พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ, การหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง, และความรับผิดทางละเมิดร่วมกัน
ถนนที่เกิดเหตุเป็นทางตรง จำเลยที่ 2 เห็นก้อนหินขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 ซม. ขวางถนนอยู่ในช่องทางเดินรถของตน จำเลยที่ 2 ได้ขับรถหลบก้อนหินเข้ามาในช่องทางเดินรถของโจทก์เพียงเล็กน้อย คนขับรถของโจทก์เห็นรถที่จำเลยที่ 2 ขับหลบก้อนหินเข้ามาในช่องทางเดินรถของตน แต่คนขับรถของโจทก์มิได้ชะลอความเร็วลงหรือขับรถหลบไปทางซ้ายมือซึ่งผิวจราจรหรือไหล่ถนนตรงนั้นกว้างพอที่จะแล่นหลบไปได้โดยไม่ตกถนนและรถทั้งสองคันก็จะไม่ชนกัน ดังนี้ ถือได้ว่าความเสียหายที่เกิดจากรถยนต์สองคันชนกันนั้นเกิดจากการขับรถโดยประมาทของจำเลยที่ 2 ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยและ คนขับรถของโจทก์ละเลยไม่บำบัดปัดป้องหรือบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยควรรับผิดเพื่อความเสียหายสองในสามส่วนของความเสียหายที่โจทก์ได้รับ.
คำวินิจฉัยชี้ขาดเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้นั้นศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในชั้นอุทธรณ์ฎีกาด้วย
คำวินิจฉัยชี้ขาดเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้นั้นศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในชั้นอุทธรณ์ฎีกาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่โดยสุจริต แม้ผู้ฟ้องร้องเสียหาย ก็ไม่ถือเป็นการละเมิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่1เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่2ตามพ.ร.บ.โรงเรียนราษฎร์แล้วจำเลยที่1ได้มีความเห็นว่าโรงเรียนโจทก์ที่1ได้รับอนุญาตให้เปิดทำการสอนในปี2524ได้เฉพาะชั้นปีที่1นักเรียนที่จบชั้นม.ศ.5ไม่มีสิทธิโอนผลการเรียนตามหลักสูตรอื่นๆโดยโจทก์ไม่ได้กล่าวว่าเป็นความเห็นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับประการใดทั้งไม่ปรากฏในคำฟ้องว่าจำเลยที่1จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายแต่อย่างใดเมื่อการกระทำของจำเลยที่1ตามที่กล่าวในฟ้องไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์จึงไม่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยที่1ตามที่โจทก์ทั้งสองนำสืบเป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำของเจ้าหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ ไม่เป็นการละเมิด แม้จะส่งผลเสียต่อโรงเรียน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่1เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่2ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฏร์แล้วจำเลยที่1ได้มีความเห็นว่าโรงเรียนโจทก์ที่1ได้รับอนุญาตให้เปิดทำการสอนในปี2524ได้เฉพาะชั้นปีที่1นักเรียนที่จบชั้นม.ศ.5ไม่มีสิทธิโอนผลการเรียนตามหลักสูตรอื่นฯโดยโจทก์ไม่ได้กล่าวว่าเป็นความเห็นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับประการใดทั้งไม่ปรากฏในคำฟ้องว่าจำเลยที่1จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายแต่อย่างใดเมื่อการกระทำของจำเลยที่1ตามที่กล่าวในฟ้องไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์จึงไม่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยที่1ตามที่โจทก์ทั้งสองนำสืบเป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4828/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พี่น้องร่วมบิดามารดาฟ้องค่าเสียหายจากละเมิด แม้บิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส ฟ้องไม่เคลือบคลุม
การเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันโดยชอบด้วยกฎหมายบิดามารดาไม่จำต้องจดทะเบียนสมรสกัน แต่ต้องถือตามความเป็นจริง
ช.ผู้ตายเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ ไม่มีผู้สืบสันดานและบิดามารดาก็ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์เป็นทายาทลำดับ 3 ของ ช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 และเป็นผู้จัดการศพของ ช.จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพจากผู้ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ ช.ตาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชายและพี่สาวของ ช.ร่วมบิดามารดาเดียวกัน โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลย คือ ค่าปลงศพ ค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพ ช.ผู้ตาย และในฐานะที่โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้าง ฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหา โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ช.ผู้ตายเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ ไม่มีผู้สืบสันดานและบิดามารดาก็ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์เป็นทายาทลำดับ 3 ของ ช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 และเป็นผู้จัดการศพของ ช.จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพจากผู้ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ ช.ตาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชายและพี่สาวของ ช.ร่วมบิดามารดาเดียวกัน โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลย คือ ค่าปลงศพ ค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพ ช.ผู้ตาย และในฐานะที่โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้าง ฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหา โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4828/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส และสิทธิในการฟ้องค่าเสียหายจากละเมิด
การเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันโดยชอบด้วยกฎหมายบิดามารดาไม่จำต้องจดทะเบียนสมรสกัน แต่ต้องถือตามความเป็นจริง
ช.ผู้ตายเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ ไม่มีผู้สืบสันดานและบิดามารดาก็ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์เป็นทายาทลำดับ 3 ของช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629และเป็นผู้จัดการศพของ ช.จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพจากผู้ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ ช.ตาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชายและพี่สาวของ ช.ร่วมบิดามารดาเดียวกัน โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลย คือ ค่าปลงศพค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใดขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพ ช.ผู้ตาย และในฐานะที่โจทก์ที่ 1เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้าง ฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหา โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้างเพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ช.ผู้ตายเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ ไม่มีผู้สืบสันดานและบิดามารดาก็ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์เป็นทายาทลำดับ 3 ของช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629และเป็นผู้จัดการศพของ ช.จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพจากผู้ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ ช.ตาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชายและพี่สาวของ ช.ร่วมบิดามารดาเดียวกัน โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลย คือ ค่าปลงศพค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใดขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพ ช.ผู้ตาย และในฐานะที่โจทก์ที่ 1เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้าง ฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหา โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้างเพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4764/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: การฟ้องคดีละเมิดและภูมิลำเนาของจำเลย (นิติบุคคล) ที่ไม่ใช่สำนักงานใหญ่
การฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากการละเมิดเป็นการฟ้องคดีที่ไม่เกี่ยวด้วยทรัพย์ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(2) ระบุว่าให้ฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือเมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอยื่นฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลนั้นก็ได้
โจทก์ฟ้องบริษัทจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรี โดยระบุสถานที่โรงงานของจำเลยที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรีเป็นภูมิลำเนา แม้ศาลจังหวัดชลบุรีจะมิใช่ศาลที่มูลคดีเกิดขึ้น และปรากฏตามทะเบียนว่าสำนักงานแห่งใหญ่ของจำเลยตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานครทั้งสถานที่โรงงานมิใช่ภูมิลำเนาเฉพาะการของจำเลยก็ตาม แต่ที่นั้นก็อาจเป็นถิ่นที่จำเลยมีสาขาสำนักงานอันจะจัดได้ว่าเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณ ที่นั้นด้วยก็ได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 71 วรรคสอง ซึ่งหากที่ตั้งโรงงานของจำเลยใช้เป็นสาขาสำนักงานของจำเลยด้วยดังที่โจทก์อ้างโจทก์ก็ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรีได้ จึงสมควรฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยต่อไป
โจทก์ฟ้องบริษัทจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรี โดยระบุสถานที่โรงงานของจำเลยที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรีเป็นภูมิลำเนา แม้ศาลจังหวัดชลบุรีจะมิใช่ศาลที่มูลคดีเกิดขึ้น และปรากฏตามทะเบียนว่าสำนักงานแห่งใหญ่ของจำเลยตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานครทั้งสถานที่โรงงานมิใช่ภูมิลำเนาเฉพาะการของจำเลยก็ตาม แต่ที่นั้นก็อาจเป็นถิ่นที่จำเลยมีสาขาสำนักงานอันจะจัดได้ว่าเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณ ที่นั้นด้วยก็ได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 71 วรรคสอง ซึ่งหากที่ตั้งโรงงานของจำเลยใช้เป็นสาขาสำนักงานของจำเลยด้วยดังที่โจทก์อ้างโจทก์ก็ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรีได้ จึงสมควรฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4758-4760/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันของนายจ้างและลูกจ้างจากอุบัติเหตุทางละเมิด แม้มีการชดใช้ค่าเสียหายจากคู่กรณีอื่นแล้ว โจทก์ยังมีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยที่เหลือ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ต่างขับรถยนต์เฉี่ยวชนกันโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลอนุญาตไปแล้ว ส่วนคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ผู้ทำละเมิด และจำเลยที่ 3 ในฐานะนายจ้างร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายครึ่งหนึ่ง ของค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ เพราะจำเลยที่ 2 มีความประมาท ไม่ยิ่งหย่อนกว่าจำเลยที่ 1 ดังนี้ การที่โจทก์ได้รับค่าเสียหายจากนายจ้างของจำเลยที่ 2 ไปแล้วก็เป็น เรื่องค่าเสียหายเฉพาะส่วนที่จำเลยที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์ หาได้ครอบคลุมไปถึงจำนวนค่าเสียหายในส่วนที่ จำเลยที่ 1 และที่ 3 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วยไม่ โจทก์ยังคงมีสิทธิ ที่จะเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนนี้จากจำเลยที่ 1 ที่ 3 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมสมัครรับเลือกตั้งเป็นละเมิดต่อสิทธิของหน่วยงานจัดการเลือกตั้ง และต้องรับผิดในความเสียหาย
จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นเหตุให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงและโจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตมาแต่ต้น จงใจกระทำผิดกฎหมายละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมสมัครรับเลือกตั้งเป็นละเมิดต่อสิทธิของหน่วยงานจัดการเลือกตั้งและทำให้เกิดความเสียหาย
จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นเหตุให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงและโจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตมาแต่ต้น จงใจกระทำผิดกฎหมายละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมสมัครรับเลือกตั้งเป็นละเมิดต่อเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งและทำให้เกิดความเสียหาย
จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นเหตุให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงและโจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่แสดงว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตมาแต่ต้นจงใจกระทำผิดกฎหมายละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา420และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น.