พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ-ฟ้องซ้อน: ประเด็นข้อพิพาทต่างกันและข้ออ้างใหม่ในชั้นฎีกา
คดีก่อนจำเลยทั้งสามกล่าวหาโจทก์ว่าละเลยไม่ทำบัญชีทรัพย์มรดกไม่รายงานแสดงบัญชีการจัดการและไม่แบ่งปันมรดกให้เสร็จภายใน1ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกผู้ตายให้ถอนโจทก์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายคดีถึงที่สุดแล้วคดีนี้โจทก์กล่าวหาจำเลยทั้งสามว่าละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ของผู้จัดการมรดกมิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในเวลาและตามแบบที่กำหนดไว้ไม่ทำรายงานแสดงบัญชีการจัดการและแบ่งปันมรดกให้เสร็จภายใน1ปีนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำเลยทั้งสามไม่สามารถเป็นผู้จัดการมรดกคดีก่อนกับคดีนี้จึงมีประเด็นข้อพิพาทคนละอย่างคนละเหตุกันฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ปัญหาที่ว่าคดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อนหรือไม่จำเลยเพิ่งหยิบยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อาหารปลอม: การบรรยายฟ้องที่สมบูรณ์ และการยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นฎีกา
โจทก์บรรยายฟ้องสรุปใจความได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตอาหารประเภทเครื่องดื่มเกลือแร่ชนิดแห้งที่ต้องละลายก่อนบริโภคบรรจุซองเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นอาหารควบคุมเฉพาะตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 65(พ.ศ. 2525) ที่กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของเครื่องดื่มเกลือแร่ 1 ลิตร ต้องมีปริมาณโซเดียม40มิลลิอิควิวาเลนท์แต่เครื่องดื่มเกลือแร่ที่จำเลยทั้งสองผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายมีปริมาณโซเดียมมากถึง115มิลลิอิควิวาเลนท์ ต่อเครื่องดื่มเกลือแร่1 ลิตร มีปริมาณโซเดียมเกินกว่าร้อยละ 187.5 จากเกณฑ์สูงสุดตามกฎหมาย จึงเป็นอาหารที่ผลิตขึ้นไม่ถูกต้องตามคุณภาพหรือมาตรฐานที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ถึงขนาดส่วนประกอบที่เป็นคุณค่าทางอาหารมีปริมาณเกินกว่าร้อยละ 30 จากเกณฑ์สูงสุดและแตกต่างจากคุณภาพหรือมาตรฐานที่ระบุไว้จนทำให้เกิดโทษหรืออันตรายแก่ร่างกายผู้บริโภคอันเป็นอาหารปลอมโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่าง ๆ พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้มิได้บรรยายว่าเมื่อบริโภคโซเดียมเข้าสู่ร่างกายมากตามฟ้องแล้วจะทำให้ผู้บริโภคได้รับโทษหรืออันตรายอย่างไร ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณาหากจำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังฟ้องของโจทก์ จำเลยทั้งสองจะมาโต้เถียงในชั้นฎีกาว่า โซเดียมจำนวนตามที่โจทก์ฟ้องไม่ทำให้เกิดโทษต่อร่างกายหรือไม่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งเป็นการยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ซึ่งมิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 722/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี แม้จะแก้คำพิพากษา
การที่จะพิจารณา ว่าคดีใดต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ต้องถือโทษที่ศาลลงแก่จำเลยเป็นรายกระทงไป เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด2 กระทง แต่ละกระทงลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน10,000 บาท แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ระบุวรรคตอนของบทมาตราที่เป็นความผิดและบทลงโทษให้ชัดเจน กับแก้ โทษจำคุกให้น้อยลงโดยไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับจำเลย ก็เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219.
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาการที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเป็นการมิชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาการที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเป็นการมิชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาที่ไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากประเด็นที่ยกขึ้นใหม่ มิได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
หลักจากศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดให้แก่โจทก์แล้วจำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไปขอให้เลื่อนการขาย ศาลชั้นต้นสั่งรวมสำนวน จำเลยอุทธรณ์เพียงว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไปและไม่มีบุคคลภายนอกเข้าสู้ราคาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน การที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ไต่สวนก่อนไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง นั้น เป็นปัญหาที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลอุทธรณ์ และไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์ประเด็นใหม่ในฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
หลังจากศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไปขอให้เลื่อนการขาย ศาลชั้นต้นสั่งรวมสำนวน จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไปและไม่มีบุคคลภายนอกเข้าสู้ราคา ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน การที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ไต่สวนก่อนไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสองนั้น เป็นปัญหาที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลอุทธรณ์ และไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และข้อห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ฎีกาของโจทก์ที่โต้เถียง ข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดตาม ข้อหาที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์ตามศาลชั้นต้นโดย อาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้าม ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ฎีกาของโจทก์ที่โต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดตามข้อหาที่โจทก์ฟ้องหรือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์ตามศาลชั้นต้นโดยอาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ฎีกาของโจทก์ที่โต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดตามข้อหาที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์ตามศาลชั้นต้นโดยอาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งข้อเท็จจริงในปัญหาความผิดทางอาญา และข้อจำกัดในการฎีกา
ฎีกาของโจทก์ที่โต้เถียง ข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดตาม ข้อหาที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์ตามศาลชั้นต้นโดย อาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้าม ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาและไม่แถลงเหตุผล
จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ให้จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ นำส่งสำเนาฎีกาภายใน ๑๕ วัน ส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิฉะนั้นถือ ว่าทิ้งฎีกาเจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายนัด สำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ เมื่อจำเลยที่ ๓ที่ ๔ เพิกเฉย มิได้แถลงให้ศาลดำเนินการอย่างไรต่อไปภายในกำหนด ๑๕วันนับแต่วันที่ส่งหมายนัดสำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ตาม คำสั่งศาลชั้นต้น ถือว่าจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ทิ้งฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔(๒).