คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขับรถ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 267 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2982/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบิดาต่อการปล่อยให้บุตรผู้เยาว์ขับรถยนต์ประมาท
การที่จำเลยที่2ผู้เป็นบิดายอมให้จำเลยที่1ผู้เป็นบุตรอายุเพียง15ปีขับขี่รถยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะออกไปตามถนนสาธารณะอันเป็นการเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายย่อมถือได้ว่าจำเลยที่2มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลบุตรผู้เยาว์จำเลยที่2จึงต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดกับจำเลยที่1.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2485/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาตัดสินคดีขับรถฝ่าไฟแดง ประมาท ชนเสียหาย ศาลฎีกาพิพากษายืนตามฟ้อง
ข้อหาขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรศาลชั้นต้นลงโทษปรับจำเลย500บาทซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดต้้งศาลแขวงฯมาตรา22จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยขับรถไปทางตรงในขณะที่มีไฟเขียวมิได้ขับรถฝ่าไฟแดงเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวแต่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้และพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ซึ่งศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา185โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาได้. ความผิดฐานขับรถฝ่าสัญญาณไฟจราจรและขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถอื่นเสียหายเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทคือพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯมาตรา22,43,152,157ลงโทษตามมาตรา43,157ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด.(ที่มา-เนติฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2260/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบิดามารดาต่อการละเมิดของบุตรผู้เยาว์ที่ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต
บิดามารดาปล่อยปละละเลยให้บุตรผู้เยาว์ขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้งๆยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่ถือว่าไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ผู้ปกครองบุตรที่ดีต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการทำละเมิดที่บุตรผู้เยาว์ก่อขึ้นแก่บุคคลอื่นตามป.พ.พ.มาตรา429.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชนรถยนต์ การพิพากษาความรับผิดชอบจากพฤติการณ์ขับรถ และข้อสันนิษฐานทางกฎหมาย
จำเลยที่1ขับรถยนต์ด้วยความเร็วแต่อยู่ในช่องทางเดินรถของตนจำเลยที่2ขับรถยนต์กินทางเข้าไปในช่องทางเดินรถของจำเลยที่1จึงเกิดชนกันขึ้นเหตุที่เกิดการชนกันจึงเป็นความประมาทของจำเลยที่2แม้หลังเกิดเหตุจำเลยที่1จะหลบหนีไม่แสดงตัวแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งตามกฎหมายจะให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำผิดก็เป็นข้อสันนิษฐานในเบื้องต้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่1ไม่ได้กระทำผิดจะนำข้อสันนิษฐานมารับฟังลงโทษจำเลยที่1หาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: การประมาทขับรถ ชนผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยขับรถโดยอาการน่าหวาดเสียวและโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นเป็นเหตุให้รถชนผู้อื่นบาดเจ็บบาดเจ็บสาหัสและตาย อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบกมาตรา(43)4และ(8)กับเป็นความผิดตามป.อ.มาตรา291,300และ390ด้วยนั้นถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การประมาทขับรถทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยขับรถโดยอาการน่าหวาดเสียวและโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นเป็นเหตุให้รถชนผู้อื่นบาดเจ็บบาดเจ็บสาหัสและตายอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกมาตรา(43)4และ(8)กับเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา291,300และ390ด้วยนั้นถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4404/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกักรถโดยมิชอบของพนักงานสอบสวน แม้ผู้ขับขี่มีความผิดฐานขับรถโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืนสัญญาณจราจร
ความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถ (ผู้ขับรถ) โดยไม่ได้รับใบอนุญาต และไม่ปฏิบัติตามสัญญาณจราจรที่พนักงานเจ้าหน้าที่ แสดงให้ปรากฏข้างหน้านั้น แม้ความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่เป็น ผู้ประจำรถ (ผู้ขับรถ) โดยไม่ได้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นความผิด กระทงหนักที่สุดจะมีโทษจำคุกด้วย แต่ก็มิได้ให้อำนาจพนักงานสอบสวนที่จะกักรถของโจทก์ไว้ได้ หากจำเลยซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนกักรถของโจทก์ไว้และเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โดยไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ตามกฎหมายก็ถือไม่ได้ว่า เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจำเลยอาจมีความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง คดีของโจทก์จึงมีมูลที่จะประทับฟ้อง ไว้พิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3825/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถที่สี่แยกหมู่บ้าน การลดความเร็วและให้สัญญาณเสียงสำคัญต่อความปลอดภัย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถมาถึงสี่แยกก่อนจำเลยที่ 1 หรือขับรถผ่านสี่แยกจนตัวรถเลยถึงถึงกลางสี่แยกไปแล้ว แม้จำเลยที่ 2 จะขับรถอยู่ด้านซ้ายของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71(2)
การขับรถในกรณีที่ผู้ขับขี่ต่างขับรถอยู่ในถนนซอยในหมู่บ้านและกำลังจะผ่านสี่แยก ซึ่งทั้งสี่มุมเป็นบ้านพักอาศัยซึ่งรั้วบ้านสูงจนผู้ขับขี่ไม่สามารถเห็นรถที่อยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ผู้ขับขี่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 70 ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถเข้าใกล้ทางร่วม ทางแยกทางข้ามเส้นให้หยุดหรือวงเวียน ต้องลดความเร็วของรถ" ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ขับรถผ่านสี่แยกดังกล่าวโดยมิได้ลดความเร็วของรถและมิได้ให้แตรสัญญาณก่อนขับรถผ่านสี่แยก ทั้งที่บริเวณสี่แยก ไม่มีเครื่องหมายการจราจร และไม่สามารถเห็นรถซึ่งอยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ถือว่าเป็นการขับรถโดยประมาท เมื่อรถซึ่งจำเลยที่ 2ขับชนกับรถซึ่งจำเลยที่ 1 ขับตรงสี่แยกเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3825/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถที่สี่แยก การลดความเร็วและให้สัญญาณเสียงเพื่อความปลอดภัย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถมาถึงสี่แยกก่อน จำเลยที่1หรือขับรถผ่านสี่แยกจนตัวรถเลยถึงถึงกลางสี่แยกไปแล้ว แม้จำเลยที่ 2 จะขับรถอยู่ด้านซ้ายของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 71(2) การขับรถในกรณีที่ผู้ขับขี่ต่างขับรถอยู่ในถนนซอยในหมู่บ้าน และกำลังจะผ่านสี่แยก ซึ่งทั้งสี่มุมเป็นบ้านพักอาศัยซึ่งรั้วบ้านสูง จนผู้ขับขี่ไม่สามารถเห็นรถที่อยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ผู้ขับขี่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 70ซึ่งบัญญัติว่า 'ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถเข้าใกล้ทางร่วม ทางแยกทางข้ามเส้นให้หยุดหรือวงเวียน ต้องลดความเร็วของรถ'ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ขับรถผ่านสี่แยกดังกล่าวโดยมิได้ลดความเร็ว ของรถและมิได้ให้แตรสัญญาณก่อนขับรถผ่านสี่แยกทั้งที่บริเวณสี่แยก ไม่มีเครื่องหมายการจราจรและไม่สามารถเห็นรถซึ่งอยู่ในทางร่วมทางแยก ด้านอื่น ถือว่าเป็นการขับรถโดยประมาทเมื่อรถซึ่งจำเลยที่ 2ขับชนกับรถ ซึ่งจำเลยที่1ขับตรงสี่แยกเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย และถึงแก่ความตาย จำเลยที่2 ย่อมมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในละเมิดจากการขับรถประมาทเลินเล่อ และการพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับเจ้าของรถ
คดีนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า นายบุญหยกหรือนายไพเป็นฝ่ายขับรถโดยประมาทเลินเล่อ และจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันหรือไม่ แล้วฟังว่าเหตุที่รถยนต์ชนกันเกิดจากนายไพขับรถของจำเลยที่ 1โดยประมาทเลินเล่อฝ่ายเดียว แต่จำเลยทั้งสองกันนายไพไม่มีนิติสัมพันธ์กันจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสองมิได้แก้อุทธรณ์ว่าความจริงขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์ชอบที่วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันหรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ของจำเลยที่1 โดยประมาทชนรถยนต์ของนายบุญหยกและพิพากษาให้จำเลยที่2 รับผิดต่อโจทก์นั้น เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดนอกประเด็น
of 27