พบผลลัพธ์ทั้งหมด 210 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การชั้นสอบสวนมีน้ำหนัก แม้ไม่มีพยานเบิกความในชั้นศาล เมื่อมีรายละเอียดต่อเนื่อง มีเหตุผล และทำขึ้นทันทีหลังเกิดเหตุ
แม้โจทก์จะไม่สามารถนำผู้เสียหายมาเบิกความเป็นพยานได้ก็ตามแต่โจทก์มีคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายซึ่งได้ให้การไว้กับพนักงานสอบสวนมีรายละเอียดต่อเนื่องกันมีเหตุมีผลและทำขึ้นในวันแจ้งความนั่นเองยากที่จะแต่งเติมได้ทันจึงรับฟังคำให้การดังกล่าวประกอบกับพยานแวดล้อมอื่นๆลงโทษจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3156/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจการรับฟังพยาน: ศาลมีอำนาจพิจารณาความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน และไม่จำเป็นต้องรับฟังทุกพยานหากไม่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง
พยานหลักฐานใดควรจะนำมาวินิจฉัยรับฟังได้หรือไม่นั้นย่อมเป็นดุลพินิจของศาลซึ่งต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหากเป็นพยานแวดล้อมกรณีก็ต้องพิจารณาว่าเป็นพยานที่รู้เห็นใกล้ชิดเหตุการณ์สถานที่อันจะบ่งชี้ได้โดยแน่นอนเมื่อปรากฏว่าก.พยานโจทก์ที่ศาลไม่นำมารับฟังไม่ใช่พยานแวดล้อมกรณีที่ใกล้ชิดต่อเหตุการณ์ประกอบกับพยานแวดล้อมกรณีที่ใกล้ชิดเหตุการณ์ปากอื่นๆของโจทก์ก็ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้แล้วการที่ศาลไม่นำคำเบิกความของก. มารับฟังเป็นพยานประกอบพยานอื่นจึงไม่เป็นการขัดต่อกฎหมาย ฎีกาข้อที่ว่าคำพยานที่เบิกความมีน้ำหนักรับฟังได้หรือไม่นั้นเป็นการคัดค้านดุลพินิจการรับฟังพยานจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานโจทก์น่าสงสัย ไม่น่าเชื่อถือ คดีชิงทรัพย์ ยกฟ้อง
พยานโจทก์มีเหตุที่สงสัยไม่น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสองจะเป็นคนร้ายชิงทรัพย์ เป็นเหตุในลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์ฎีกาก็ตามศาลฎีกาก็พิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานโจทก์มีเหตุสงสัย ความน่าเชื่อถือของพยานส่งผลถึงจำเลยทั้งสอง แม้จำเลยบางรายมิได้อุทธรณ์
พยานโจทก์มีเหตุที่สงสัยไม่น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสองจะเป็นคนร้ายชิงทรัพย์เป็นเหตุในลักษณะคดีแม้จำเลยที่2มิได้อุทธรณ์ฎีกาก็ตามศาลฎีกาก็พิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่2ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำอนาจารและการพิจารณาพยานผู้เสียหายเมื่อมีพฤติการณ์รักใคร่กันก่อนเกิดเหตุ
ประจักษ์พยานโจทก์มีผู้เสียหายเพียงผู้เดียวคำเบิกความของผู้เสียหายจึงต้องพิเคราะห์ด้วยความระมัดระวัง ผู้เสียหายกับจำเลยรักใคร่กันฉันหนุ่มสาวก่อนเกิดเหตุได้พากันซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปเที่ยวสองต่อสองเกือบทั้งวันระหว่างทางกลับบ้านผู้เสียหายไม่สบายมากจำเลยได้พาผู้เสียหายไปให้แพทย์ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแล้วกอดจูบทำอนาจารผู้เสียหายในห้องพักคนไข้แม้ผู้เสียหายจะเบิกความว่าขณะจำเลยกอดจูบนางพยาบาลได้ออกจากห้องไปแล้วแต่ภายหลังจากนั้นนางพยาบาลก็เข้ามาในห้องอีกผู้เสียหายมิได้เล่าเรื่องกอดจูบให้นางพยาบาลทราบพฤติการณ์น่าเชื่อว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจาร.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพยานขัดแย้ง พยานหลักฐานโจทก์อ่อนแอ ศาลยกฟ้องคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
โจทก์มีประจักษ์พยานปากเดียวมาเบิกความยันกับจำเลยแต่เป็นคำพยานที่ขัดกับพยานแวดล้อมอื่นเมื่อประจักษ์พยานให้การว่าเห็นจำเลยเป็นคนร้ายหลังจากที่พยานเองถูกพนักงานสอบสวนสอบปากคำเพราะสงสัยว่าพยานจะร่วมทำร้ายผู้ตายคำของพยานโจทก์ดังกล่าวจึงมีน้ำหนักน้อยไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4344-4345/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: เหตุผลความน่าเชื่อถือและผลการสอบสวน
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ทั้งสองมิได้ทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามคำสั่งเลิกจ้างของจำเลย แต่จากการ สอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนได้ความว่าโจทก์ทั้งสองมีพฤติการณ์เป็นที่น่าสงสัยในความซื่อสัตย์สุจริต ไม่น่าไว้วางใจ และมีมลทินมัวหมอง เป็นการพิจารณาถึงเหตุที่เลิกจ้างหย่อนลงไปจาก ข้ออ้างที่ว่าทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงว่าจำเลย จะมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองหรือไม่ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองเป็นไปตามผลการสอบสวน ซึ่งมีเหตุที่จำเลยจะไม่ไว้วางใจโจทก์ทั้งสองให้ทำงานกับจำเลยต่อไป แม้จะมิใช่ ความผิดร้ายแรง แต่ก็มีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองได้ ไม่เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
คำให้การของ อ. และโจทก์ที่ 1 ต่อคณะกรรมการสอบสวนเป็นการบอกเล่าข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการสอบสวนโดยไม่มีการลงนามหรือปฏิญาณตามแบบวิธีการเบิกความต่อศาลเป็นเพียงพยานบอกเล่า รับฟังได้เพียงประกอบคำเบิกความของตัวพยานซึ่งได้มาเบิกความต่อศาล เท่านั้นเมื่อ อ. และโจทก์ที่ 1 มาเบิกความต่อศาลศาลจึงต้องรับฟัง คำเบิกความของพยานทั้งสองอันเป็นประจักษ์พยานตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95
จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองเป็นไปตามผลการสอบสวน ซึ่งมีเหตุที่จำเลยจะไม่ไว้วางใจโจทก์ทั้งสองให้ทำงานกับจำเลยต่อไป แม้จะมิใช่ ความผิดร้ายแรง แต่ก็มีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองได้ ไม่เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
คำให้การของ อ. และโจทก์ที่ 1 ต่อคณะกรรมการสอบสวนเป็นการบอกเล่าข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการสอบสวนโดยไม่มีการลงนามหรือปฏิญาณตามแบบวิธีการเบิกความต่อศาลเป็นเพียงพยานบอกเล่า รับฟังได้เพียงประกอบคำเบิกความของตัวพยานซึ่งได้มาเบิกความต่อศาล เท่านั้นเมื่อ อ. และโจทก์ที่ 1 มาเบิกความต่อศาลศาลจึงต้องรับฟัง คำเบิกความของพยานทั้งสองอันเป็นประจักษ์พยานตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองลูกระเบิด: พยานหลักฐานขัดแย้ง, พยานเบิกความเพื่อพ้นผิด, และการยกประโยชน์แห่งความสงสัย
คำเบิกความของ ก. เป็นการซัดทอดจำเลยเพื่อให้ตนเองพ้นผิดเมื่อ ก. เบิกความเป็นพยานตนเองในฐานะที่เป็นจำเลยในอีกคดีหนึ่งซึ่งศาลชั้นต้นพิจารณารวมกับคดีนี้เท่านั้น หาใช่เป็นการเบิกความในฐานะเป็นพยานโจทก์ไม่ จึงเอาคำของ ก. มาฟังลงโทษจำเลยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3239/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต่อศาลในคดีอาญา: ผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของพยานและผลคดี
ตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยได้ความว่าจำเลยรู้เห็นใกล้ชิดกับเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ แต่ในชั้นศาลจำเลยกลับเบิกความอันเป็นเท็จว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุ หากจำเลยเบิกความไปตามที่รู้เห็นดังที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวน จำเลยย่อมเป็นพยานที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์สนับสนุนคำของพยานโจทก์ปากอื่นให้มีน้ำหนักมั่นคงยิ่งขึ้น อันอาจทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปในทางตรงข้ามได้ ดังนี้ แม้ศาลจะมิได้หยิบยกคำเบิกความของจำเลยขึ้นวินิจฉัย คำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยก็เป็นข้อสำคัญในคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2018/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือพยาน การเบิกความไม่ตรงกันในชั้นสอบสวนและศาล ศาลฎีกาพิจารณาจากเหตุผลประกอบ
ประจักษ์พยานโจทก์ให้การในชั้นสอบสวนยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้าย ทั้งเมื่อพนักงานสอบสวนนำตัวจำเลยมาให้พยานดูตัว พยานก็ยืนยันอีกว่าจำเลยเป็นคนร้ายและลงชื่อไว้ในบันทึกการจับกุม แต่มาชั้นศาล พยานกลับเบิกความบ่ายเบี่ยงไปว่า ตอนพนักงานสอบสวนนำตัวจำเลยมาให้ดูนั้น พยานดูแล้วบอกพนักงานสอบสวนว่า จำเลยคล้าย ๆ คนร้าย เห็นได้ชัดว่าพยานเบิกความชั้นศาลเพื่อช่วยเหลือจำเลย คำเบิกความของพยานในชั้นศาลน่าจะไม่เป็นความจริง ส่วนคำยืนยันและคำให้การชั้นสอบสวนของพยานนั้นโจทก์มีพนักงานสอบสวนมาเบิกความยืนยันว่า ชั้นสอบสวนพยานได้ยืนยันและให้การดังกล่าว น่าจะเป็นความจริงและรับฟังได้