คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้าราชการ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 278 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีกับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักของข้าราชการ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
คำขอฝ่ายเดียวที่ยื่นต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275, 276 นั้น ศาลไม่จำต้องออกหมายบังคับคดีให้ทันทีเมื่อศาลเห็นว่าสิทธิเรียกร้องตามคำขอของโจทก์นั้นไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ก็ย่อมมีอำนาจปฏิเสธไม่ออกหมายบังคับคดีให้แก่โจทก์ได้.
สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2518 เป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามปกติ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักของข้าราชการ/ลูกจ้าง ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 286(2)
โจทก์ยื่นคำขอฝ่ายเดียวขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดทรัพย์ซึ่งจำเลยจะได้รับจากนายจ้างของจำเลยหากศาลเห็นว่าสิทธิเรียกร้องเป็นเงินของจำเลยดังกล่าวไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามป.วิ.พ.มาตรา286ศาลย่อมมีอำนาจปฏิเสธไม่ออกหมายบังคับคดีให้แก่โจทก์ได้ สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักเป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการปกติไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามป.วิ.พ.มาตรา286(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบังคับคดี: เบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักข้าราชการ ไม่อยู่ในความรับผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำขอฝ่ายเดียวที่ยื่นต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา275,276นั้นศาลไม่จำต้องออกหมายบังคับคดีให้ทันทีเมื่อศาลเห็นว่าสิทธิเรียกร้องตามคำขอของโจทก์นั้นไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีก็ย่อมมีอำนาจปฏิเสธไม่ออกหมายบังคับคดีให้แก่โจทก์ได้. สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการพ.ศ.2518เป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามปกติไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา286(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3535/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจวินิจฉัยความผิดทางวินัยของข้าราชการ: ศาลไม่มีอำนาจแทรกแซง
การที่จำเลยพิจารณาแล้วเชื่อว่าโจทก์กระทำผิดทางวินัยตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนและมีคำสั่งลงโทษโจทก์เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2518มาตรา84กรณีหาได้เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตราดังกล่าวไม่และการที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์มีความผิดทางวินัยหรือไม่นั้นเป็นอำนาจและหน้าที่ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนซึ่งเป็นการใช้อำนาจของราชการฝ่ายบริหารโดยเฉพาะเมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์วินิจฉัยว่าโจทก์มีความผิดใช้ดุลพินิจสั่งลงโทษโจทก์ไปตามความเหมาะสมกับสภาพความผิดเท่าที่อยู่ในอำนาจของจำเลยโดยชอบอย่างไรแล้วศาลไม่มีอำนาจจะเข้าไปชี้ขาดว่าโจทก์มีความผิดทางวินัยหรือไม่อีกข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรไม่ปรากฏว่าจำเลยจงใจกลั่นแกล้งโจทก์จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2467/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของข้าราชการต่อความเสียหายจากละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่และการควบคุมดูแล
คำฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีละเมิดได้บรรยายค่าเสียหายไว้ตามบัญชีที่1กับรายการโฆษณาตามบัญชีที่3ท้ายฟ้องมีชื่อผู้เช่าและระบุวันเดือนปีที่ออกรายการรวมทั้งเงินค่าเช่าและจำนวนเงินที่ค้างชำระไว้ด้วยซึ่งก็ชัดแจ้งเพียงพอที่จำเลยที่3จะเข้าใจและต่อสู้คดีได้แล้วส่วนรายละเอียดอื่นกับหลักฐานอันเป็นที่มาของรายการดังกล่าวเป็นเรื่องที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณาคดีคำฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่เคลือบคลุม. ตามระเบียบกระทรวงการคลังได้กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาเข้มงวดกวดขันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการหากละเลยไม่ปฏิบัติตามก็ให้พิจารณาความรับผิดทางแพ่งและพิจารณาโทษทางวินัยด้วยจำเลยที่2และที่3เป็นข้าราชการของโจทก์ในตำแหน่งรับผิดชอบควบคุมบังคับบัญชาการปฏิบัติงานของจำเลยที่1แต่ปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ควบคุมดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของจำเลยที่1ตามระเบียบของกระทรวงการคลังจนจำเลยที่1ทำละเมิดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์การกระทำของจำเลยที่2ที่3เข้าลักษณะประมาทเลินเล่อและมีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ด้วยจำเลยที่2ที่3จึงต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาที่แต่ละคนเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่1โดยถือว่าจำเลยทั้งสองก็มีส่วนทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา420.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยข้าราชการตำรวจในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ต้องลงโทษตามบทบัญญัติที่ทำให้รับโทษหนักขึ้น มิใช่เพิ่มโทษ
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษมาตรา 66 ประกอบมาตรา 100 ซึ่งต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น การที่ศาลชั้นต้น กำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยก่อน แล้วจึงระวางโทษเป็นสามเท่า ของโทษที่ศาลกำหนดนั้นเท่ากับเป็นการเพิ่มโทษแก่จำเลย เป็นสามเท่าของโทษที่ศาลกำหนดหาใช่ลงโทษจำเลยในระวาง สามเท่าของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2058-2076/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นไม่ใช่ส่วนราชการ การจ่ายเงินรางวัลข้าราชการชอบด้วยกฎหมาย
ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 มาตรา 7 การแบ่งส่วนราชการของกรมจะต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาไม่ปรากฏว่าได้เคยมีการตราพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการของกรมการปกครองโจทก์ให้โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเป็นส่วนราชการของกรมโจทก์มาก่อน คงมีแต่คำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนมอบอาคารโรงพิมพ์ เครื่องพิมพ์และอุปกรณ์การพิมพ์ทั้งสิ้นแก่โจทก์ และสั่งให้จัดแบ่งส่วนราชการให้โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเป็นส่วนราชการสังกัดกรมโจทก์เท่านั้น การดำเนินกิจการโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น เงินที่ใช้ในการหมุนเวียนได้มาจากการกู้และการลงหุ้นของหน่วยบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และสุขาภิบาล โดยมิได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นไม่เคยเสนอประมาณการรายรับและรายจ่ายต่อสำนักงบประมาณ ทั้งไม่เคยมีการตั้งงบประมาณแผ่นดินไว้ดำเนินกิจการของโรงพิมพ์ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นจึงไม่เป็นส่วนราชการของกรมโจทก์ดังนั้นเงินรายได้และผลกำไรของโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นย่อมมิใช่รายได้อันจะต้องนำส่งคลังเป็นรายได้ของแผ่นดินในนามของกรมโจทก์ ผลกำไรดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นกำไรสุทธิประจำแต่ละปีหรือกำไรที่สะสมไว้ล้วนเป็นผลอันได้มาจากการประกอบกิจการของโรงพิมพ์ซึ่งอาจเป็นเงินสดหรือทรัพย์สินอื่นมิใช่ดอกผลธรรมดาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากแม่ทรัพย์เพราะเหตุที่ได้ใช้แม่ทรัพย์นั้น ทั้งมิใช่ดอกผลนิตินัยเพราะหาใช่ทรัพย์ที่ได้เป็นครั้งคราวจากผู้อื่นเพื่อตอบแทนการที่ได้ใช้แม่ทรัพย์นั้นไม่ ผลกำไรดังกล่าวจึงมิใช่ดอกผลตกได้แก่กรมโจทก์ แต่ย่อมจะตกแก่โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นเจ้าของกิจการนั้น
ในการดำเนินกิจการโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินกิจการโรงพิมพ์ขึ้น 2 คณะ คือ คณะกรรมการบริหารมีอำนาจควบคุมดูแลรับผิดชอบทั่วไปในกิจการของโรงพิมพ์ กำหนดนโยบายออกกฎข้อบังคับ ระเบียบการ และคำสั่งในการดำเนินงานกับคณะกรรมการดำเนินงาน มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบาย กฎข้อบังคับ ระเบียบการ และคำสั่งที่คณะกรรมการบริหารได้กำหนดและวางไว้ มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร และอธิบดีกรมโจทก์เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินงาน คณะกรรมการทั้งสองคณะส่วนใหญ่เป็นกรรมการที่แต่งตั้งตามตำแหน่งหน้าที่ราชการ จำเลยทั้งสิบเก้าสำนวนเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกรมโจทก์ โดยได้รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน และช่วยปฏิบัติงานในโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น โรงพิมพ์ดังกล่าวดำเนินการค้าหากำไรเงินรายได้และผลกำไรของโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นที่ได้มาจากการดำเนินกิจการไม่เคยมีการนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินคณะกรรมการดำเนินงานโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นได้มีมติให้จัดสรรเงินผลกำไรสุทธิของโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นส่วนหนึ่งเป็นเงินรางวัลแก่ข้าราชการที่ช่วยปฏิบัติงาน ซึ่งจำเลยทั้งสิบเก้าสำนวนได้รับเงินดังกล่าวไปตามระเบียบของโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นและการจ่ายเงินแก่จำเลยก็ได้จ่ายตามระเบียบที่วางไว้เช่นกันดังนี้การที่คณะกรรมการดำเนินงานซึ่งได้รับแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อันเป็นการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนมีอำนาจจัดการโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นแทนเจ้าของกิจการซึ่งเป็นตัวการ ได้ลงมติให้จัดสรรเงินผลกำไรสุทธิของโรงพิมพ์ดังกล่าวซึ่งเป็นการกระทำตามระเบียบที่กรมโจทก์ยินยอมให้ถือปฏิบัติ ย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตัวแทนที่ได้รับมอบหมายโดยชอบ การกระทำของคณะกรรมการดำเนินงานโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ การที่จำเลยทั้งสิบเก้าสำนวนได้รับเงินไปจากโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเพื่อเป็นรางวัลตอบแทนการปฏิบัติงานย่อมมิใช่รับไปโดยไม่มีสิทธิและไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงจะฟ้องให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3503/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งให้นายจ้างยื่นใบลาออกก่อนสมัครสอบข้าราชการเป็นการจำกัดสิทธิเกินความจำเป็น จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและต้องจ่ายค่าชดเชย
คำสั่งของนายจ้างที่กำหนดให้ลูกจ้างซึ่งจะไปสมัครสอบเป็นข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจต้องยื่นใบลาออกก่อนนั้น เป็นคำสั่งที่จำกัดสิทธิในการแสวงความก้าวหน้าของลูกจ้างเกินความจำเป็น จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น เมื่อนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างด้วยเหตุฝ่าฝืนคำสั่งนี้ จึงต้องจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2483/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขรก.ขับรถราชการส่วนตัวไปส่งบุคคลภายนอก เกิดอุบัติเหตุ นายจ้างไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการกรมพัฒนาที่ดินจำเลยที่ 4 ได้ขับรถยนต์ซึ่งเป็นรถใช้ในราชการของจำเลยที่ 4 ไปส่ง น. กับพวก บุคคลภายนอกที่มิใช่ลูกจ้างหรือข้าราชการของจำเลยที่ 4 แต่ได้มาหาจำเลยที่ 1 เพื่อปรึกษาเรื่องจัดงานสังสรรค์ แล้ว น. เกิดปวดท้องเนื่องจากมีประจำเดือน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อชนกับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายพังยับเยิน ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของ จำเลยที่ 4 ไปส่ง น. กับพวก กลับบ้านนั้น เป็นเรื่องทำไปโดยความเอื้อเฟื้อส่วนตัวของจำเลยที่ 1 เอง มิใช่เป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่แต่อย่างใด จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นแก่โจทก์ด้วย
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่13/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1754/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษสำหรับผู้กระทำผิดประมาท ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ และมีอาชีพข้าราชการ
คดีขับรถชนกันโดยประมาทมีผู้รับอันตรายสาหัส เมื่อจำเลยเป็นพนักงานของส่วนราชการ ได้ชดใช้ค่ารักษาพยาบาลและค่าทำขวัญผู้เสียหายเป็นที่พอใจ ไม่ติดใจเอาความ ดังนี้ศาลฎีการอการลงโทษให้
of 28