พบผลลัพธ์ทั้งหมด 338 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6270/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัย-พฤติการณ์พิเศษ-การทราบถึงคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์-ขยายเวลาขอรับชำระหนี้-ล้มละลาย
เมื่อปรากฏว่าคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ดี การโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ดีได้กระทำในชื่อใหม่ของจำเลยที่ 1 และที่ 2ย่อมเป็นเหตุทำให้ผู้ร้องไม่อาจทราบว่า พ.และอ.ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องก็คือ ก. และ ธ. จำเลยที่ 1และที่ 2 ในคดีนี้ซึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และผู้คัดค้านได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น กรณีถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 และที่ 2เด็ดขาดได้ และถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำขอขยายระยะเวลาหลังจากสิ้นระยะเวลาแล้วก็ได้ แต่ผู้ร้องจะต้องยื่นคำขอขยายระยะเวลาเสียภายในเวลาอันสมควรที่ผู้ร้องอาจยื่นได้หลังจากที่ทราบเรื่องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว การที่ผู้ร้องเพิ่งยื่นคำขอรับชำระหนี้และขอขยายระยะเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้หลังจากผู้ร้องทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสามเด็ดขาดนานถึงเกือบ 4 เดือน ผู้ร้องจึงไม่อาจขอให้ศาลขยายระยะเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5945/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขยายเวลาขอรับชำระหนี้เฉพาะเจ้าหนี้ต่างประเทศตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย: เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องยื่นตามกำหนด
พ.ร.บ. ล้มละลาย ฯ มาตรา 91 ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขยายกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ให้อีกไม่เกิน 2 เดือน เฉพาะแต่เจ้าหนี้ที่อยู่นอกราชอาณาจักรเท่านั้น เมื่อเจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในกำหนดเวลาตามมาตรา 91 เจ้าหนี้ย่อมหมดสิทธิที่จะขอรับชำระหนี้การที่เจ้าหนี้ไม่ทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยสุจริตเพราะเหตุจำเลยได้เปลี่ยนชื่อใหม่ ก็ไม่ใช่เหตุที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ได้ เพราะมิเช่นนั้นจะเท่ากับเป็นการขยายเวลาตามมาตรา 91 ออกไป ซึ่งไม่มีกฎหมายให้กระทำได้ และกรณีไม่อาจนำ ป.วิ.พ.มาตรา 10 และมาตรา 23 ประกอบด้วยมาตรา 153 แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลายพ.ศ.2483 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5944/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย กรณีผู้ร้องไม่ทราบชื่อจำเลยที่ถูกสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลและหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยมีต่อผู้ร้องปรากฏว่าเป็นหนี้ที่จำเลยติดต่อกับผู้ร้องในทางธุรกิจโดยใช้ชื่อว่า ป. ตลอดมาเมื่อผู้ร้องยื่นฟ้องจำเลยในชื่อ ป. เป็นคดีล้มละลายต่อศาลจังหวัดตาก โดยยื่นฟ้องหลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีนี้แล้ว ปรากฏว่าจำเลยยอมรับหมายเรียกของศาลจังหวัดตากโดยมิได้โต้แย้งว่า จำเลยมิได้ชื่อ ป. กรณีเช่นนี้จึงเป็นการยากที่ผู้ร้องจะรู้ชื่อใหม่ของจำเลยได้ ดังนั้น คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็ดี การโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็ดี ที่ได้กระทำในชื่อของจำเลยแต่เพียงชื่อเดียว ผู้ร้องย่อมไม่อาจทราบได้ว่า ป. ได้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้นแล้ว ถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดได้ และถือว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำขอขยายระยะเวลาต่อศาลหลังจากสิ้นระยะเวลาแล้วได้ แต่ผู้ร้องจะต้องยื่นคำขอขยายระยะเวลาเสียภายในเวลาอันสมควรที่ผู้ร้องอาจยื่นได้หลังจากที่ทราบเรื่องจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว
การที่ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้หลังจากทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้วเป็นเวลานานถึงหนึ่งเดือนเศษ โดยมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอขยายระยะเวลาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ประกอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลายพ.ศ.2483 มาตรา 153 ก่อน แล้วจึงมาขอขยายระยะเวลาตามคำร้องนี้ ผู้ร้องย่อมไม่อาจขอขยายระยะเวลาได้
การที่ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้หลังจากทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้วเป็นเวลานานถึงหนึ่งเดือนเศษ โดยมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอขยายระยะเวลาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ประกอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลายพ.ศ.2483 มาตรา 153 ก่อน แล้วจึงมาขอขยายระยะเวลาตามคำร้องนี้ ผู้ร้องย่อมไม่อาจขอขยายระยะเวลาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4945/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการคัดค้านคำสั่งขยายเวลาชำระราคาในการบังคับคดีสงวนไว้สำหรับผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายเท่านั้น
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งขยายเวลาในการชำระราคาทรัพย์แก่ผู้ซื้อทรัพย์ได้ เป็นเรื่องระหว่างเจ้าพนักงานบังคับคดีกับผู้ซื้อทรัพย์ในอันที่จะปฏิบัติตามสัญญา ผู้ร้องเป็นเพียงผู้เข้าสู้ราคามิได้เป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาและมิใช่บุคคลผู้ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบหรือที่ได้ยื่นคำขอตามป.วิ.พ. มาตรา 288, 289 และ 290 จึงมิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามมาตรา 296 วรรคสอง ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4713/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาวางค่าฤชาธรรมเนียม: ศาลไม่อนุญาตเนื่องจากผู้ร้องไม่ยากจน และเป็นการประวิงคดี
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดเวลาให้ผู้ร้องวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมถึง 7 วัน ทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าผู้ร้องไม่ใช่คนยากจนโดยไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์แล้ว การที่ผู้ร้องกลับมาขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นว่า ผู้ร้องเป็นคนยากจน ระยะเวลาที่กำหนดให้ไม่เพียงพอ จึงมีลักษณะเป็นการประวิงคดีถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอให้ขยายระยะเวลาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4713/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาวางค่าฤชาธรรมเนียมหลังศาลไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการประวิงคดี
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดเวลาให้ผู้ร้องวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมถึง 7 วัน ทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าผู้ร้องไม่ใช่คนยากจนโดยไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์แล้ว การที่ผู้ร้องกลับมาขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นว่า ผู้ร้องเป็นคนยากจน ระยะเวลาที่กำหนดให้ไม่เพียงพอจึงมีลักษณะเป็นการประวิงคดี ถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอให้ขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4713/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาวางค่าฤชาธรรมเนียมเมื่อศาลไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีแบบคนอนาถา ถือเป็นการประวิงคดีหรือไม่
ศาลอุทธรณ์ภาค1กำหนดเวลาให้ผู้ร้องวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมถึง7วันทั้งศาลอุทธรณ์ภาค1ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าผู้ร้องไม่ใช่คนยากจนโดยไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์แล้วการที่ผู้ร้องกลับมาขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นว่าผู้ร้องเป็นคนยากจนระยะเวลาที่กำหนดให้ไม่เพียงพอจึงมีลักษณะเป็นการประวิงคดีถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอให้ขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4713/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาวางค่าฤชาธรรมเนียม: ศาลไม่อนุญาตขยายเวลาให้ผู้ไม่ยากจน แม้จะอ้างเหตุผลทางการเงิน
ศาลอุทธรณ์ภาค1กำหนดเวลาให้ผู้ร้องวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมถึง7วันทั้งศาลอุทธรณ์ภาค1ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าผู้ร้องไม่ใช่คนยากจนโดยไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์แล้วการที่ผู้ร้องกลับมาขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นว่าผู้ร้องเป็นคนยากจนระยะเวลาที่กำหนดให้ไม่เพียงพอจึงมีลักษณะเป็นการประวิงคดีถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอให้ขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3738/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ถือว่าหนังสือขอขยายเวลาเป็นอุทธรณ์ ทำให้คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลมีผลผูกพันและโจทก์หมดสิทธิซื้อนา
หนังสือขอขยายเวลาการชำระเงินค่าซื้อนาที่โจทก์มีไปถึงประธานคชก.ตำบลบึงคอไห ตามเอกสารหมายจ.8มีข้อความว่าข้าพเจ้านายสอาดพรมกลิ่น ได้รับหนังสือของคชก.ตำบลเมื่อวันที่25กุมภาพันธ์2531ให้ข้าพเจ้านำเงินไปวางมัดจำนากับนางโซมปิ่นทอง มีกำหนด30วันตั้งแต่ได้รับหนังสือนั้นข้าพเจ้ายังไม่พร้อมที่จะนำเงินไปวางมัดจำจึงขอขยายเวลาออกไปอีก1ปีนับตั้งแต่วันที่24มีนาคม2531จนถึงวันที่24มีนาคม2532จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ด้วยข้อความในหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงการขอขยายเวลาการชำระเงินค่าซื้อนาตามที่คชก.ตำบลบึงคอไหได้วินิจฉัยไว้เมื่อวันที่25กุมภาพันธ์2531ไม่ใช่เป็นเรื่องคัดค้านคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบึงคอไหหนังสือดังกล่าวจึงมิใช่เป็นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบึงคอไหต่อคชก.จังหวัดปทุมธานีตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา56วรรคหนึ่ง โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบึงคอไหซึ่งให้โจทก์นำเงินไปทำสัญญาซื้อขายกับนางซ. จำนวน1,000,000บาทภายใน30วันนับแต่วันที่ออกหนังสือส่วนที่เหลือให้ชำระราคาทั้งหมดภายใน60วันคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบึงคอไหจึงถึงที่สุดตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา56วรรคสองเมื่อโจทก์ไม่ได้ไปทำสัญญาซื้อนากับนางซ. ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวโจทก์จึงหมดสิทธิที่จะซื้อนานั้นตามมาตรา53วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3369/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางค่าธรรมเนียมศาลเพื่ออุทธรณ์ การขยายเวลา และผลของการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน
จำเลยทั้งสองได้รับอนุญาตให้ขยายเวลาการนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา229จึงเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลภายในกำหนดเมื่อไม่ปฏิบัติตามและมายื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอีกในวันสุดท้ายโดยไม่มีพฤติการณ์พิเศษและศาลสั่งยกคำร้องจำเลยทั้งสองก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งเดิมของศาลศาลจึงไม่จำต้องกำหนดเวลาให้จำเลยทั้งสองนำเงินดังกล่าวมาวางศาลอีกมิฉะนั้นก็เท่ากับว่าศาลอนุญาตให้ขยายเวลาอีกนั่นเอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ขยายเวลาที่จำเลยทั้งสองต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลกับมีคำสั่งรับอุทธรณ์ด้วยเป็นการข้ามขั้นตอนผิดระเบียบของกระบวนการพิจารณาชั้นตรวจรับอุทธรณ์ตามมาตรา27ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจเพิกถอนแล้วมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองได้ เมื่อจำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะมีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นหรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ตามมาตรา236เท่านั้นการที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำหน่ายอุทธรณ์เพราะจำเลยทั้งสองไม่วางเงินค่าธรรมเนียมภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์จึงไม่ชอบ