พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,786 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1400/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการปล่อยทรัพย์: ศาลชั้นต้นสั่งปล่อยทรัพย์แล้วโจทก์ไม่โต้แย้ง ถือเป็นที่สุด ส่วนข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิในมรดกต้องไปฟ้องร้องอีกคดี
ในชั้นบังคับคดีมีผู้ร้องหลายรายร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเมื่อศาลชั้นต้นสั่งปล่อยทรัพย์แล้วโจทก์มิได้อุทธรณ์ การปล่อยทรัพย์ในชั้นบังคับคดีก็ย่อมเสร็จสิ้นไป ผู้ร้องด้วยกันจะอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดข้อโต้แย้งระหว่างผู้ร้องด้วยกันและจำเลยว่าฝ่ายใดจะมีกรรมสิทธิในทรัพย์สินนั้นอีกนั้น ไม่มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ควรจะต้องไปว่ากล่าวกันอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1391/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่ชัดเจน ขาดประเด็นพิจารณา ศาลยกฟ้องคดีจัดการมรดก
ฟ้องอ้างว่า จำเลยเข้าจัดการมรดกของผู้ตายโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงขอให้ถอดถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย และตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการแทนนั้น เมื่อปรากฎว่า
ทรัพย์อันอ้างว่าเป็นมรดกนั้นจะมีอยู่หรือไม่ก็ไม่ทราบ ทั้งอ้างว่าจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกโดยไม่ชอบอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุอันใดที่ศาลจะต้องพิจารณาในข้อถอดถอนจำเลยและตั้งโจทก์ในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกที่ไม่ปรากฎว่ามีอยู่หรือไม่
ทรัพย์อันอ้างว่าเป็นมรดกนั้นจะมีอยู่หรือไม่ก็ไม่ทราบ ทั้งอ้างว่าจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกโดยไม่ชอบอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุอันใดที่ศาลจะต้องพิจารณาในข้อถอดถอนจำเลยและตั้งโจทก์ในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกที่ไม่ปรากฎว่ามีอยู่หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1391/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดกที่ไม่ถูกต้องและการขอเป็นผู้จัดการมรดกใหม่
ฟ้องอ้างว่า จำเลยเข้าจัดการมรดกของผู้ตายโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงขอให้ถอดถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย และตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการแทนนั้น เมื่อปรากฏว่าทรัพย์อันอ้างว่าเป็นมรดกนั้นจะมีอยู่หรือไม่ก็ไม่ทราบ ทั้งอ้างว่าจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกโดยไม่ชอบอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุอันใดที่ศาลจะต้องพิจารณาในข้อถอดถอนจำเลย และตั้งโจทก์ในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกที่ไม่ปรากฏว่ามีอยู่หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินหลังมีคำพิพากษาตามยอม และการเรียกร้องสิทธิในที่ดินโดยอ้างเป็นมรดก
โจทก์จำเลยตกลงประนีประนอมยอมความกันต่อศาล และศาลพิพากษาตามยอมว่าที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายด้านกว้างยาวและทิศติดต่อปรากฏตามหนังสือสัญญาซื้อขายตามบัญชีท้ายคำร้องรวมเป็นเนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 45 วาเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ เหลือที่ดินนอกสัญญาซื้อขายให้เป็นกรรมสิทธิ์กับจำเลยต่อไป แต่มิได้มีการทำแผนที่ในคดีนั้นแต่อย่างใดนั้น เป็นการพิพากษาคดีไปตามข้อตกลงของคู่ความ หาได้พิพากษาแสดงกรรมสิทธิ์ของจำเลยว่ามีอยู่แค่ไหนเพียงไรไม่ ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่าเนื้อที่ตามสัญญาซื้อขายที่ยอมความกันนั้น เจ้าพนักงานลงเนื้อที่ผิดไป โจทก์ได้ขอให้แก้เสียใหม่ให้ถูกต้องเป็นเนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน 46 วา แล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยอ้างว่า สามีโจทก์ได้ซื้อที่ดินแปลงนี้มาจากมารดาจำเลย แล้วสามีโจทก์กับโจทก์ได้ปกครองที่แปลงนี้ ต่อมาจำเลยมาขัดขวางสิทธิโดยไปร้องขอจัดการมรดกมารดาจำเลยขอให้แสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ซึ่งปรากฏในคดีก่อนนั้นเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินพิพาทนี้ เป็นมรดกของสามีโจทก์ตกเป็นของโจทก์และบุตรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างพินัยกรรมปลอมและการแบ่งมรดก กรณีทรัพย์สินจากการสมรสเดิม
โจทก์ฟ้องอ้างว่ามารดาโจทก์มีสินเดิมและสินสมรสกับบิดาโจทก์ มารดาโจทก์ถึงแก่กรรม จึงตกทอดเป็นมรดกได้แก่โจทก์กับน้องและบิดา ต่อมาบิดาโจทก์ถึงแก่กรรมอีก จำเลยเป็นภรรยาน้อยบิดาโจทก์ ไม่มีสินเดิมได้นำสำเนาพินัยกรรมปลอมไปอ้างขอรับมรดกของบิดาโจทก์ โจทก์จึงขอให้ศาลทำลายพินัยกรรมปลอมนั้น ถ้าเป็นพินัยกรรมจริง บิดาโจทก์ก็ไม่มีอำนาจที่จะเอาส่วนสินเดิมและสินสมรสของมารดาโจทก์ไปทำได้ จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยเอาทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องขายทอดตลาดแบ่งกัน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพินัยกรรมที่โต้เถียงเป็นพินัยกรรมจริงแล้ว และข้อที่โจทก์ว่าบิดาโจทก์เอาสินบริคณห์ระหว่างมารดาโจทก์กับบิดาโจทก์มาทำพินัยกรรมยกให้จำเลยเป็นการไม่ชอบนั้น ก็ได้ความว่าบิดาโจทก์แต่งงานอยู่กินกับจำเลยมาร่วม 20 ปีเศษ เกิดบุตรด้วยกันหลายคน ส่วนมารดาโจทก์อยู่เมืองจีน มิได้มาอยู่ร่วมด้วยเลย และโจทก์สืบไม่ได้ว่าบิดาโจทก์ได้นำทรัพย์ของมารดาโจทก์มาเป็นทุน อันเป็นทางให้เกิดสมรสอย่างใด ไม่มีเหตุพอที่จะให้รับฟังได้ว่าทรัพย์สิ่งใดบ้างเป็นส่วนของมารดาโจทก์ ฉะนั้นเมื่อบิดาโจทก์ได้ทำพินัยกรรมให้จำเลย ก็ไม่มีทางจะแบ่งให้โจทก์ได้
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพินัยกรรมที่โต้เถียงเป็นพินัยกรรมจริงแล้ว และข้อที่โจทก์ว่าบิดาโจทก์เอาสินบริคณห์ระหว่างมารดาโจทก์กับบิดาโจทก์มาทำพินัยกรรมยกให้จำเลยเป็นการไม่ชอบนั้น ก็ได้ความว่าบิดาโจทก์แต่งงานอยู่กินกับจำเลยมาร่วม 20 ปีเศษ เกิดบุตรด้วยกันหลายคน ส่วนมารดาโจทก์อยู่เมืองจีน มิได้มาอยู่ร่วมด้วยเลย และโจทก์สืบไม่ได้ว่าบิดาโจทก์ได้นำทรัพย์ของมารดาโจทก์มาเป็นทุน อันเป็นทางให้เกิดสมรสอย่างใด ไม่มีเหตุพอที่จะให้รับฟังได้ว่าทรัพย์สิ่งใดบ้างเป็นส่วนของมารดาโจทก์ ฉะนั้นเมื่อบิดาโจทก์ได้ทำพินัยกรรมให้จำเลย ก็ไม่มีทางจะแบ่งให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มรดกของพระภิกษุตกเป็นของวัด แม้ทายาทครอบครองเกิน 10 ปี ก็อ้างไม่ได้
พระภิกษุถึงมรณะภาพในขณะที่เป็นพระภิกษุอยู่ โดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้ใคร มรดกของพระภิกษุนั้นย่อมตกได้แก่วัดที่พระภิกษุนั้นอยู่ แม้ทายาทจะครอบครองที่ดินมรดกของพระภิกษุนั้นเกิน 10 ปี นับแต่วันมรณภาพทายาทนั้นก็จะเอาที่ดินมรดกนั้นไม่ได้ เพราะที่ดินมรดกนั้นเป็นของวัด จะใช้อายุความ 10 ปียันวัดให้เสียสิทธิหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มรดกพระภิกษุ: ตกเป็นของวัด แม้ครอบครองนานเกิน 10 ปี ก็มิอาจอ้างกรรมสิทธิ์ได้
พระภิกษุถึงมรณภาพในขณะที่เป็นพระภิกษุอยู่ โดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้ใคร มรดกของพระภิกษุนั้นย่อมตกได้แก่วัดที่พระภิกษุนั้นอยู่ แม้ทายาทจะครอบครองที่ดินมรดกของพระภิกษุนั้นเกิน 10 ปีนับแต่วันมรณภาพทายาทนั้นก็จะเอาที่ดินมรดกนั้นไม่ได้ เพราะที่ดินมรดกนั้นเป็นของวัด จะใช้อายุความ 10 ปียันวัดให้เสียสิทธิหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของคนต่างด้าวในการฟ้องร้องคดีที่ดินมรดก ผู้เช่าไม่อาจโต้แย้งสิทธิผู้ให้เช่า
คนต่างด้าวจะมีกรรมสิทธิในที่ดินได้เพียงใด หรือไม่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับคนต่างด้าวเมื่อคนต่างด้าวได้รับมรดกที่ดินของบุตรมา คนต่างด้าวผู้เป็นบิดา ก็ย่อมมีสิทธิเหนือที่ดินนั้นและย่อมมีสิทธิฟ้องผู้เช่าที่ดินนั้นเมื่อผู้เช่าผิดสัญญาเช่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินของคนต่างด้าว: มรดกและการฟ้องร้องสัญญาเช่า
คนต่างด้าวจะมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้เพียงใด หรือไม่ เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับคนต่างด้าว เมื่อคนต่างด้าวได้รับมรดกที่ดินของบุตรมา คนต่างด้าวผู้เป็นบิดา ก็ย่อมมีสิทธิเหนือที่ดินนั้นและย่อมมีสิทธิฟ้องผู้เช่าที่ดินนั้นเมื่อผู้เช่าทำผิดสัญญาเช่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์มรดกโดยวิธีประมูลราคาระหว่างเจ้าของรวมตามพินัยกรรมและสิทธิเรียกร้องให้แบ่งทรัพย์
ผู้ตายทำพินัยกรรมยกที่ดินบ้านเรือนให้โจทก์จำเลยคนละเท่าๆกัน โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าต่อไปภายหน้าผู้ที่ได้รับที่ดินบ้านเรือนนี้คนใดไม่ต้องการที่ดินบ้านเรือนรายนี้ ต้องขายให้แก่บรรดาผู้ที่ยังคงต้องการ โดยกำหนดราคาไว้ ผู้ใดที่ไม่ต้องการ ก็ให้ได้รับเงินแทนค่าที่ดินบ้านเรือนไปตามส่วนที่ตีราคาไว้ในพินัยกรรมนี้ โดยให้ผู้ต้องการอยู่จ่ายเงินตามส่วนที่กำหนดไว้นี้ให้ไป ผู้ใดไม่ต้องการ จะเรียกร้องเอาราคาที่เกินกว่าที่กำหนดไว้นี้ไม่ได้ ดังนี้ โจทก์ก็ยังมีสิทธิที่จะฟ้องร้องขอให้แบ่งทรัพย์รายนี้โดยวิธีประมูลราคาระหว่างโจทก์จำเลย ซึ่งถ้าไม่ตกลงกันก็ขายทอดตลาด เอาเงินมาแบ่งปันกันได้ เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ต้องการทรัพย์ที่ยกให้ตามพินัยกรรม อันจะต้องขายให้ผู้รับทรัพย์ร่วมกันตามข้อกำหนดในในพินัยกรรม แต่เป็นเรื่องที่โจทก์เรียกร้องให้แบ่งทรัพย์ที่โจทก์ได้รับมาแล้วร่วมกับจำเลยตามพินัยกรรม์