พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,733 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1516/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความและสิทธิในมรดก: การขาดอายุความของสิทธิเรียกร้องในพินัยกรรมเมื่อทายาทครอบครองมรดกเกิน 10 ปี
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งหมดโดยผู้ตายทำพินัยกรรมการยกให้ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของบุตรสาวผู้ตายทั้งหมดและบุตรสาวผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกให้จำเลยครึ่งหนึ่งโจทก์ครึ่งหนึ่ง ถึงแม้จำเลยจะรับรู้สิทธิของโจทก์ว่ามีอยู่ครึ่งหนึ่ง ของที่ดินตามพินัยกรรมก็ตาม ก็ต้องคำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทตามราคาที่ดินทั้งหมด ไม่ใช่มรดกตอนหลัง
เมื่อเจ้ามรดกตาย มรดกย่อมตกทอดแก่ทายาท นั้น ทายาทก็อาจเสียไปซึ่งสิทธิในมรดกได้ตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 1599 วรรคท้าย
เจ้าของที่ดินทำพินัยกรรมยกที่ดินให้วัดโจทก์โดยระบุให้ยายและมารดามีสิทธิเก็บกินตลอดชีวิต เมื่อเจ้าของที่ดินตายแล้ว โจทก์มิได้ใช้สิทธิแก่ที่ดินนี้ประการใด ปล่อยให้มารดาของเจ้ามรดกครอบครองที่ดินและจดทะเบียนโอนรับมรดกเป็นของตนด้วย ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ดังนี้ สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในฐานะผู้รับพินัยกรรมจึงขาดอายุความไปแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 11754 วรรคท้าย ศาลฎีกาประชุมใหญ่มีมติว่า วัดโจทก์หมดสิทธิตามพินัยกรรมแล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2503)
เมื่อเจ้ามรดกตาย มรดกย่อมตกทอดแก่ทายาท นั้น ทายาทก็อาจเสียไปซึ่งสิทธิในมรดกได้ตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 1599 วรรคท้าย
เจ้าของที่ดินทำพินัยกรรมยกที่ดินให้วัดโจทก์โดยระบุให้ยายและมารดามีสิทธิเก็บกินตลอดชีวิต เมื่อเจ้าของที่ดินตายแล้ว โจทก์มิได้ใช้สิทธิแก่ที่ดินนี้ประการใด ปล่อยให้มารดาของเจ้ามรดกครอบครองที่ดินและจดทะเบียนโอนรับมรดกเป็นของตนด้วย ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ดังนี้ สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในฐานะผู้รับพินัยกรรมจึงขาดอายุความไปแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 11754 วรรคท้าย ศาลฎีกาประชุมใหญ่มีมติว่า วัดโจทก์หมดสิทธิตามพินัยกรรมแล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณค่าเสียหายกรณีเสียชีวิต และสิทธิเรียกร้องค่าความทุกข์ทางจิตใจ
ผู้ตายมีอายุ 44 ปี มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ได้นั่งรถยนต์ของจำเลยไปชนต้นไม้ถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าในปัจจุบันชีวิตของบุคคลทั่ว ๆ ไป ในสังคมที่มีการแพทย์และการสาธารณสุขดี ยาวกว่าแต่ก่อน ผู้ตายมีร่างกายแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัว จึงควรคำนวณได้ว่า ผู้ตายอาจมีชีวิตทำมาหาได้ต่อไปข้างหน้าอีก 10 ปี
สามีไม่มีสิทธิฟ้อง เรียกค่าเสียหายทางจิตใจที่เกิดความว้าเหว่ เพราะสูญเสียภริยาผู้เคยปฏิบัติให้ชีวิตของสามีมีความสุขจากผู้ที่ทำให้ภริยาของตนถึงแก่ความตาย เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกร้องได้ (อ้างฎีกาที่ 1742/2499)
สามีไม่มีสิทธิฟ้อง เรียกค่าเสียหายทางจิตใจที่เกิดความว้าเหว่ เพราะสูญเสียภริยาผู้เคยปฏิบัติให้ชีวิตของสามีมีความสุขจากผู้ที่ทำให้ภริยาของตนถึงแก่ความตาย เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกร้องได้ (อ้างฎีกาที่ 1742/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณค่าเสียหายกรณีเสียชีวิต และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทางจิตใจ
ผู้ตายมีอายุ 44 ปี มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ได้นั่งรถยนต์ของจำเลยไปชนต้นไม้ถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าในปัจจุบันชีวิตของบุคคลทั่วๆ ไปในสังคมที่มีการแพทย์และการสาธารณสุขดี ยาวกว่าแต่ก่อน ผู้ตายมีร่างกายแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัว จึงควรคำนวณได้ว่า ผู้ตายอาจมีชีวิตทำมาหาได้ต่อไปข้างหน้าอีก 10 ปี
สามีไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายทางจิตใจที่เกิดความว้าเหว่เพราะสูญเสียภริยาผู้เคยปฏิบัติให้ชีวิตของสามีมีความสุขจากผู้ที่ทำให้ภริยาของตนถึงแก่ความตายเพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกร้องได้ (อ้างฎีกาที่ 1742/2499)
สามีไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายทางจิตใจที่เกิดความว้าเหว่เพราะสูญเสียภริยาผู้เคยปฏิบัติให้ชีวิตของสามีมีความสุขจากผู้ที่ทำให้ภริยาของตนถึงแก่ความตายเพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกร้องได้ (อ้างฎีกาที่ 1742/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเริ่มนับแต่วันผิดนัด ไม่ใช่แค่วันที่รู้ตัวการ
โจทก์เป็นพ่อค้าเครื่องยนต์เพื่ออุตสาหกรรมตัวแทนของจำเลยได้ตกลงจะชำระหนี้ค่าซื้อเครื่องยนต์เช่นว่านั้นให้โจทก์ภายในวันที่ 24 ก.ค. 2493 เมื่อถึงกำหนด ไม่มีการชำระหนี้ เช่นนี้ ต้องถือว่า จำเลยซึ่งเป็นตัวการผิดนัดด้วย โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องแก่จำเลยได้ตั้งแต่วันผิดนัด คือวันที่ 24 ก.ค. 2493 อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่นั้นมา โจทก์มายื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2499 เกิน 5 ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ
ป.พ.พ. มาตรา 165 (1) และ มาตรา 165 วรรค 2 เกี่ยวกับการนับอายุความ ให้เริ่มนับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เท่านั้น ไม่ได้กล่าวถึง วันรู้ (คือ วันที่โจทก์รู้ว่าจำเลยเป็นตัวการ) จะนำมาสงเคราะห์เทียบเคียงกันไม่ได้กับ ป.พ.พ. มาตรา 448 เรื่องละเมิด ซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้ที่จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นโดยตัวแทนของจำเลยไปซื้อเครื่องยนต์ จากโจทก์และตัวแทนของจำเลยตกลงจะชำระหนี้ให้ ต่อมาไม่มีการชำระหนี้เมื่อเกิดผิดนัดขึ้นเมื่อใด ก็เกิดสิทธิเรียกร้องที่โจทก์อาจบังคับแก่จำเลยได้ตั้งแต่นั้นมา มิใช่ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์จะเพิ่งมาตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาคดีระหว่างโจทก์กับตัวแทนของจำเลยในเรื่องหนี้สินรายเดียวกันนี้
ป.พ.พ. มาตรา 165 (1) และ มาตรา 165 วรรค 2 เกี่ยวกับการนับอายุความ ให้เริ่มนับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เท่านั้น ไม่ได้กล่าวถึง วันรู้ (คือ วันที่โจทก์รู้ว่าจำเลยเป็นตัวการ) จะนำมาสงเคราะห์เทียบเคียงกันไม่ได้กับ ป.พ.พ. มาตรา 448 เรื่องละเมิด ซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้ที่จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นโดยตัวแทนของจำเลยไปซื้อเครื่องยนต์ จากโจทก์และตัวแทนของจำเลยตกลงจะชำระหนี้ให้ ต่อมาไม่มีการชำระหนี้เมื่อเกิดผิดนัดขึ้นเมื่อใด ก็เกิดสิทธิเรียกร้องที่โจทก์อาจบังคับแก่จำเลยได้ตั้งแต่นั้นมา มิใช่ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์จะเพิ่งมาตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาคดีระหว่างโจทก์กับตัวแทนของจำเลยในเรื่องหนี้สินรายเดียวกันนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเริ่มนับแต่วันผิดนัด ไม่ใช่วันที่รู้ตัวการ สิทธิเรียกร้องเกิดเมื่อมีการผิดนัดชำระหนี้
โจทก์เป็นพ่อค้าเครื่องยนต์เพื่ออุตสาหกรรม ตัวแทนของจำเลยได้ตกลงจะชำระหนี้ค่าซื้อเครื่องยนต์เช่นว่านั้นให้โจทก์ภายในวันที่ 24 ก.ค.2493 เมื่อถึงกำหนดไม่มีการชำระหนี้ เช่นนี้ ต้องถือว่าจำเลยซึ่งเป็นตัวการผิดนัดด้วย โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องแก่จำเลยได้ตั้งแต่วันผิดนัด คือ วันที่ 24 ก.ค.2493 อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่นั้นมา โจทก์มายื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2499 เกิน 5 ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) และ มาตรา 165 วรรคสอง เกี่ยวกับการนับอายุความ ให้เริ่มนับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เท่านั้น ไม่ได้กล่าวถึงวันรู้ (คือ วันที่โจทก์รู้ว่าจำเลยเป็นตัวการ) จะนำมาสงเคราะห์เทียบเคียงกันไม่ได้กับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448เรื่องละเมิด ซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้ที่จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นโดยตัวแทนของจำเลยไปซื้อเครื่องยนต์จากโจทก์และตัวแทนของจำเลยตกลงจะชำระหนี้ให้ต่อมาไม่มีการชำระหนี้เมื่อเกิดผิดนัดขึ้นเมื่อใด ก็เกิดสิทธิเรียกร้องที่โจทก์ อาจบังคับแก่จำเลยได้ตั้งแต่นั้นมามิใช่ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์จะเพิ่งมาตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาคดีระหว่างโจทก์กับตัวแทนของจำเลยในเรื่องหนี้สินรายเดียวกันนี้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) และ มาตรา 165 วรรคสอง เกี่ยวกับการนับอายุความ ให้เริ่มนับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เท่านั้น ไม่ได้กล่าวถึงวันรู้ (คือ วันที่โจทก์รู้ว่าจำเลยเป็นตัวการ) จะนำมาสงเคราะห์เทียบเคียงกันไม่ได้กับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448เรื่องละเมิด ซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้ที่จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นโดยตัวแทนของจำเลยไปซื้อเครื่องยนต์จากโจทก์และตัวแทนของจำเลยตกลงจะชำระหนี้ให้ต่อมาไม่มีการชำระหนี้เมื่อเกิดผิดนัดขึ้นเมื่อใด ก็เกิดสิทธิเรียกร้องที่โจทก์ อาจบังคับแก่จำเลยได้ตั้งแต่นั้นมามิใช่ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์จะเพิ่งมาตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาคดีระหว่างโจทก์กับตัวแทนของจำเลยในเรื่องหนี้สินรายเดียวกันนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919-920/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายอมความระงับสิทธิเรียกร้องเดิม ฟ้องซ้ำเมื่อมีสิทธิจากสัญญาเดิมแล้วย่อมไม่ได้
ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน แล้วผู้ซื้อเข้าไปปลูกเรือนลงในที่ดินนั้น ต่อมาเจ้าของที่ดินนำที่ดินและเรือนไปขายฝากผู้อื่น ผู้ซื้อที่ดินจึงมาฟ้องผู้ขายและผู้รับซื้อฝากขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก ในที่สุดยอมความกัน โดยให้ผู้ขายทำการไถ่ถอนที่ดินและเรือนคืนเพื่อไปโอนขายให้แก่ผู้ซื้อที่ดิน ดังนี้ย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องเดิมสิ้นไป คงได้สิทธิตามสัญญายอมความและเป็นการรับรองการขายฝากนั้นเมื่อครบกำหนด ผู้ขายไม่ไถ่และผู้ซื้อที่ดินไม่เข้าสรวมสิทธิ ที่ดินและเรือนจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อฝาก และกรณีเช่นนี้ผู้ซื้อที่ดินจะมาฟ้องเรียกค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ ทั้งจะมาฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝากก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินกินเปล่าจากผู้เช่าเดิม กรณีมีผู้เสนอเช่าใหม่แต่ถูกขัดขวาง
การเช่าตึกเพื่อใช้เป็นที่ประกอบธุรกิจการค้านั้น เมื่อสัญญาเช่าระงับแล้ว ผู้เช่าไม่ยอมออกจากตึกเช่า หากมีผู้มาขอเช่าและให้เงินกินเปล่าแก่ผู้ให้เช่า ๆ ย่อมมีสิทธิเรียกเงินกินเปล่าจากผู้เช่าเดิมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ขนส่ง กรณีของสูญหายระหว่างขนส่ง และการฟ้องร้องต่อศาลในประเทศไทย
โจทก์เป็นผู้ส่งของและเป็นเจ้าของของนั้นด้วย จำเลยเป็นผู้รับของไปส่งต่างประเทศโดยเป็นตัวแทนของบริษัทขนส่งซึ่งอยู่ต่างประเทศ สัญญารับขนทำกันในจังหวัดพระนคร ของสูญหายระหว่างทาง โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกราคาของนั้นจากจำเลยต่อศาลเมืองไทยในจังหวัดพระนครได้
ป.พ.พ. มาตรา 824 บัญญัติไว้เพื่อความสะดวกแก่บุคคลในประเทศไทยที่จะฟ้องร้องตัวแทนที่อยู่ในประเทศไทยของตัวการที่อยู่ในต่างประเทศต่อศาลไทย แทนที่จะต้องไปฟ้องในศาลต่างประเทศเท่านั้น ไม่ได้หมายความเลยไปว่าตัวการที่อยู่ในต่างประเทศจะไม่มีความรับผิดต่อบุคคลภายนอกที่ทำสัญญากับตัวแทนของคนในประเทศไทย และไม่ได้หมายความว่า ตัวแทนไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ตัวการของตนที่อยู่ในต่างประเทศสำหรับหนี้สินใด ๆ ที่ตัวแทนได้ก่อขึ้นเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทน
ป.พ.พ. มาตรา 824 บัญญัติไว้เพื่อความสะดวกแก่บุคคลในประเทศไทยที่จะฟ้องร้องตัวแทนที่อยู่ในประเทศไทยของตัวการที่อยู่ในต่างประเทศต่อศาลไทย แทนที่จะต้องไปฟ้องในศาลต่างประเทศเท่านั้น ไม่ได้หมายความเลยไปว่าตัวการที่อยู่ในต่างประเทศจะไม่มีความรับผิดต่อบุคคลภายนอกที่ทำสัญญากับตัวแทนของคนในประเทศไทย และไม่ได้หมายความว่า ตัวแทนไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ตัวการของตนที่อยู่ในต่างประเทศสำหรับหนี้สินใด ๆ ที่ตัวแทนได้ก่อขึ้นเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้ส่งของในการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับขนในไทย แม้มีตัวแทนต่างประเทศ
โจทก์เป็นผู้ส่งของและเป็นเจ้าของของนั้นด้วยจำเลยเป็นผู้รับของไปส่งต่างประเทศโดยเป็นตัวแทนของบริษัทขนส่งซึ่งอยู่ต่างประเทศสัญญารับขนทำกันในจังหวัดพระนคร ของสูญหายระหว่างทางโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกราคาของนั้นจากจำเลยต่อศาลเมืองไทยในจังหวัดพระนครได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 824 บัญญัติไว้เพื่อความสะดวกแก่บุคคลในประเทศไทยที่จะฟ้องร้องตัวแทนที่อยู่ในประเทศไทยของตัวการที่อยู่ในต่างประเทศต่อศาลไทย แทนที่จะต้องไปฟ้องในศาลต่างประเทศเท่านั้นไม่ได้หมายความเลยไปว่าตัวการที่อยู่ในต่างประเทศจะไม่มีความรับผิดต่อบุคคลภายนอกที่ทำสัญญากับตัวแทนของตนในประเทศไทยและไม่ได้หมายความว่า ตัวแทนไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ตัวการของตนที่อยู่ในต่างประเทศสำหรับหนี้สินใดๆ ที่ตัวแทนได้ก่อขึ้นเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 824 บัญญัติไว้เพื่อความสะดวกแก่บุคคลในประเทศไทยที่จะฟ้องร้องตัวแทนที่อยู่ในประเทศไทยของตัวการที่อยู่ในต่างประเทศต่อศาลไทย แทนที่จะต้องไปฟ้องในศาลต่างประเทศเท่านั้นไม่ได้หมายความเลยไปว่าตัวการที่อยู่ในต่างประเทศจะไม่มีความรับผิดต่อบุคคลภายนอกที่ทำสัญญากับตัวแทนของตนในประเทศไทยและไม่ได้หมายความว่า ตัวแทนไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ตัวการของตนที่อยู่ในต่างประเทศสำหรับหนี้สินใดๆ ที่ตัวแทนได้ก่อขึ้นเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทำของไม่สำเร็จ สิทธิเรียกร้องค่าจ้างและเงินยืมทดรอง
สัญญาจ้างทำของถือผลสำเร็จแห่งการที่ทำ ถ้าทำการที่จ้างไม่เสร็จก็ไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าจ้าง และถ้ารับเงินที่ยืมทดรองไปเพื่อดำเนินการก่อนก็ต้องคืนผู้ว่าจ้าง