พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,218 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2153/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลยุติธรรมในคดีพระภิกษุไม่ปฏิบัติตามระเบียบของวัด: การโต้แย้งสิทธิทางแพ่งไม่ใช่เรื่องที่ต้องอาศัยคำวินิจฉัยของมหาเถรสมาคม
วัดโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นพระภิกษุอาศัยอยู่ในวัดโจทก์ให้ออกไปจากวัดโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสวัดโจทก์ เจ้าอาวาสวัดโจทก์ได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมด้วยแม้ตามฟ้องจะอ้างเรื่องอื่นพาดพิงถึงพระธรรมวินัยด้วยก็ตามแต่เป็นเพียงข้ออ้างประกอบข้อกล่าวหาที่ว่าจำเลยไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสโจทก์ร่วมเท่านั้น มูลกรณีเช่นนี้ถือได้ว่ามีการโต้แย้งสิทธิทางแพ่งของวัดโจทก์ในฐานะที่เป็นนิติบุคคลและของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดโจทก์ ไม่ใช่กรณีที่จะต้องอาศัยคำวินิจฉัยชี้ขาดของมหาเถรสมาคมเช่นกรณีพระภิกษุล่วงละเมิดพระธรรมวินัย ศาลยุติธรรมจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 38(2)ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2153/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลยุติธรรมพิจารณาคดีขับไล่พระภิกษุที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบของวัด ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอาศัยคำวินิจฉัยของมหาเถรสมาคม
วัดโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นพระภิกษุอาศัยอยู่ในวัดโจทก์ให้ออกไปจากวัดโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสวัดโจทก์ เจ้าอาวาสวัดโจทก์ได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมด้วย แม้ตามฟ้องจะอ้างเรื่องอื่นพาดพิงถึงพระธรรมวินัยด้วยก็ตามแต่เป็นเพียงข้ออ้างประกอบข้อกล่าวหา ที่ว่าจำเลยไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสโจทก์ร่วมเท่านั้น มูลกรณีเช่นนี้ถือได้ว่ามีการโต้แย้งสิทธิทางแพ่งของวัดโจทก์ในฐานะที่เป็นนิติบุคคลและของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดโจทก์ ไม่ใช่กรณีที่จะต้องอาศัยคำวินิจฉัยชี้ขาดของมหาเถรสมาคมเช่นกรณีพระภิกษุล่วงละเมิดพระธรรมวินัย ศาลยุติธรรมจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 38(2) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2149/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนไต่สวนพยาน: กรณีข้อพิพาทเรื่องครอบครองที่ดิน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 255 วรรคแรกเป็นบทบัญญัติบังคับไว้ว่า ศาลจะสั่งอนุญาตตามคำร้องขอโดยไม่ไต่สวนฟังข้อเท็จจริงให้ได้ความตามอนุมาตรา (1) (2)ของมาตรา 255 เสียก่อนไม่ได้ ส่วนในกรณีที่ศาลพิเคราะห์คำร้องแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุสมควรก็ดี ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามคำขอมาใช้ก็ดี ศาลย่อมมีอำนาจสั่งยกคำร้องเสียได้โดยหาจำต้องไต่สวนฟังพยานผู้ร้องขอเสียก่อนไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองเหนือที่ดินพิพาทห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าเป็นที่ของจำเลย ขอให้ห้ามโจทก์เกี่ยวข้อง เป็นกรณีที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการครอบครองที่พิพาทคู่ความยังโต้แย้งฟ้องและฟ้องแย้งขอบังคับมิให้อีกฝ่ายหนึ่งเกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างสืบพยานหลักฐานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้อยู่ จึงยังไม่มีเหตุสมควร และไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามคำขอของโจทก์ ที่ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารขัดขวางการครอบครองของโจทก์อ้างว่าเป็นการกระทำซ้ำในเรื่องที่ถูกฟ้องไว้ก่อนมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 มาใช้ ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของโจทก์เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานของโจทก์ก่อน
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองเหนือที่ดินพิพาทห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าเป็นที่ของจำเลย ขอให้ห้ามโจทก์เกี่ยวข้อง เป็นกรณีที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการครอบครองที่พิพาทคู่ความยังโต้แย้งฟ้องและฟ้องแย้งขอบังคับมิให้อีกฝ่ายหนึ่งเกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างสืบพยานหลักฐานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้อยู่ จึงยังไม่มีเหตุสมควร และไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามคำขอของโจทก์ ที่ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารขัดขวางการครอบครองของโจทก์อ้างว่าเป็นการกระทำซ้ำในเรื่องที่ถูกฟ้องไว้ก่อนมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 มาใช้ ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของโจทก์เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานของโจทก์ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2149/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนไต่สวน: เมื่อข้อพิพาทยังไม่ชัดเจน ศาลมีอำนาจยกคำร้องได้โดยไม่ต้องไต่สวน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 255 วรรคแรก เป็นบทบัญญัติบังคับไว้ว่า ศาลจะสั่งอนุญาตตามคำร้องขอ โดยไม่ไต่สวนฟังข้อเท็จจริงให้ได้ความตามอนุมาตรา (1)(2)ของมาตรา 255 เสียก่อนไม่ได้ ส่วนในกรณีที่ศาลพิเคราะห์คำร้องแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุสมควรก็ดี ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามคำขอมาใช้ก็ดี ศาลย่อมมีอำนาจสั่งยกคำร้องเสียได้โดยหาจำต้องไต่สวนฟังพยานผู้ร้องขอเสียก่อนไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองเหนือที่ดินพิพาทห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าเป็นที่ของจำเลย ขอให้ห้ามโจทก์เกี่ยวข้องเป็นกรณีที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการครอบครองที่พิพาทคู่ความยังโต้แย้งฟ้องและฟ้องแย้งขอบังคับมิให้อีกฝ่ายหนึ่งเกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างสืบพยานหลักฐานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้อยู่ จึงยังไม่มีเหตุสมควร และไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามคำขอของโจทก์ ที่ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารขัดขวางการครอบครองของโจทก์อ้างว่าเป็นการกระทำซ้ำในเรื่องที่ถูกฟ้องไว้ก่อนมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 มาใช้ ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของโจทก์เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานของโจทก์ก่อน
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองเหนือที่ดินพิพาทห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าเป็นที่ของจำเลย ขอให้ห้ามโจทก์เกี่ยวข้องเป็นกรณีที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการครอบครองที่พิพาทคู่ความยังโต้แย้งฟ้องและฟ้องแย้งขอบังคับมิให้อีกฝ่ายหนึ่งเกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างสืบพยานหลักฐานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้อยู่ จึงยังไม่มีเหตุสมควร และไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามคำขอของโจทก์ ที่ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารขัดขวางการครอบครองของโจทก์อ้างว่าเป็นการกระทำซ้ำในเรื่องที่ถูกฟ้องไว้ก่อนมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 มาใช้ ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของโจทก์เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานของโจทก์ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1974/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่ศาลแขวงพิจารณา ต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายเฉพาะ หากไม่ได้รับอนุญาต ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิจารณา
เมื่อคดีอยู่ในอำนาจของศาลแขวงแล้ว การอุทธรณ์ต้องอยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2503มาตรา 10 คือ ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามมาตรานี้ แต่ถ้ามีการรับรองให้อุทธรณ์ตามมาตรา 22 ทวิก็อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลชั้นต้นสั่งฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ว่า 'รับเป็นคำฟ้องอุทธรณ์ สำเนาให้ฝ่ายหนึ่งแก้' เพียงเท่านี้ยังไม่ถือว่าผู้พิพากษาผู้พิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาได้มีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะในคำสั่งมิได้ชี้แจงเหตุผลว่าข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์ และมีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ได้ อุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่เป็นอุทธรณ์ที่จะรับไว้พิจารณาได้ตาม มาตรา 22 ทวิ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า คดีโจทก์มีมูล จะเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 ต้องเป็นการอุทธรณ์เรื่องการไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่มิต้องบังคับตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499เมื่ออุทธรณ์ครั้งแรกของโจทก์ถูกห้ามมิให้อุทธรณ์ตามกฎหมายอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคแรก แล้วศาลอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์
ศาลชั้นต้นสั่งฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ว่า 'รับเป็นคำฟ้องอุทธรณ์ สำเนาให้ฝ่ายหนึ่งแก้' เพียงเท่านี้ยังไม่ถือว่าผู้พิพากษาผู้พิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาได้มีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะในคำสั่งมิได้ชี้แจงเหตุผลว่าข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์ และมีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ได้ อุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่เป็นอุทธรณ์ที่จะรับไว้พิจารณาได้ตาม มาตรา 22 ทวิ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า คดีโจทก์มีมูล จะเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 ต้องเป็นการอุทธรณ์เรื่องการไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่มิต้องบังคับตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499เมื่ออุทธรณ์ครั้งแรกของโจทก์ถูกห้ามมิให้อุทธรณ์ตามกฎหมายอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคแรก แล้วศาลอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด เมื่อเจ้าของมิได้รู้เห็นเป็นใจ ศาลมีอำนาจสั่งคืนได้ตามกฎหมายอาญา
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 35 เป็นบทบัญญัติในเรื่องริบของกลางที่ใช้หรือได้มาโดยการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ แต่เมื่อมีผู้ร้องขอให้สั่งคืนของกลางที่ศาลสั่งริบไปแล้ว พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติไว้เป็นพิเศษ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ประกอบด้วยมาตรา17 ซึ่งเป็นบทบัญญัติทั่วไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: คดีอาญาเกี่ยวกับยาเสพติดที่เกิดก่อนการยกเลิกประกาศศาลทหารยังคงอยู่ในอำนาจศาลทหาร
ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษซึ่งในขณะเกิดเหตุอยู่ในอำนาจศาลทหาร ที่จะพิจารณาพิพากษา ตามประกาศพระบรมราชโองการให้ศาลทหารพิจารณาพิพากษาคดีอาญา อย่างเพิ่มเติม ลงวันที่ 12 สิงหาคม 2502 และยังอยู่ในอำนาจศาลทหารตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศพระบรมราบโองการให้ศาลทหารพิจารณาพิพากษาคดีอาญาบางอย่างเพิ่มเติม พ.ศ. 2514 นั้น ศาลพลเรือนย่อมไม่มีอำนาจสั่งรับประทับฟ้องและดำเนินคดี แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับพิจารณาพิพากษามาโดยลำดับก็ตาม หากปรากฏต่อศาลฎีกาว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฟ้อง
คำฟ้องที่บรรยายวันเวลากระทำผิดไว้ว่าเหตุเกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาที่คดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร เมื่อศาลพลเรือนได้ประทับฟ้องไว้ และพิจารณาพิพากษาคดีมาโดยลำดับ แม้ความปรากฏในภายหลังว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ก็ยังเป็นกรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 15 วรรค 2 เพราะวันเวลาเกิดเหตุปรากฎแก่ศาลตั้งแต่ศาลตรวจคำฟ้องแล้วว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร หาใช่เป็นกรณีที่จะต้องมีการพิจารณาเสียก่อนจึงจะปรากฏตามทางพิจารณาในภายหลัง ตามความในมาตรา 15 วรรค 2 นั้นไม่
คำฟ้องที่บรรยายวันเวลากระทำผิดไว้ว่าเหตุเกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาที่คดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร เมื่อศาลพลเรือนได้ประทับฟ้องไว้ และพิจารณาพิพากษาคดีมาโดยลำดับ แม้ความปรากฏในภายหลังว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ก็ยังเป็นกรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 15 วรรค 2 เพราะวันเวลาเกิดเหตุปรากฎแก่ศาลตั้งแต่ศาลตรวจคำฟ้องแล้วว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร หาใช่เป็นกรณีที่จะต้องมีการพิจารณาเสียก่อนจึงจะปรากฏตามทางพิจารณาในภายหลัง ตามความในมาตรา 15 วรรค 2 นั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลจำกัดเฉพาะคู่ความในคดีแยก พิจารณาเฉพาะจำเลยในสำนวนที่เกี่ยวข้อง
ในสำนวนคดีเดิม โจทก์ฟ้องจำเลยกับ ต. ว่าร่วมกันกระทำความผิดต.รับสารภาพ ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธเป็นคดีใหม่และพิพากษาลงโทษ ต. ไปในคดีเดิมในคดีใหม่นี้บุคคลนอกคดีไม่อาจสอดเข้ามาอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาด้วย ต.เป็นจำเลยในคดีสำนวนอื่นซึ่งศาลมิได้พิจารณาพิพากษารวมกับคดีนี้จึงมิใช่จำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 แต่เป็นจำเลยคดีอื่นที่ไม่มีทางที่จะอุทธรณ์เข้ามาในคดีนี้ต่างหาก ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจที่จะยกเอาเหตุซึ่งอยู่ในส่วนลักษณะคดีมาพิพากษาตลอดไปถึง ต. ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดอำนาจศาลในการพิพากษาถึงจำเลยในคดีที่แยกพิจารณา
ในสำนวนคดีเดิม โจทก์ฟ้องจำเลยกับ ต. ว่าร่วมกันกระทำความผิด ต.รับสารภาพศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธเป็นคดีใหม่และพิพากษาลงโทษ ต. ไปในคดีเดิมในคดีใหม่นี้บุคคลนอกคดีไม่อาจสอดเข้ามาอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาด้วย ต.เป็นจำเลยในคดีสำนวนอื่นซึ่งศาลมิได้พิจารณาพิพากษารวมกับคดีนี้ จึงมิใช่จำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 แต่เป็นจำเลยคดีอื่นที่ไม่มีทางที่จะอุทธรณ์เข้ามาในคดีนี้ต่างหาก ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจที่จะยกเอาเหตุซึ่งอยู่ในส่วนลักษณะคดีมาพิพากษาตลอดไปถึง ต. ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายในคดีอาญา แม้ศาลยกฟ้อง
ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายด้วยนั้น แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องคดีส่วนอาญา แต่เมื่อคำขอส่วนแพ่ง เป็นคำขอที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้ อำนาจของพนักงานอัยการที่จะว่ากล่าวเกี่ยวกับคำขอส่วนแพ่งยังคงมีต่อไป ศาลจึงมีอำนาจสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2516 )