คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าเสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,822 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4198/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การโอนสิทธิ การแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะครอบครอง และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
จำเลยที่ 1 อยู่ในที่พิพาทโดยขออาศัยจากเจ้าของเดิม ต่อมาเจ้าของเดิมได้โอนสิทธิครอบครองมายังโจทก์ จำเลยที่ 1 ซึ่งอาศัยอยู่ในที่พิพาทก็จะต้องอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินคนใหม่คือโจทก์อยู่ต่อไปจนกว่าจำเลยผู้อาศัยจะแสดงโดยชัดแจ้งว่าไม่ประสงค์จะครอบครองแทนโจทก์การที่จำเลยล้อมรั้วในที่พิพาทก็ดีปลูกเรือนสองชั้นในที่พิพาทก็ดียังหาเป็นการแสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ไม่ประสงค์จะครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ ที่จำเลยที่ 1 ขอแบ่งแยกที่ดินจากโจทก์ก็ฟังได้แต่เพียงจะขอสิทธิครอบครองที่พิพาทจากโจทก์เป็นการครอบครองด้วยตนเองเท่านั้น ซึ่งโจทก์ก็ปฏิเสธและยังมิได้แบ่งแยกให้สิทธิครอบครองของโจทก์ในที่พิพาทจึงยังไม่เปลี่ยนแปลง จำเลยทั้งสองเพิ่งกระทำการโต้แย้งสิทธิครอบครองของโจทก์โดยชัดแจ้งหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวให้รื้อถอนเรือนออกจากที่พิพาทและจำเลยไม่ยอมรื้อตามคำบอกกล่าวซึ่งโจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้หลังจากนั้นยังไม่ครบปีโจทก์จึงยังไม่ขาดสิทธิฟ้องร้องเอาสิทธิครอบครองที่พิพาทคืนจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4198/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การโอนสิทธิ, การแสดงเจตนาไม่ครอบครอง, และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
จำเลยที่ 1 อยู่ในที่พิพาทโดยขออาศัยจากเจ้าของเดิม ต่อมาเจ้าของเดิมได้โอนสิทธิครอบครองมายังโจทก์ จำเลยที่ 1 ซึ่งอาศัยอยู่ในที่พิพาทก็จะต้องอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินคนใหม่คือโจทก์อยู่ต่อไปจนกว่าจำเลยผู้อาศัยจะแสดงโดยชัดแจ้งว่าไม่ประสงค์จะครอบครองแทนโจทก์ การที่จำเลยล้อมรั้วในที่พิพาทก็ดีปลูกเรือนสองชั้นในที่พิพาทก็ดี ยังหาเป็นการแสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ไม่ประสงค์จะครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ ที่จำเลยที่ 1 ขอแบ่งแยกที่ดินจากโจทก์ก็ฟังได้แต่เพียงจะขอสิทธิครอบครองที่พิพาทจากโจทก์เป็นการครอบครองด้วยตนเองเท่านั้น ซึ่งโจทก์ก็ปฏิเสธและยังมิได้แบ่งแยกให้สิทธิครอบครองของโจทก์ในที่พิพาทจึงยังไม่เปลี่ยนแปลง จำเลยทั้งสองเพิ่งกระทำการโต้แย้งสิทธิครอบครองของโจทก์โดยชัดแจ้งหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวให้รื้อถอนเรือนออกจากที่พิพาทและจำเลยไม่ยอมรื้อตามคำบอกกล่าว ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้หลังจากนั้นยังไม่ครบปี โจทก์จึงยังไม่ขาดสิทธิฟ้องร้องเอาสิทธิครอบครองที่พิพาทคืนจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4164/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากจำนองที่ดินซ้ำซ้อน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้ตามสัญญาเช่าซื้อส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายด้วยเหตุที่จำเลยนำที่ดินดังกล่าวไปจำนองไว้กับธนาคารแล้วไม่ไถ่จำนองจนในที่สุดมีการบังคับจำนอง ทำให้ไม่อาจโอนที่ดินนั้นให้โจทก์ได้ มิได้ฟ้องโดยอาศัยข้อผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยในคดีนี้จึงเป็นคนละประเด็นกับในคดีที่ได้เคยฟ้องร้องกันมาแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4082/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด/สัญญาจ้าง และการหักเงินประกันความเสียหายจากค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างประจำของโจทก์ มีหน้าที่รับฝากเงินค่าขายตั๋ว โดยสาร ได้ละทิ้งหน้าที่ไปอันเป็นการกระทำผิดข้อบังคับของโจทก์เป็นเหตุให้คนร้ายงัดประตูด้าน หลังตึก เข้ามางัดลิ้นชักโต๊ะ ทำงานของจำเลยและตู้ เหล็ก ลักเอาธนบัตรและเงินเหรียญของโจทก์ไปได้ เช่นนี้ โจทก์บรรยายฟ้องให้จำเลยรับผิดทั้งตามสัญญาจ้างแรงงานและในมูลละเมิด โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องสองทางเมื่อสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากสัญญาจ้างแรงงานไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษ ต้องใช้อายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4019/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเท็จเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเหตุให้เกิดละเมิดต่อหน่วยงานราชการและต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยจงใจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเป็นเหตุให้จำเลยได้รับเลือกตั้ง ภายหลังศาลมีคำสั่งว่าจำเลยเป็นผู้มิได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โจทก์เสียหายโดยต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมขึ้นใหม่ หากโจทก์นำสืบได้ว่าจำเลยกระทำตามที่โจทก์บรรยายฟ้องย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยละเมิดต่อโจทก์ศาลจึงควรรับฟ้องโจทก์และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้งแล้วจึงพิพากษา ไม่ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียตั้งแต่ในชั้นตรวจคำฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4019/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเท็จเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเหตุให้เกิดละเมิดต่อหน่วยงานราชการและต้องชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยจงใจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล เป็นเหตุให้จำเลยได้รับเลือกตั้ง ภายหลังศาลมีคำสั่งว่าจำเลยเป็นผู้มิได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โจทก์เสียหายโดยต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมขึ้นใหม่ หากโจทก์นำสืบได้ว่าจำเลยกระทำตามที่โจทก์บรรยายฟ้องย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยละเมิดต่อโจทก์ ศาลจึงควรรับฟ้องโจทก์และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้งแล้วจึงพิพากษา ไม่ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียตั้งแต่ในชั้นตรวจคำฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจตัวแทน: การมอบอำนาจเฉพาะการเรียกร้องค่าเสียหายเบื้องต้น ไม่ถือเป็นการมอบอำนาจติดตามทวงถามหนี้
โจทก์เพียงแต่มอบหมายให้การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการเก็บรักษาซ่อมแซม แจ้งความ กล่าวโทษ แจ้งราคาค่าเสียหายของทรัพย์และรับชำระหนี้ที่ผู้ละเมิดยอมชดใช้ให้ในชั้นแจ้งความที่สถานีตำรวจ ส่วนการติดตามทวงถามเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ละเมิดซึ่งไม่ยอมชดใช้ โจทก์จะเป็นผู้ดำเนินการเอง โดยขอให้การไฟฟ้านครหลวงแจ้งเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับรวบรวมหลักฐานส่งไปให้โจทก์ ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้การไฟฟ้านครหลวงเป็นตัวแทนโจทก์ในการติดตามทวงถามเรียกร้องให้ผู้ทำละเมิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เหตุละเมิดเกิดขึ้นวันที่ 22 สิงหาคม 2524 ครั้นวันที่16 กุมภาพันธ์ 2525 การไฟฟ้านครหลวงแจ้งเรื่องการละเมิดและผู้ทำละเมิดให้โจทก์ทราบโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2525 คดีจึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381-382/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นการโอนลูกจ้างและอำนาจศาลแรงงานในการพิจารณาค่าเสียหายหลังเลิกจ้าง
ศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นว่า โจทก์ทั้งสองเป็นลูกจ้างของจำเลยหรือของจำเลยร่วม การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ทั้งสองเป็นลูกจ้างของบริษัทจำเลยโดยบริษัทจำเลยรับโอนโจทก์ทั้งสองเข้าทำงานต่อจากบริษัทจำเลยร่วม จึงเป็นการวินิจฉัยในประเด็นที่กำหนดไว้
ศาลแรงงานกลางฟังว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองไม่เป็นธรรมแต่ก็มิได้กำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายโดยเห็นว่าค่าชดเชยที่โจทก์ทั้งสองได้รับเพียงพอกับความเสียหายแล้ว โจทก์มิได้อุทธรณ์ในปัญหาเรื่องค่าเสียหาย ดังนั้นอุทธรณ์ของจำเลยเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับค่าเสียหาย จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบด้วย พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 31.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการขุดคูในทางภาระจำยอม: สิทธิเรียกร้องค่าขาดรายได้และขอบเขตความรับผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองขุดคูในทางภาระจำยอมทำให้รถยนต์สองแถวไม่สามารถแล่นออกมาได้ต้องจอดทิ้งไว้ในที่ของโจทก์ทำให้เสียหายและขาดรายได้ผลิตผลทางเกษตรที่โจทก์ทำได้ไม่สามารถนำออกมาขายได้ ค่าขาดรายได้ตามปกติรถยนต์สองแถวใช้วิ่งรับจ้างส่งคนโดยสารและบรรทุกผลิตผลทางการเกษตรมีรายได้เฉลี่ยวันละ 1,000 บาทแต่โจทก์ขอคิดเพียงวันละ 500บาท ดังนี้ พอเข้าใจแล้วว่า โจทก์ใช้รถยนต์คันดังกล่าวใช้ประโยชน์หารายได้ การกระทำละเมิดของจำเลยทั้งสองทำให้โจทก์ขาดรายได้ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าขาดรายได้จากการใช้รถ
ส่วนค่าเสียหายของรถยนต์ โจทก์มิได้อ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถหรือได้รถมาอย่างไร ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์จะต้องรับผิดในความเสียหายของรถต่อเจ้าของรถ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายของรถยนต์จากจำเลย.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3499/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดความรับผิดในสัญญาประกันภัย: การแบ่งเฉลี่ยค่าเสียหายเมื่อมีผู้ได้รับความเสียหายหลายราย
สัญญากรมธรรม์ประกันภัยระบุจำนวนเงินจำกัดความรับผิดในส่วนที่เป็นค่าเสียหายต่อชีวิตร่างกายไว้ในข้อ 2.1 บรรทัดแรกว่า 100,000 บาท ต่อหนึ่งคน และบรรทัดถัดลงมาว่า 100,000 บาท ต่อหนึ่งครั้ง ดังนี้ หากเกิดอุบัติเหตุที่ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดในค่าเสียหายแก่บุคคลภายนอกหลายคนในครั้งเดียวกันแล้วมิได้ หมายความว่า ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดต่อทุกคนในวงเงินคนละไม่เกิน 100,000 บาท แต่หมายความว่า ทุกคนมีสิทธิได้รับค่าเสียหายจากผู้รับประกันภัยในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท โดยแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับ.
of 283