คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เลิกจ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,045 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2964/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีแรงงาน: การเรียกร้องเงินบำเหน็จหลังคดีเลิกจ้างไม่เป็นธรรมถึงที่สุดแล้ว
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิม หรือใช้ค่าเสียหายและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษายืนคดีถึงที่สุด โจทก์มาฟ้องจำเลยเรียกเงินบำเหน็จเป็นคดีนี้ ซึ่งสิทธิฟ้องเรียกเงินบำเหน็จนี้มีมูลมาจากการเลิกจ้างของจำเลย โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้จากจำเลยได้เมื่อโจทก์ฟ้องคดีก่อนอยู่แล้ว แต่โจทก์มิได้ฟ้องรวมไปในคดีก่อนกลับมาฟ้องใหม่ในคดีนี้อีกโดยอาศัยเหตุการเลิกจ้างคราวเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2964/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีแรงงาน: สิทธิเรียกร้องเงินบำเหน็จจากเหตุเลิกจ้างเดิม หากไม่ได้ฟ้องรวมในคดีก่อน
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิม หรือใช้ค่าเสียหายและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษายืนคดีถึงที่สุด โจทก์มาฟ้องจำเลยเรียกเงินบำเหน็จเป็นคดีนี้ ซึ่งสิทธิฟ้องเรียกเงินบำเหน็จนี้มีมูลมาจากการเลิกจ้างของจำเลย โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้จากจำเลยได้เมื่อโจทก์ฟ้องคดีก่อนอยู่แล้ว แต่โจทก์มิได้ฟ้องรวมไปในคดีก่อนกลับมาฟ้องใหม่ในคดีนี้อีกโดยอาศัยเหตุการเลิกจ้างคราวเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2964/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีแรงงาน: การเรียกเงินบำเหน็จหลังศาลตัดสินการเลิกจ้างแล้ว
โจทก์เคยฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมคดีนั้นศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้ไม่เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมโจทก์จึงมาฟ้องเรียกเงินบำเหน็จจากจำเลยในคดีนี้เมื่อสิทธิฟ้องเรียกเงินบำเหน็จมีมูลมาจากการเลิกจ้างของจำเลยคราวเดียวกันแต่โจทก์มิได้ฟ้องรวมไปในคดีก่อนกลับมาฟ้องใหม่คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำตามป.วิ.พ.มาตรา148ประกอบด้วยพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา31.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2964/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีแรงงาน: การเรียกร้องเงินบำเหน็จหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมหรือใช้ค่าเสียหายและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องศาลฎีกาพิพากษายืนคดีถึงที่สุดโจทก์มาฟ้องจำเลยเรียกเงินบำเหน็จเป็นคดีนี้ซึ่งสิทธิฟ้องเรียกเงินบำเหน็จนี้มีมูลมาจากการเลิกจ้างของจำเลยโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้จากจำเลยได้เมื่อโจทก์ฟ้องคดีก่อนอยู่แล้วแต่โจทก์มิได้ฟ้องรวมไปในคดีก่อนกลับมาฟ้องใหม่ในคดีนี้อีกโดยอาศัยเหตุการเลิกจ้างคราวเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา31.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2923/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างพนักงานขับรถล่าช้า ไม่ถือเป็นเจตนาทำให้เกิดความเสียหาย หากไม่มีหลักฐานเจตนาประวิงเวลา
โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานขับรถของจำเลยขับรถบรรทุกสินค้าไปถึงปลายทางล่าช้ากว่ากำหนด 3 ชั่วโมง เพราะขับออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้ความว่าโจทก์มีเจตนาประวิงเวลาการทำงานหรือมีเจตนาที่จะไม่ให้สินค้าลงเรือทันตามกำหนด จะถือว่าโจทก์จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายไม่ได้ จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุนี้จึงต้องจ่ายค่าชดเชย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2923/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างพนักงานขับรถ: การขับรถล่าช้าโดยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่ถือเป็นเหตุเลิกจ้างได้
โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานขับรถของจำเลยขับรถบรรทุกสินค้าไปถึงปลายทางล่าช้ากว่ากำหนด 3 ชั่วโมง เพราะขับออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้ความว่าโจทก์มีเจตนาประวิงเวลาการทำงานหรือมีเจตนาที่จะไม่ให้สินค้าลงเรือทันตามกำหนด จะถือว่าโจทก์จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายไม่ได้ จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุนี้จึงต้องจ่ายค่าชดเชย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2923/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างพนักงานขับรถ: การกระทำที่ล่าช้าไม่ถือเป็นเจตนาทำให้เกิดความเสียหาย
โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานขับรถของจำเลยขับรถบรรทุกสินค้าไปถึงปลายทางล่าช้ากว่ากำหนด3ชั่วโมงเพราะขับออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้ความว่าโจทก์มีเจตนาประวิงเวลาการทำงานหรือมีเจตนาที่จะไม่ให้สินค้าลงเรือทันตามกำหนดจะถือว่าโจทก์จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายไม่ได้จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุนี้จึงต้องจ่ายค่าชดเชย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2905/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม: ลูกจ้างทุกประเภทได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.แรงงาน
โจทก์ฟ้องอ้างว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยสิทธิตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 ซึ่งมิได้กำหนดหรือแบ่งแยกประเภทของลูกจ้างที่มีสิทธิฟ้องร้องไว้ ลูกจ้างทุกประเภทจึงมีสิทธิฟ้องนายจ้างได้เมื่อถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรมดังนั้น ไม่ว่าโจทก์จะเป็นลูกจ้างชั่วคราวรายวันหรือลูกจ้างประจำก็ย่อมได้รับความคุ้มครองจากบทกฎหมายดังกล่าวเช่นเดียวกัน
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 บัญญัติให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้างว่ากรณีที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างไม่เป็นธรรมหรือไม่มีเหตุอันสมควร ลูกจ้างมีสิทธิฟ้องบังคับให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือใช้ค่าเสียหายได้ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยประสงค์เพียงจะรับทหารผ่านศึกซึ่งพิการทุพพลภาพและครอบครัวเข้าทำงานแทนโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยประการใด ย่อมเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความกระทบกระเทือนต่อการประกอบอาชีพตามปกติ จึงไม่ใช่เหตุอันสมควร ถือว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานได้เพราะมีงบประมาณจำกัดและไม่มีตำแหน่งงานให้โจทก์ ในข้อนี้จำเลยมิได้ให้การเป็นประเด็นไว้ในคำให้การ จึงเป็นเรื่องที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2905/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม: ลูกจ้างทุกประเภทมีสิทธิฟ้องร้องตาม พ.ร.บ.แรงงาน
โจทก์ฟ้องอ้างว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยสิทธิตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49 ซึ่งมิได้กำหนดหรือแบ่งแยกประเภทของลูกจ้างที่มีสิทธิฟ้องร้องไว้ ลูกจ้างทุกประเภทจึงมีสิทธิฟ้องนายจ้างได้เมื่อถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรมดังนั้น ไม่ว่าโจทก์จะเป็นลูกจ้างชั่วคราวรายวันหรือลูกจ้างประจำก็ย่อมได้รับความคุ้มครองจากบทกฎหมายดังกล่าวเช่นเดียวกัน
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 49 บัญญัติให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้างว่ากรณีที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างไม่เป็นธรรมหรือไม่มีเหตุอันสมควร ลูกจ้างมีสิทธิฟ้องบังคับให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือใช้ค่าเสียหายได้ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยประสงค์เพียงจะรับทหารผ่านศึกซึ่งพิการทุพพลภาพและครอบครัวเข้าทำงานแทนโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยประการใด ย่อมเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความกระทบกระเทือนต่อการประกอบอาชีพตามปกติ จึงไม่ใช่เหตุอันสมควร ถือว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานได้เพราะมีงบประมาณจำกัดและไม่มีตำแหน่งงานให้โจทก์ ในข้อนี้จำเลยมิได้ให้การเป็นประเด็นไว้ในคำให้การ จึงเป็นเรื่องที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2905/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: ลูกจ้างมีสิทธิฟ้องร้อง แม้เป็นลูกจ้างชั่วคราว และจำเลยยกเหตุผลเรื่องงบประมาณไม่ได้
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมเป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยสิทธิตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา49ซึ่งมิได้กำหนดหรือแบ่งแยกประเภทของลูกจ้างที่มีสิทธิฟ้องร้องไว้ลูกจ้างทุกประเภทจึงมีสิทธิฟ้องนายจ้างได้เมื่อถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรมดังนั้นไม่ว่าโจทก์จะเป็นลูกจ้างชั่วคราวรายวันหรือลูกจ้างประจำก็ย่อมได้รับความคุ้มครองจากบทกฎหมายดังกล่าวเช่นเดียวกัน พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา49บัญญัติให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้างว่ากรณีที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างไม่เป็นธรรมหรือไม่มีเหตุอันสมควรลูกจ้างมีสิทธิฟ้องบังคับให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือใช้ค่าเสียหายได้การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยประสงค์เพียงจะรับทหารผ่านศึกซึ่งพิการทุพพลภาพและครอบครัวเข้าทำงานแทนโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยประการใดย่อมเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความกระทบกระเทือนต่อการประกอบอาชีพตามปกติจึงไม่ใช่เหตุอันสมควรถือว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานได้เพราะมีงบประมาณจำกัดและไม่มีตำแหน่งงานให้โจทก์ในข้อนี้จำเลยมิได้ให้การเป็นประเด็นไว้ในคำให้การจึงเป็นเรื่องที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลแรงงานกลางต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา31.
of 205