พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,266 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430-1432/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วง: ความรับผิดของผู้ให้เช่าช่วงเมื่อสัญญาหลักสิ้นสุด และสิทธิในการเรียกค่าเช่าคืน
จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินจากเจ้าของที่ดินเพื่อปลูกสร้างตึกแถวให้เช่า โดยเมื่อจำเลยสร้างตึกเสร็จ ตึกตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดิน แต่เจ้าของที่ดินยอมให้จำเลยมีสิทธิครอบครองและให้เช่าช่วงต่อไปได้การที่โจทก์เช่าตึกรายนี้จากจำเลยจึงเป็นการเช่าช่วงโดยชอบ แต่เมื่อต่อมาเจ้าของที่ดินบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย และใช้สิทธิครอบครองตึกเพราะจำเลยผิดสัญญา จำเลยก็หมดสิทธิที่จะครอบครองและให้โจทก์เช่าช่วงได้ต่อไป ถือได้ว่าจำเลยประพฤติผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้กับโจทก์ เพราะจำเลยไม่สามารถให้โจทก์ได้ใช้ประโยชน์ในตึกที่เช่าได้ตามสัญญา และกรณีเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ตึกพิพาทให้เจ้าของที่ดินหลังจากที่จำเลยให้โจทก์เช่า จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 เจ้าของที่ดินไม่ต้องรับเอาผลของสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยแต่ประการใด
ฟ้องเรียกเงินค่าเช่าที่ชำระให้ผู้ให้เช่าไปล่วงหน้าคืนมีอายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
ฟ้องเรียกเงินค่าเช่าที่ชำระให้ผู้ให้เช่าไปล่วงหน้าคืนมีอายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะผู้เช่า-บริวารหลังหย่า: สิทธิในสัญญาเช่าเดิมเป็นของผู้เช่าเดิม แม้มีการตกลงระหว่างคู่หย่า
ภริยาอยู่ในห้องพิพาทกับสามีซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาเช่าจากผู้ให้เช่า ต่อมาได้หย่าขาดกัน สามีแยกไปอยู่ที่อื่น โดยยอมยกห้องพิพาทให้เป็นสิทธิแก่ภริยา แต่ผู้ให้เช่าไม่ได้รู้เห็นตกลงด้วย การที่ภริยาคงอยู่ในห้องเช่าต่อมาจนครบสัญญาเช่า ถือว่าเป็นการอยู่ในฐานะบริวารของผู้เช่า
อยู่ในห้องเช่าในฐานะเป็นบริวารของผู้เช่า ไม่ใช่ในฐานะผู้เช่า ผู้ให้เช่าไม่จำต้องบอกกล่าวเลิกการเช่าก่อน
อยู่ในห้องเช่าในฐานะเป็นบริวารของผู้เช่า ไม่ใช่ในฐานะผู้เช่า ผู้ให้เช่าไม่จำต้องบอกกล่าวเลิกการเช่าก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1393-1395/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่อค้า vs. ที่อยู่อาศัย, การงดสืบพยาน, และคำสั่งศาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กำหนด 15 วันตามที่บัญญัติไว้ในข้อ 1 ของมาตรา 174 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น หมายความเฉพาะในชั้นยื่นฟ้องและขอหมายเรียกให้จำเลยแก้คดีเท่านั้นจะนำมาใช้ในชั้นฎีกาไม่ได้
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บัญญัติว่า'เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ฯลฯ' นั้น ย่อมหมายความรวมถึงการที่จะยกขึ้นกล่าวอ้างต่อสู้ให้บังคับคดีไปตามข้อกล่าวอ้างนั้นด้วย เพราะการบังคับคดีย่อมทำได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
คำว่า 'เคหะ' ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 หมายถึงสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ฯลฯ แต่ห้องพิพาทจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้าจึงมิใช่เคหะตามความหมายของบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวและไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 มาตรา 17 โจทก์บอกเลิกการเช่าได้
ถ้าศาลเห็นว่าพยานประเด็นที่จำเลยขอให้ส่งประเด็นไปสืบนั้นเป็นพยานหลักฐานฟุ่มเฟือยเกินสมควร ศาลก็มีอำนาจงดการสืบพยานหลักฐานเหล่านั้นเสียได้ ตามนัยมาตรา 86 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณานั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ถ้าจำเลยจะโต้แย้งคำสั่งนั้นอย่างใดก็ชอบที่จะแถลงข้อโต้แย้งให้ศาลชั้นต้นจดลงไว้ในรายงานหรือยื่นคำแถลงโต้แย้งไว้จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บัญญัติว่า'เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ฯลฯ' นั้น ย่อมหมายความรวมถึงการที่จะยกขึ้นกล่าวอ้างต่อสู้ให้บังคับคดีไปตามข้อกล่าวอ้างนั้นด้วย เพราะการบังคับคดีย่อมทำได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
คำว่า 'เคหะ' ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 หมายถึงสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ฯลฯ แต่ห้องพิพาทจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้าจึงมิใช่เคหะตามความหมายของบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวและไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 มาตรา 17 โจทก์บอกเลิกการเช่าได้
ถ้าศาลเห็นว่าพยานประเด็นที่จำเลยขอให้ส่งประเด็นไปสืบนั้นเป็นพยานหลักฐานฟุ่มเฟือยเกินสมควร ศาลก็มีอำนาจงดการสืบพยานหลักฐานเหล่านั้นเสียได้ ตามนัยมาตรา 86 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณานั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ถ้าจำเลยจะโต้แย้งคำสั่งนั้นอย่างใดก็ชอบที่จะแถลงข้อโต้แย้งให้ศาลชั้นต้นจดลงไว้ในรายงานหรือยื่นคำแถลงโต้แย้งไว้จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1392/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายฝากและการบอกเลิกสัญญาเช่าหลังการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ ผู้เช่าต้องชำระค่าเช่าให้ผู้รับซื้อฝาก
โจทก์รับซื้อฝากโรงเรือนพิพาทจากเจ้าของโรงเรือน แล้วผู้ขายฝากไม่ซื้อคืนภายในกำหนด กรรมสิทธิ์ในโรงเรือนนั้นจึงตกไปเป็นของโจทก์โดยเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 491 และจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าโรงเรือนพิพาทนั้นก็ทราบแล้ว แต่จำเลยก็ไม่เคยเอาค่าเช่าไปชำระให้แก่โจทก์ โจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยขอให้ศาลเรียกสำนวนคดีดำคดีแดงในศาลนั้นมาประกอบการพิจารณาศาลอนุญาตแล้ว ส่วนการที่ศาลจะรับฟังหรือไม่ ศาลมีอำนาจที่จะกระทำได้โดยอาศัยบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86, 87
เมื่อเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็จะยกขึ้นอ้างอิงในฎีกาไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างแล้ว จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าเกินกว่าสองคราวติด ๆ กัน จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 มาตรา 17 (1)
จำเลยขอให้ศาลเรียกสำนวนคดีดำคดีแดงในศาลนั้นมาประกอบการพิจารณาศาลอนุญาตแล้ว ส่วนการที่ศาลจะรับฟังหรือไม่ ศาลมีอำนาจที่จะกระทำได้โดยอาศัยบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86, 87
เมื่อเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็จะยกขึ้นอ้างอิงในฎีกาไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างแล้ว จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าเกินกว่าสองคราวติด ๆ กัน จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 มาตรา 17 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง, ตัวแทน, สัญญาเช่า, การนำสืบพยาน, ความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำให้การของจำเลยกล่าวว่า โจทก์เป็นเพียงตัวแทนของนางอึ้งโจทก์ร่วมในการทำสัญญาเช่าต่อการรถไฟ และเป็นตัวแทนในการปลูกสร้างตึกพิพาท และตอนท้ายกล่าวว่าเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าโจทก์เป็นผู้อาศัยหรือลูกจ้างของนางอึ้ง คำให้การทั้งสองตอนนี้ไม่ขัดกันเพราะเป็นเพียงแต่แสดงว่านอกจากที่โจทก์เป็นตัวแทนแล้ว ยังเป็นที่รู้กันว่าโจทก์ยังเป็นคนที่อาศัยหรือลูกจ้างของโจทก์ร่วมด้วย คำให้การของจำเลยจึงไม่เคลือบคลุม
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้อง เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)เมื่อศาลเห็นสมควรศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้
เมื่อได้วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ในข้ออื่นของโจทก์อีกต่อไป
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้อง เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)เมื่อศาลเห็นสมควรศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้
เมื่อได้วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ในข้ออื่นของโจทก์อีกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1169/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่ากำหนดชำระค่าเช่ารายปีเมื่อสิ้นปี การฟ้องเลิกสัญญาต้องอาศัยเหตุที่กล่าวอ้างในฟ้อง
สัญญาเช่ากำหนดอัตราค่าเช่าเป็นรายปี และได้กำหนดเวลาชำระค่าเช่าไว้ว่า "ผู้เช่ายอมชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าปีละ 1 ครั้ง ฯลฯ" มิได้กำหนดว่าผู้เช่าจะต้องชำระค่าเช่าล่วงหน้าจึงต้องถือว่าผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่ารายปีแต่ละปีให้แก่ผู้ให้เช่าเมื่อสิ้นปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 559
โจทก์ตั้งประเด็นฟ้องเลิกสัญญาโดยอาศัยเหตุจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ ศาลจะหยิบยกสัญญาเช่าข้ออื่นมาเป็นเหตุวินิจฉัยขับไล่จำเลยไม่ได้ เป็นการนอกประเด็นที่โจทก์กล่าวในฟ้อง
โจทก์ตั้งประเด็นฟ้องเลิกสัญญาโดยอาศัยเหตุจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ ศาลจะหยิบยกสัญญาเช่าข้ออื่นมาเป็นเหตุวินิจฉัยขับไล่จำเลยไม่ได้ เป็นการนอกประเด็นที่โจทก์กล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1169/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่ารายปี การชำระค่าเช่าเมื่อสิ้นปี และขอบเขตประเด็นฟ้อง
สัญญาเช่ากำหนดอัตราค่าเช่าเป็นรายปี และได้กำหนดเวลาชำระค่าเช่าไว้ว่า 'ผู้เช่ายอมชำระค่าเช่าให้แก่ ผู้ให้เช่าปีละ 1 ครั้ง ฯลฯ'มิได้กำหนดว่าผู้เช่าจะต้องชำระค่าเช่าล่วงหน้า จึงต้องถือว่าผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่ารายปีแต่ละปีให้แก่ผู้ให้เช่าเมื่อสิ้นปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 559
โจทก์ตั้งประเด็นฟ้องเลิกสัญญาโดยอาศัยเหตุจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ ศาลจะหยิบยกสัญญาเช่าข้ออื่นมาเป็นเหตุวินิจฉัยขับไล่จำเลยไม่ได้ เป็นการนอกประเด็นที่โจทก์กล่าวในฟ้อง
โจทก์ตั้งประเด็นฟ้องเลิกสัญญาโดยอาศัยเหตุจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ ศาลจะหยิบยกสัญญาเช่าข้ออื่นมาเป็นเหตุวินิจฉัยขับไล่จำเลยไม่ได้ เป็นการนอกประเด็นที่โจทก์กล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับสัญญาเช่าและการครอบครองปรปักษ์เมื่อสัญญาเดิมสิ้นสุด
โจทก์ฎีกาว่า แม้จะบังคับให้จำเลยต่อสัญญาเช่าที่ดินให้โจทก์ 10 ปีไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 แต่ศาลน่าจะบังคับให้จำเลยต่อสัญญาเช่าให้โจทก์ 3 ปีได้ เมื่อข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏว่านับแต่สัญญาเช่าเดิมสิ้นอายุ โจทก์ได้ครอบครองที่ดินที่เช่ามาจนถึงเวลานี้เกิน 3 ปีแล้ว ฎีกาของโจทก์จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับสัญญาเช่าและผลของการครอบครองที่ดินเกิน 3 ปี
โจทก์ฎีกาว่า แม้จะบังคับให้จำเลยต่อสัญญาเช่าที่ดินให้โจทก์ 10 ปีไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 แต่ศาลน่าจะบังคับให้จำเลยต่อสัญญาเช่าให้โจทก์ 3 ปีได้ เมื่อข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏว่านับแต่สัญญาเช่าเดิมสิ้นอายุโจทก์ได้ครอบครองที่ดินที่เช่ามาจนถึงเวลานี้เกิน 3 ปี แล้วฎีกาของโจทก์จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าใหม่โดยปริยาย สิทธิเลิกสัญญาตามข้อตกลง และการฟ้องขับไล่
เมื่อครบอายุสัญญาเช่าแล้ว ผู้เช่าคงอยู่ในที่เช่าต่อไป ผู้ให้เช่ารู้แล้วไม่ท้วงถือว่ามีการทำสัญญาใหม่ซึ่งไม่มีกำหนดเวลา ส่วนข้อสัญญาอื่นของสัญญาใหม่นี้คงเป็นอย่างเดียวกับในสัญญาเช่าเดิม อ้างฎีกาที่ 1448/2503
เมื่อผู้ให้เช่ามีสิทธิเลิกสัญญาตามข้อความในสัญญา ผู้ให้เช่าใช้สิทธินั้นได้โดยไม่ต้องบอกเลิกตามวิธีใน ป.พ.พ.มาตรา 566.
หมายเหตุ : คำพิพากษาฎีกาที่ 136/2503 ระหว่างนายประวิทย์ ศรีธัญรัตน์ โจทก์ นายกิมจั๊ว แซ่ซือ จำเลย ก็วินิจแัยไว้อย่างเดียวกับคดีนี้ด้วย.
เมื่อผู้ให้เช่ามีสิทธิเลิกสัญญาตามข้อความในสัญญา ผู้ให้เช่าใช้สิทธินั้นได้โดยไม่ต้องบอกเลิกตามวิธีใน ป.พ.พ.มาตรา 566.
หมายเหตุ : คำพิพากษาฎีกาที่ 136/2503 ระหว่างนายประวิทย์ ศรีธัญรัตน์ โจทก์ นายกิมจั๊ว แซ่ซือ จำเลย ก็วินิจแัยไว้อย่างเดียวกับคดีนี้ด้วย.