คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้เสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,243 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2566

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินชำระหนี้เพื่อบรรเทาโทษและการไม่มีสิทธิขอคืนเงินเมื่อผู้เสียหายรับเงินแล้ว
ศาลนำเรื่องการวางเงินชำระหนี้บางส่วนของจำเลยมาพิจารณาประกอบเป็นเหตุบรรเทาโทษและลดโทษให้แก่จำเลย เท่ากับจำเลยได้รับประโยชน์จากการวางเงินดังกล่าวแล้ว ซึ่งการวางเงินของจำเลยก็เจตนาเพื่อชำระหนี้ตามเช็คให้ผู้เสียหายมารับไป และเมื่อผู้จัดการมรดกผู้เสียหายแสดงความประสงค์ขอรับเงินดังกล่าวแล้ว จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะขอถอนเงินที่วางไว้ต่อศาลชั้นต้นคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2118/2566

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้เสียหายในคดีฟอกเงิน: การพิจารณาความเสียหายจากการฉ้อโกงประชาชนและทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหายต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 49 วรรคหก แม้มีระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายในความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2559 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (5/1) แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 และข้อ 2 (6) แห่งประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจของคณะกรรมการธุรกรรม ลงวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558 โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการประชุมครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายในความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 กำหนดความหมาย "ผู้เสียหาย" ตามมาตรา 49 วรรคหก แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ไว้ แต่ระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมดังกล่าวเป็นเพียงระเบียบของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่ออกเพื่อให้สำนักงานปฏิบัติ ไม่อาจนำมาพิจารณาถึงสิทธิของผู้เสียหาย ตามที่มาตรา 49 วรรคหก บัญญัติได้ ฉะนั้น เมื่อตามคำร้องขอของผู้ร้อง ศ. กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตาม ป.อ. และความผิดเกี่ยวกับการยักยอกตาม ป.อ. อันมีลักษณะเป็นปกติธุระตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (3) (18) ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานแห่งคดีนี้ การที่ตามคำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 อ้างว่า ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 เป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ผู้คัดค้านที่ 5 ได้ชำระเงินฝากสะสมหุ้นและเงินฝากออมทรัพย์แก่ผู้คัดค้านที่ 5 และได้รับความเสียหายที่ต้องสูญเสียเงินจากการกระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตาม ป.อ. ของ ศ. กับพวกตามที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอ ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ย่อมเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิด จึงเป็นผู้เสียหายในความผิดมูลฐานนี้ และมีสิทธิร้องคัดค้านขอให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ได้ แม้ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ไม่ได้อ้างว่าเป็นผู้เสียหายในความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการยักยอกตาม ป.อ. อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ หรือผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานดังกล่าวตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมา แต่เมื่อยังไม่ปรากฏว่ามีการกระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนเกิดขึ้นหรือไม่ หรือมีการกระทำความผิดมูลฐานใดเกิดขึ้นตามคำร้องขอของผู้ร้อง การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมที่รับคำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 เป็นไม่รับคำคัดค้าน และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานและไม่รับคำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 จึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2566

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดแจ้งความเท็จและแจ้งให้จดข้อความเท็จ รวมถึงการเป็นผู้เสียหายและการฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
การบรรยายฟ้องความผิดฐานแจ้งความเท็จ ต้องระบุชัดเจนถึงข้อความเท็จนั้นว่ามีข้อความเป็นอย่างไร และความจริงเป็นอย่างไร คำฟ้องของโจทก์บรรยายเพียงว่า จำเลยนำข้อความอันเป็นเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นเทศบาล น. เพื่อขอคัดสำเนารายการทะเบียนราษฎรของผู้มีชื่อ แต่ข้อความเท็จนั้นจำเลยแจ้งว่าอย่างไรไม่ปรากฏ และถึงแม้โจทก์จะบรรยายฟ้องไว้ด้วยว่าในการขอคัดสำเนารายการทะเบียนราษฎร จำเลยแสดงข้อความอันเป็นเท็จด้วยการปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง แต่โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องบรรยายฟ้องให้ชัดเจนด้วยว่าข้อความจริงที่จำเลยปกปิดไว้เป็นอย่างไร เหตุใดการปกปิดไว้นั้นจึงถือได้ว่าเป็นการแจ้งข้อความเท็จ
การแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี แม้หากเหตุผลอันจำเลยอ้างในคำร้องเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือรายงานต่อศาลเพื่อจับกุมและกักขังผู้มีชื่อซ้ำอีกครั้งหนึ่งจะเป็นความเท็จ แต่ก็เป็นกรณีที่จำเลยกระทำต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยตรง หาได้เกี่ยวข้องหรือกระทบกระเทือนถึงส่วนได้เสียใด ๆ ของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จของจำเลย โจทก์จึงไม่เป็นผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ
โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานตาม ป.อ. มาตรา 267 แต่เพียงว่าจำเลยไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้มีหนังสือรายงานต่อศาลเพื่อจับกุมและกักขังผู้มีชื่อโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จหาได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจดข้อความอันเป็นเท็จใดลงในเอกสารราชการใด ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานอย่างไร ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิด ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)
of 125