คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำร้ายร่างกาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธการสมรสและการเรียกคืนหมั้นเนื่องจากทำร้ายร่างกาย และการแบ่งทรัพย์สินจากการลงทุนร่วม
ชายหญิงทำพิธีแต่งงานกันตามประเพณี แต่หญิงไม่ยอมหลับนอนร่วมประเวณีกับชายฉันท์สามีภริยาโดยแยกไปนอนเสียคนละห้องกับชายอยู่มาประมาณ 10 วัน มารดาของหญิงบอกให้ชายพาหญิงเข้าห้องเอาเอง ชายจึงเข้าไปจับเอวหญิงออกมาจากห้องที่หญิงนอน หญิงฉวยแจกันตีศีร์ษะชายแตก โลหิตออกแจกันหักแล้วยังใช้แจกันตีชายถูกโหนกแก้มเป็นบาดแผลต้องเย็บถึง 7 เข็มชายจึงกลับบ้านและไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับหญิง ดังนี้ถือว่าการกระทำของหญิงเป็นเหตุผลสำคัญอันพอที่จะทำให้ชายปฏิเสธไม่ยอมสมรสด้วยหญิงตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1441 ได้ ชายจึงมีสิทธิเรียกของหมั้นคืนจากหญิงได้
โจทก์จำเลยร่วมกันนำสัมภาระและลงทุนปลูกสร้างเรือนขึ้น 1 หลัง แต่ไม่ได้ความพอจะชี้ได้ว่าสัมภาระชิ้นใดเป็นของผู้ใดได้ทุกชิ้น ทั้งไม่ได้ความว่าแต่ละฝ่ายได้มีส่วนเป็นเจ้าของอยู่เกินกว่าครึ่ง ดังนี้ต้องถือว่า โจทก์และจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของเรือนรายนี้เท่า ๆ กัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันเกียรติยศเกินสมควร: การทำร้ายร่างกายชู้รักจนถึงแก่ความตาย
ใช้มีดฟันชายที่กำลังทำชู้กับภริยาตน แล้วยังไล่ติดตามฟันชายนั้นอีกจนชายนั้นถึงแก่ความตายดังนี้ ถือว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศ แต่ได้ทำไปเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันเกียรติยศเกินเหตุ: การทำร้ายร่างกายผู้ชู้
ใช้มีดฟันชายที่กำลังทำชู้กับภริยาตน แล้วยังไล่ติดตามฟันชายนั้นอีกจนชายนั้นถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศแต่ได้ทำไปเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การยิงเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังถูกทำร้าย ไม่ถือเป็นการป้องกันโดยชอบธรรม
จำเลยทั้ง 5 คนต่างมีอาวุธตามหาบุตรสาวของจำเลยที่ 2 ไปถึงที่พักของชายแล้วจะเข้าคค้นหาบุตรสาวในที่พักนั้น ชายเจ้าของที่พักไม่ยอมให้เข้าไป จำเลยที่ 2 ขืนจะเข้าไปให้ได้ ชายเจ้าของที่พักจึงเอาขวานเงื้อจะฟันจำเลยที่ 2 เอาหอกค้ำไว้ชายนั้นจะฟันซ้ำอีก จำเลยที่ 1 จึงใช้ปืนยิงชายนั้นตายดังนี้ จำเลยที่ 1 จะอ้างว่ากระทำโดยป้องกันไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินกว่าเหตุ: การใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันการทำร้ายด้วยขวาน
จำเลยทั้ง 5 คนต่างมีอาวุธตามหาบุตรสาวของจำเลยที่ 2 ไปถึงที่พักของชายแล้วจะเข้าค้นหาบุตรสาวในที่พักนั้น ชายเจ้าของที่พักไม่ยอมให้เข้าไป จำเลยที่2 ขืนจะเข้าไปให้ได้ ชายเจ้าของที่พักจึงเอาขวานเงื้อจะฟัน จำเลยที่ 2 เอาหอกค้ำไว้ ชายนั้นจะฟันซ้ำอีกจำเลยที่ 1จึงใช้ปืนยิงชายนั้นตายดังนี้จำเลยที่ 1 จะอ้างว่ากระทำโดยป้องกันไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาฐานสมคบปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาฆ่าต้องระบุชัดเจน
ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันปล้นทรัพย์และใช้สาตราวุธตีแทงและฟันเจ้าทรัพย์มีบาดเจ็บหลายแห่ง เจ้าทรัพย์ทนพิษบาดแผลไม่ได้ถึงแก่ความตายในทันใดนั้นเอง ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการที่จะหลีกเลี่ยงอาญาและเพื่อจะเอาประโยชน์จากการกระทำผิด ไม่ได้บรรยายไว้ด้วยว่าในการทำร้ายเจ้าทรัพย์นั้นจำเลยมีเจตนาจะฆ่าเจ้าทรัพย์ให้ตายโดยเจตนาด้วย ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษตามมาตรา 250 ด้วย แม้โจทก์จะได้อ้างมาตรา 250มาในคำขอท้ายฟ้องด้วยก็ดี ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 250หาได้ไม่ คงลงโทษจำเลยได้แต่ตามมาตรา 301 ตอนท้ายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายหลังลักทรัพย์ถือเป็นชิงทรัพย์ กรรมต่อเนื่อง
จำเลยลักไก่เขาไปเจ้าทรัพย์ติดตามพบในเวลากระชั้นชิด แล้วแย่งไก่คืนจากจำเลย ๆ จึงทำร้ายเจ้าทรัพย์ เพราะเจ้าทรัพย์แย่งไก่ที่จำเลยลักไปคืนจากจำเลยย่อมเป็นการใช้กำลังทำร้ายเพื่อประสงค์จะเอาผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่จำเลยลักทรัพย์ตามความใน ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 298(3) จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานชิงทรัพย์ กรรมที่จำเลยกระทำการลักและทำร้ายร่างกายเจ้าทรัพย์นั้นเป็นกรรมที่ต่อเนื่องเรื่องเดียวกัน หาใช่ต่างกรรมต่างวาระกันไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดต่อผลจากการกระทำโดยตรง: การทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส
บุคคลผู้กระทำผิดย่อมต้องรับผิดต่อผลโดยตรง อันบังเกิดขึ้นตามธรรมดาจากการกระทำของตน
จำเลยใช้พายตีเขาถึงสลบ ขากรรไกรข้างซ้ายหัก ฟันโยกคลอนทั้งแถบประมาณ 7 ซี่ รักษาแพทย์แผนโบราณใส่น้ำมันอยู่ 3-4 วันแผลเป็นหนองในปาก เจ็บปวดได้รับทุกข์เวทนาแก่กล้าและไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพตามปกติอยู่เดือนครึ่งจึงไปรักษาที่โรงพยาบาลกลาง แพทย์ที่โรงพยาบาลกลางว่าถ้ามาใหม่ ๆ ก็จะหายเร็วกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้กล่าวว่าจะหายภายในกี่วัน ดังนี้การเจ็บปวดร้ายแรงของผู้ถูกบาดเจ็บเกิดขึ้นตามธรรมดาจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 256

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดต่อผลจากการกระทำโดยตรง: การทำร้ายร่างกาย
บุคคลผู้กระทำผิดย่อมต้องรับผิดต่อผลโดยตรง อันบังเกิดขึ้นตามธรรมดาจากการกระทำของตน
จำเลยใช้พายตีเขาถึงสลบขากรรไกรข้างซ้ายหักฟันโยกคลอนทั้งแถบประมาณ 7 ซี่ รักษาแพทย์แผนโบราณใส่น้ำมันอยู่ 3-4 วันแผลเป็นหนองในปาก เจ็บปวดได้รับทุกข์เวทนาแก่กล้าและไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพตามปกติอยู่เดือนครึ่งจึงไปรักษาที่โรงพยาบาลกลางแพทย์ที่โรงพยาบาลกลางว่าถ้ามาใหม่ๆ ก็จะหายเร็วกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้กล่าวว่าจะหายภายในกี่วันดังนี้การเจ็บปวดร้ายแรงของผู้ถูกบาดเจ็บเกิดขึ้นตามธรรมดาจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 256

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาที่ขาดรายละเอียดการกระทำความผิด ศาลไม่สามารถลงโทษฐานทำร้ายร่างกายได้
โจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 5 ถึงที่ 10 อีกฝ่ายหนึ่งต่างมีสาตราวุธ วิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง และในการวิวาทต่อสู้กันนี้ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ได้สมคบกันทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 5 ที่ 6 ถึงบาดเจ็บและจำเลยที่ 5 ถึงที่ 10 ได้สมคบกันทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 1 ที่ 2 ถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254,335(6) ดังนี้ฟ้องในตอนหลังที่กล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายนั้น มิได้บรรยายรายละเอียดว่าคนไหนทำคนไหนให้ชัดแจ้ง ย่อมถือได้เพียงว่าจำเลยวิวาทกันถึงแก่มีบาดเจ็บเท่านั้น ศาลจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254 ไม่ได้
of 184