พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,377 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2326/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมบูรณ์ของตั๋วแลกเงิน ไม่จำเป็นต้องระบุชื่อ 'ตั๋วแลกเงิน' ที่หัวกระดาษ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 909 ที่บัญญัติให้ตั๋วแลกเงินมีรายการคำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงินนั้น ไม่ได้บังคับให้เขียนชื่อตั๋วแลกเงินที่หัวกระดาษตั๋วแลกเงินเสมอไป คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงินอาจปรากฏอยู่ในข้อความของตั๋วแลกเงินนั้นเองก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1974/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คดีในศาลแขวงต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง หากไม่เข้าข้อยกเว้นห้ามอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อคดีอยู่ในอำนาจของศาลแขวงแล้ว การอุทธรณ์ต้องอยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 มาตรา 22 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2503มาตรา 10 คือ ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามมาตรานี้ แต่ถ้ามีการรับรองให้อุทธรณ์ตามมาตรา 22 ทวิก็อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลชั้นต้นสั่งฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ว่า "รับเป็นคำฟ้องอุทธรณ์สำเนาให้ฝ่ายหนึ่งแก้" เพียงเท่านี้ยังไม่ถือว่าผู้พิพากษาผู้พิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาได้มีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะในคำสั่งมิได้ชี้แจงเหตุผลว่าข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์ และมีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ได้ อุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่เป็นอุทธรณ์ที่จะรับไว้พิจารณาได้ตาม มาตรา 22 ทวิ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า คดีโจทก์มีมูล จะเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 ต้องเป็นการ อุทธรณ์เรื่องการไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่มิต้องบังคับตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499เมื่ออุทธรณ์ครั้งแรกของโจทก์ถูกห้ามมิให้อุทธรณ์ตามกฎหมายอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคแรก แล้วศาลอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์
ศาลชั้นต้นสั่งฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ว่า "รับเป็นคำฟ้องอุทธรณ์สำเนาให้ฝ่ายหนึ่งแก้" เพียงเท่านี้ยังไม่ถือว่าผู้พิพากษาผู้พิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาได้มีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะในคำสั่งมิได้ชี้แจงเหตุผลว่าข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์ และมีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ได้ อุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่เป็นอุทธรณ์ที่จะรับไว้พิจารณาได้ตาม มาตรา 22 ทวิ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า คดีโจทก์มีมูล จะเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 ต้องเป็นการ อุทธรณ์เรื่องการไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่มิต้องบังคับตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499เมื่ออุทธรณ์ครั้งแรกของโจทก์ถูกห้ามมิให้อุทธรณ์ตามกฎหมายอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคแรก แล้วศาลอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทายาทรับผิดชอบหนี้สินของกองมรดกตามกฎหมาย
เมื่อบุคคลใดถึงแก่ความตาย มรดกของผู้นั้นย่อมตกทอดแก่ทายาทตามกฎหมาย
กองมรดกได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย รวมทั้งสิทธิและหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่ และถึงแก่ความตายลง จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์ เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับเอาชำระหนี้จากทายาทโดยธรรมได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ทายาทนั้นได้รับ จำเลยจะได้รับมรดกของผู้ตายและผู้ตายจะมีมรดกหรือไม่ เป็นกรณีที่จะต้องไปว่ากล่าวในชั้นบังคับคดี
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 866/2508)
กองมรดกได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย รวมทั้งสิทธิและหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่ และถึงแก่ความตายลง จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์ เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับเอาชำระหนี้จากทายาทโดยธรรมได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ทายาทนั้นได้รับ จำเลยจะได้รับมรดกของผู้ตายและผู้ตายจะมีมรดกหรือไม่ เป็นกรณีที่จะต้องไปว่ากล่าวในชั้นบังคับคดี
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 866/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1621/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดพยายามขนสินค้าออกนอกราชอาณาจักร และการโยงมาตรากฎหมายเพื่อกำหนดโทษ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจพยายามขนสินค้าผ่านเขตแดนทางบกออกนอกราชอาณาจักรเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชานอกทางอนุมัติแต่ถูกพนักงานเจ้าหน้าที่ขัดขวางจับกุมเสียก่อน ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2480 มาตรา 5อันมีบทลงโทษตามมาตรา 10 มาตรา 10 นี้ บัญญัติว่าผู้ฝ่าฝืนมาตรา 5 ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 จึงเห็นได้ว่ามาตรา 10ดังกล่าวนั้นโยงไปให้เอาโทษในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469มาตรา 27 มาใช้บังคับ เมื่อจำเลยกระทำผิดโดยฝ่าฝืนมาตรา 5, 10แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) ซึ่งการพยายามกระทำความผิดตามมาตรา 5 ก็มีโทษเช่นเดียวกับการกระทำผิดสำเร็จ ศาลก็ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ได้เต็มตามที่ มาตรา 10ให้โยงมาใช้ แม้โจทก์จะได้อ้างมาตรา 80 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาด้วยก็จะถือว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษเพียงฐานพยายาม คือสองในสามของโทษสำหรับความผิดสำเร็จหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1621/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดพยายามขนสินค้าออกนอกราชอาณาจักรและการโยงโทษตามกฎหมายศุลกากร
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจพยายามขนสินค้าผ่านเขตแดนทางบกออกนอกราชอาณาจักรเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชานอกทางอนุมัติแต่ถูกพนักงานเจ้าหน้าที่ขัดขวางจับกุมเสียก่อน ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2480 มาตรา 5 อันมีบทลงโทษตามมาตรา 10 มาตรา 10 นี้ บัญญัติว่า ผู้ฝ่าฝืนมาตรา 5 ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 จึงเห็นได้ว่ามาตรา 10 ดังกล่าวนั้นโยงไปให้เอาโทษในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 มาใช้บังคับเมื่อจำเลยกระทำผิดโดยฝ่าฝืนมาตรา 5,10 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) ซึ่งการพยายามกระทำความผิดตามมาตรา 5 ก็มีโทษเช่นเดียวกับการกระทำผิดสำเร็จ ศาลก็ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ได้เต็มตามที่มาตรา 10 ให้โยงมาใช้ แม้โจทก์จะได้อ้างมาตรา 80 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาด้วยก็จะถือว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษเพียงฐานพยายาม คือสองในสามของโทษสำหรับความผิดสำเร็จหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรต้องมีอำนาจปกครอง การฟ้องซ้ำ และหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูตามกฎหมาย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากจำเลย อ้างว่ามีข้อตกลงตามบันทึกข้อตกลงหลังทะเบียนหย่าศาลพิพากษาว่าบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายรับผิดไม่ได้ลงลายมือชื่อไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีใหม่เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากจำเลยอ้างว่าจำเลยมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1536 ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
มารดาในฐานะส่วนตัว ไม่มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากบิดาของบุตร จนกว่าจะได้ร้องขอต่อศาลให้ถอนบิดาจากการเป็นผู้ปกครองเสียก่อน โดยขอตั้งมารดาผู้เป็นโจทก์เป็นผู้ปกครองใหม่ แล้วจึงจะใช้สิทธิเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากบิดาของบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 ได้
มารดาในฐานะส่วนตัว ไม่มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากบิดาของบุตร จนกว่าจะได้ร้องขอต่อศาลให้ถอนบิดาจากการเป็นผู้ปกครองเสียก่อน โดยขอตั้งมารดาผู้เป็นโจทก์เป็นผู้ปกครองใหม่ แล้วจึงจะใช้สิทธิเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากบิดาของบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสามีจัดการสิทธิเช่าของภริยา แม้จะมีการเช่าช่วง สิทธิเช่าเป็นทรัพย์สินจัดการได้ตามกฎหมาย
สามีมีอำนาจที่จะเอาตึกแถวซึ่งภริยาเช่าไปให้ผู้อื่นเช่าได้ เพราะสิทธิตามสัญญาเช่าเป็นทรัพย์สินซึ่งสามีมีอำนาจจัดการได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจะได้มีการเช่าช่วงระหว่างสามีภริยากันหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปที่ถูกต้องตามกฎหมาย: หนังสือกำกับไม้คุ้มครองการครอบครอง
ไม้สักแปรรูปของกลางเป็นไม้ของโรงค้าไม้ที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย. เมื่อโรงค้าไม้ขายไม้นี้ให้จำเลยโดยออกหนังสือกำกับไม้แปรรูปให้โดยถูกต้อง หนังสือกำกับไม้แปรรูปนั้นย่อมคุ้มครองการครอบครองไม้ของจำเลยนับแต่ได้ซื้อไม้ไว้ในความครอบครองแล้ว จำเลยหาจำต้องกลับไปขออนุญาตมีไม้ของกลางจากพนักงานเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้อีกครั้งหนึ่งไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปที่ถูกต้องตามกฎหมาย: หนังสือกำกับไม้คุ้มครองการครอบครอง แม้ไม่ขออนุญาตเพิ่มเติม
ไม้สักแปรรูปของกลางเป็นไม้ของโรงค้าไม้ที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย. เมื่อโรงค้าไม้ขายไม้นี้ให้จำเลยโดยออกหนังสือกำกับไม้แปรรูปให้โดยถูกต้อง หนังสือกำกับไม้แปรรูปนั้นย่อมคุ้มครองการครอบครองไม้ของจำเลยนับแต่ได้ซื้อไม้ไว้ในความครอบครองแล้ว จำเลยหาจำต้องกลับไปขออนุญาตมีไม้ของกลางจากพนักงานเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้อีกครั้งหนึ่งไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย ถือเป็นการชำระหนี้โดยสมัครใจ ไม่มีสิทธิเรียกร้องคืนได้
โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยตามสัญญากู้ จำเลยรับว่าได้ทำสัญญากู้ตามฟ้องไปจริงแต่เมื่อคิดจำนวนดอกเบี้ยซึ่งโจทก์เรียกเกินอัตราตามกฎหมายที่จำเลยได้ชำระโจทก์ไปแล้วยังเป็นจำนวนเกินกว่าต้นเงินกู้เสียอีก ขอให้เอามาหักกลบลบหนี้กัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกอีก ดังนี้ เท่ากับจำเลยให้การรับแล้วว่าจำเลยยังมิได้ชำระต้นเงินคืนให้โจทก์ โจทก์ไม่ต้องนำสืบในประเด็นข้อนี้อีก
การที่จำเลยตกลงชำระดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราตามกฎหมายให้โจทก์ไปแล้วเท่ากับเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจ โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีความผูกพันต้องชำระ จำเลยจึงหามีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจำนวนนี้คืนไม่
การที่จำเลยตกลงชำระดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราตามกฎหมายให้โจทก์ไปแล้วเท่ากับเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจ โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีความผูกพันต้องชำระ จำเลยจึงหามีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจำนวนนี้คืนไม่