโจทก์ จำเลยทั้งสี่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยศาลชั้นต้นรับรู้เป็นผู้ทำให้มีข้อตกลงกันไม่ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนี้ และให้ยุติคดีทุกคดีทั้งคดีที่พิพากษาแล้วและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล และตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินกันใหม่ เมื่อโจทก์จำเลยทั้งสี่ได้ลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวต่อหน้าศาลแล้ว จึงเป็นสัญญาที่ใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 โดยมีผลทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852การบังคับคดีนี้และมูลหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาจึงเป็นอันระงับสิ้นไป โจทก์ จำเลยทั้งสี่จึงต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว เมื่อจำเลยผิดสัญญาดังกล่าว โจทก์หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่จำเลยตามสิทธิที่เกิดขึ้นตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจะกลับมาขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งมูลหนี้ระงับไปแล้วหาได้ไม่. (อ้าง ฎีกา 626/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลระงับสิทธิเดิม การบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาจึงสิ้นสุดลง
คดีนี้ถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่แบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์จำนวน 9 ส่วนใน 21 ส่วน ในระหว่างบังคับคดีโจทก์ จำเลยทั้งสี่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยศาลชั้นต้นรับรู้เป็นผู้ทำให้มีข้อตกลงกันไม่ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนี้และให้ยุติคดีทุกคดีทั้งคดีที่พิพากษาแล้วและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล และตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินกันใหม่ เมื่อโจทก์จำเลยทั้งสี่ได้ลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวต่อหน้าศาลแล้ว จึงเป็นสัญญาที่ใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850 โดยมีผลทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 การบังคับคดีนี้และมูลหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาจึงเป็นอันระงับสิ้นไปโจทก์ จำเลยทั้งสี่จึงต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว เมื่อจำเลยผิดสัญญาดังกล่าว โจทก์หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่จำเลยตามสิทธิที่เกิดขึ้นตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจะกลับมาขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งมูลหนี้ระงับไปแล้วหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ: ยุติบังคับคดีและสร้างสิทธิใหม่
คดีนี้ถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่แบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์จำนวน 9 ส่วนใน 21 ส่วน ในระหว่างบังคับคดีโจทก์ จำเลยทั้งสี่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยศาลชั้นต้นรับรู้เป็นผู้ทำให้มีข้อตกลงกันไม่ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนี้ และให้ยุติคดีทุกคดีทั้งคดีที่พิพากษาแล้วและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล และตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินกันใหม่ เมื่อโจทก์จำเลยทั้งสี่ได้ลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวต่อหน้าศาลแล้ว จึงเป็นสัญญาที่ใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 โดยมีผลทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852การบังคับคดีนี้และมูลหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาจึงเป็นอันระงับสิ้นไป โจทก์ จำเลยทั้งสี่จึงต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว เมื่อจำเลยผิดสัญญาดังกล่าว โจทก์หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่จำเลยตามสิทธิที่เกิดขึ้นตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจะกลับมาขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งมูลหนี้ระงับไปแล้วหาได้ไม่.(อ้าง ฎีกา 626/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์ สินสมรส การฉ้อฉล และสิทธิคู่ความในคดีบังคับคดี
การขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดต้องเป็นเรื่องที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ดังกล่าว การที่ผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ผู้ร้องกับจำเลยจึงเป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกัน ผู้ร้องหามีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไม่ และที่ผู้ร้องอ้างว่า สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยเป็นนิติกรรมอันเกิดจากการฉ้อฉลทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบ หากเป็นดังข้ออ้าง ผู้ร้องก็จะต้องฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนการฉ้อฉลนั้นเสียก่อนจะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนในคดีซึ่งตนมิได้เป็นคู่ความหาได้ไม่ คดีร้องขัดทรัพย์ จำเลยจะเข้ามาในคดีหรือไม่ก็ได้ เมื่อเข้ามาแล้วจำเลยก็มีฐานะเป็นคู่ความ มีสิทธิได้ค่าฤชาธรรมเนียม
of 270