พบผลลัพธ์ทั้งหมด 191 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 936/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องถอนผู้อนุบาล: ความสัมพันธ์ญาติสนิทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มารดาของผู้ไร้ความสามารถเป็นน้องสาวร่วมบิดามารดาเดียวกันกับยายของโจทก์ ฐานะของโจทก์จึงเกี่ยวข้องเป็นหลานน้าของผู้ไร้ความสามารถ ซึ่งนับว่าอยู่ในลำดับญาติใกล้ชิดกว่าลูกพี่ลูกน้องนับได้เพียงภายในสามชั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 11(2) เสียอีกความเกี่ยวพันระหว่างโจทก์กับผู้ไร้ความสามารถจึงควรนับได้ว่าเป็นญาติสนิท ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1575 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 936/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ญาติสนิทมีอำนาจขอถอนผู้อนุบาลได้ หากความสัมพันธ์ใกล้ชิดกว่าลูกพี่ลูกน้องในสามชั้น
มารดาของผู้ไร้ความสามารถเป็นน้องสาวร่วมบิดามารดาเดียวกันกับยายของโจทก์ ฐานะของโจทก์จึงเกี่ยวข้องเป็นหลานน้าของผู้ไร้ความสามารถ ซึ่งนับว่าอยู่ในลำดับญาติใกล้ชิดกว่าลูกพี่ลูกน้องนับได้เพียงภายในสามชั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 11(2) เสียอีกความเกี่ยวพันระหว่างโจทก์กับผู้ไร้ความสามารถจึงควรนับได้ว่าเป็นญาติสนิท ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1575 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3348-3349/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์ลูกวงแชร์, การชำระหนี้ค่าแชร์, และสิทธิในการหักกลบลบหนี้
ความผูกพันระหว่างผู้เล่นแชร์ต้องเป็นไปในทางเล่นแชร์เปียหวย
การเล่นแชร์ที่มีวิธีการเล่นด้วยการให้ลูกวงที่เปียแชร์ได้ออกตั๋วสัญญาขอยืมเงินให้แก่ลูกวงที่ยังไม่ได้เปียแชร์ไว้เป็นหลักฐาน โดยลงชื่อนายวงแชร์เป็นผู้ค้ำประกันไว้ด้วยและตั๋วนี้จะคืนให้แก่ผู้ออกตั๋วเมื่อลูกวงที่ถือตั๋วเปียแชร์ได้และได้รับเงินค่าแชร์จากผู้ออกตั๋วนั้น แม้ตั๋วสัญญาขอยืมเงินดังกล่าวจะใช้อาศัยเป็นหลักฐานการกู้ยืมเรียกร้องให้ผู้ทำตั๋วนั้นชำระเงินโดยตรงไม่ได้ และนายวงแชร์เป็นผู้มีหน้าที่รวบรวมเงินค่าแชร์จากลูกวงทุกคนไปมอบให้ผู้ที่เปียแชร์ได้ก็ตามก็ต้องฟังว่าลูกวงที่เปียแชร์ได้นั้นมีหน้าที่ชำระหนี้ค่าแชร์คืนแก่ลูกวงที่ยังไม่ได้เปียแชร์ เมื่อถึงกำหนดตามงวด นายวงแชร์เป็นเพียงผู้มีอำนาจชำระหนี้แทนและเป็นผู้ค้ำประกันตามตั๋วสัญญาขอยืมเงินเท่านั้น โจทก์จำเลยต่างเป็นลูกวงด้วยกันแต่โจทก์ยังไม่ได้เปียแชร์ เมื่อถึงกำหนดตามงวดโดยนายวงได้หลบหนีไป ดังนั้น การที่จำเลยซึ่งเปียแชร์ได้ไปแล้วแต่ได้รับเงินค่าแชร์ที่เปียได้จากนายวงแชร์ ไม่ครบ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องว่ากล่าวกับนายวงแชร์โดยตรง ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์จำเลยไม่มีสิทธิที่จะหักกลบลบหนี้กับโจทก์ในกรณีนี้
จำเลยยังมิได้ชำระเงินค่าแชร์ในงวดให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระ จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัด โจทก์ย่อมคิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224
การเล่นแชร์ที่มีวิธีการเล่นด้วยการให้ลูกวงที่เปียแชร์ได้ออกตั๋วสัญญาขอยืมเงินให้แก่ลูกวงที่ยังไม่ได้เปียแชร์ไว้เป็นหลักฐาน โดยลงชื่อนายวงแชร์เป็นผู้ค้ำประกันไว้ด้วยและตั๋วนี้จะคืนให้แก่ผู้ออกตั๋วเมื่อลูกวงที่ถือตั๋วเปียแชร์ได้และได้รับเงินค่าแชร์จากผู้ออกตั๋วนั้น แม้ตั๋วสัญญาขอยืมเงินดังกล่าวจะใช้อาศัยเป็นหลักฐานการกู้ยืมเรียกร้องให้ผู้ทำตั๋วนั้นชำระเงินโดยตรงไม่ได้ และนายวงแชร์เป็นผู้มีหน้าที่รวบรวมเงินค่าแชร์จากลูกวงทุกคนไปมอบให้ผู้ที่เปียแชร์ได้ก็ตามก็ต้องฟังว่าลูกวงที่เปียแชร์ได้นั้นมีหน้าที่ชำระหนี้ค่าแชร์คืนแก่ลูกวงที่ยังไม่ได้เปียแชร์ เมื่อถึงกำหนดตามงวด นายวงแชร์เป็นเพียงผู้มีอำนาจชำระหนี้แทนและเป็นผู้ค้ำประกันตามตั๋วสัญญาขอยืมเงินเท่านั้น โจทก์จำเลยต่างเป็นลูกวงด้วยกันแต่โจทก์ยังไม่ได้เปียแชร์ เมื่อถึงกำหนดตามงวดโดยนายวงได้หลบหนีไป ดังนั้น การที่จำเลยซึ่งเปียแชร์ได้ไปแล้วแต่ได้รับเงินค่าแชร์ที่เปียได้จากนายวงแชร์ ไม่ครบ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องว่ากล่าวกับนายวงแชร์โดยตรง ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์จำเลยไม่มีสิทธิที่จะหักกลบลบหนี้กับโจทก์ในกรณีนี้
จำเลยยังมิได้ชำระเงินค่าแชร์ในงวดให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระ จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัด โจทก์ย่อมคิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2332/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถที่อุปกรณ์สำคัญชำรุด และความสัมพันธ์กับเหตุการณ์ชน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำโดยประมาท โดยได้ขับรถยนต์ประจำทางซึ่งห้ามล้อมือใช้การไม่ได้ เพราะไม่มีอุปกรณ์สำหรับดึงประการหนึ่ง และขณะที่จำเลยขับรถไปนั้นมีรถข้างหน้าหยุด แต่จำเลยไม่ดูแลระมัดระวังให้รอบคอบในขณะที่ขับรถและไม่หยุดรถของจำเลยอีกประการหนึ่ง เป็นเหตุให้ขับชนรถจักรยานยนต์ซึ่งผู้ตายขับขี่ข้างหน้าไปชนกระแทกกับท้ายรถยนต์ประจำทางซึ่งจอดอยู่ข้างหน้าโดยแรงถึงแก่ความตายดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่ารถคันนี้ห้ามล้อมือใช้การไม่ได้โดยคันดึงไม่มี ย่อมถือว่าโจทก์สืบได้ความสมข้ออ้างประการหนึ่งแล้ว และข้อบกพร่องนี้ย่อมมีความสัมพันธ์กับการที่รถซึ่งจำเลยขับนั้นพุ่งเข้าชนรถแท็กซี่ด้วย เพราะถ้าจำเลยมิได้ประมาทโดยการนำรถยนต์ซึ่งมีเครื่องอุปกรณ์อันสำคัญใช้การไม่ได้เช่นนี้มาขับแล้ว เหตุร้ายย่อมไม่เกิดขึ้น จำเลยจะอ้างเอาเรื่องเหยียบห้ามล้อเท้าไม่ติดมาเนื่องจากห้ามล้อแตกเป็นข้อแก้ตัวหาได้ไม่ และต้องมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดขืนคำสั่งศาลและการไต่สวนข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลง การจับกุมบริวารต้องพิสูจน์ความสัมพันธ์และสถานที่
เมื่อจำเลยถูกศาลออกหมายจับมาฐานขัดขืนไม่ยอมออกจากที่พิพาท จำเลยแถลงว่ารับรองจะออกไปจากที่พิพาทและไม่เกี่ยวข้องอีกแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ศาลชั้นต้นจึงสั่งปล่อยตัวไป คำแถลงของจำเลยเช่นนี้เป็นการยอมรับว่าจำเลยยังคงอยู่ในที่พิพาทขณะที่ศาลมีคำสั่งและจะยอมออกไปโดยไม่มี ข้อโต้แย้งจำเลยจะฎีกาเถียงว่าจำเลยไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่พิพาทและไม่ได้ฝ่าฝืนคำบังคับของศาล ย่อมฟังไม่ขึ้น
ศาลชั้นต้นออกหมายจับผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมาโดยถือว่าเป็นบริวารจำเลยซึ่งขัดขืนไม่ยอมออกจากที่พิพาท ผู้ร้องแถลงคัดค้านในวันที่ถูกจับตัวมาส่งศาลว่าที่ที่คนอยู่นั้นอยู่นอกที่พิพาท ย่อมเท่ากับผู้ร้องต่อสู้ว่าตนมิได้เป็นบริวารจำเลยและไม่ได้อยู่ในที่พิพาทศาลจะต้องทำการไต่สวนระหว่างโจทก์กับผู้ร้องให้ได้ความว่า ผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยและอยู่ในที่พิพาทจริงหรือไม่เสียก่อน จะด่วนจับขังผู้ร้องไปทีเดียวยังไม่ชอบ แม้ศาลจะได้ไต่สวนระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องเดียวกันนี้มาแล้ว ก็ไม่ผูกพันผู้ร้องซึ่งยังไม่เข้ามาในคดี
ศาลชั้นต้นออกหมายจับผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมาโดยถือว่าเป็นบริวารจำเลยซึ่งขัดขืนไม่ยอมออกจากที่พิพาท ผู้ร้องแถลงคัดค้านในวันที่ถูกจับตัวมาส่งศาลว่าที่ที่คนอยู่นั้นอยู่นอกที่พิพาท ย่อมเท่ากับผู้ร้องต่อสู้ว่าตนมิได้เป็นบริวารจำเลยและไม่ได้อยู่ในที่พิพาทศาลจะต้องทำการไต่สวนระหว่างโจทก์กับผู้ร้องให้ได้ความว่า ผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยและอยู่ในที่พิพาทจริงหรือไม่เสียก่อน จะด่วนจับขังผู้ร้องไปทีเดียวยังไม่ชอบ แม้ศาลจะได้ไต่สวนระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องเดียวกันนี้มาแล้ว ก็ไม่ผูกพันผู้ร้องซึ่งยังไม่เข้ามาในคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1781/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ทศ. และความสัมพันธ์กับกฎหมาย ส.ส. รัฐธรรมนูญ และกฎหมายเลือกตั้ง
1. เรื่องความขาดคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลซึ่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลบัญญัติโยงไปใช้เรื่องความขาดคุณสมบัติของผู้สมัครตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2499 นั้น แม้ต่อมามีรัฐธรรมนูญบัญญัติเรื่องลักษณะของบุคคลผู้ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนไว้เป็นอย่างอื่นก็ไม่กระทบกระเทือนถึงเรื่องความขาดคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล ซึ่งถือว่าพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลบัญญัติเรื่องนี้ไว้เป็นเอกเทศ
2. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482มาตรา 21 ตามที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2501 นั้นไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 89 (ข้อ 2 เป็นมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 32/2513)
2. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482มาตรา 21 ตามที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2501 นั้นไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 89 (ข้อ 2 เป็นมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 32/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งเรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวและการกีดกัน
ผู้ตายไม่พอใจที่จำเลยมารักใคร่ในทางชู้สาวกับบุตรสาว.จึงกีดกันจำเลยมิให้ติดต่อ. หากฝ่าฝืนจะให้ตำรวจจับกุม. ก่อนเกิดเหตุ 1 เดือน จำเลยได้ยิงปืนใกล้บ้านผู้ตายผู้ตายได้พูดจาว่ากล่าว. จำเลยโกรธได้ชักปืนออกแต่มิได้ยิง. และคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยมีว่า. สาเหตุดังกล่าวทำให้จำเลยนึกเจ็บใจที่ถูกว่ากล่าว. ทั้งกลัวผู้ตายจะทำร้ายเพราะโกรธเรื่องที่รักใคร่บุตรสาวผู้ตาย. จึงตั้งใจจะไปยิงผู้ตาย. แล้วจำเลยลอบเข้าไปในบ้านผู้ตายในเวลากลางคืนแล้วยิงผู้ตาย. ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน. จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คโดยสมบูรณ์ด้วยการส่งมอบ และข้อยกเว้นการเรียกร้องของผู้สั่งจ่ายจากความสัมพันธ์กับผู้รับโอนก่อน
จำเลยที่ 1 ออกเช็คระบุให้จ่ายเงินแก่จำเลยที่ 2หรือผู้ถือ. การโอนเช็คไปย่อมสมบูรณ์เพียงด้วยส่งมอบให้กัน. เมื่อจำเลยที่ 2 ส่งมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์.โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรง.
จำเลยที่ 1 ออกเช็คสั่งจ่ายล่วงหน้าให้แก่จำเลยที่ 2. ต่อมาปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ยักยอกเงินของบริษัทซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการ. จำเลยที่ 1 จึงแจ้งความดำเนินคดีอาญาและแจ้งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็ค.จำเลยที่ 2 เอาเช็คพิพาทไปขึ้นเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่าย. จำเลยที่ 2 ได้ส่งมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์. โจทก์จึงได้เอาเช็คนั้นมาฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดใช้เงินตามเช็ค. เมื่อการโอนเช็คพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 และโจทก์ได้มีขึ้นด้วยการคบคิดกันเพื่อฉ้อฉลจำเลยที่ 1. จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายย่อมต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันระหว่างตนกับจำเลยที่ 2 ผู้ทรงคนก่อนนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 และ989 วรรคหนึ่ง.
จำเลยที่ 1 ออกเช็คสั่งจ่ายล่วงหน้าให้แก่จำเลยที่ 2. ต่อมาปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ยักยอกเงินของบริษัทซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการ. จำเลยที่ 1 จึงแจ้งความดำเนินคดีอาญาและแจ้งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็ค.จำเลยที่ 2 เอาเช็คพิพาทไปขึ้นเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่าย. จำเลยที่ 2 ได้ส่งมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์. โจทก์จึงได้เอาเช็คนั้นมาฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดใช้เงินตามเช็ค. เมื่อการโอนเช็คพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 และโจทก์ได้มีขึ้นด้วยการคบคิดกันเพื่อฉ้อฉลจำเลยที่ 1. จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายย่อมต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันระหว่างตนกับจำเลยที่ 2 ผู้ทรงคนก่อนนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 และ989 วรรคหนึ่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินร่วมจากความสัมพันธ์ฉันท์ภรรยา แม้ไม่จดทะเบียนสมรส
โจทก์นำยึดที่พิพาทของผู้ร้องในฐานะผู้ร้องเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์อ้างว่าเป็นของผู้ร้อง และผู้ร้องมิใช่ภริยาจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่า (1) จำเลยและผู้ร้องได้ร่วมกันทำมาหากินจนเกิดทรัพย์พิพาท จำเลยจึงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกับผู้ร้อง (2) ทรัพย์พิพาทเป็นสินบริคณห์ จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปใช้จ่ายในการทำมาหากินร่วมกับผู้ร้อง ผู้ร้องจึงเป็นลูกหนี้ร่วมตามกฎหมาย โจทก์ชอบที่จะยึดทรัพย์พิพาทได้ (3) แม้ผู้ร้องจะเป็นผู้ซื้อทรัพย์พิพาทมาจริง ผู้ร้องก็ซื้อมาในระหว่างเป็นภริยาจำเลย จึงถือได้ว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย โจทก์ชอบที่จะยึดได้ ดังนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์พิพาทและผู้ร้องมิใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ศาลก็วินิจฉัยได้ว่าทรัพย์พิพาทเป็นทรัพย์ที่จำเลยและผู้ร้องทำมาหาได้ร่วมกัน จำเลยจึงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกับผู้ร้องดังข้อต่อสู้ของโจทก์ข้อ 1 และไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรโดยมิได้จดทะเบียนสมรส: การอยู่ร่วมกันอย่างเปิดเผยและการแสดงออกซึ่งความสัมพันธ์ฉันชู้สาวเป็นหลักฐานสำคัญ
พยานโจทก์เบิกความถึงพฤติการณ์ต่าง ๆ ของโจทก์จำเลยตามที่ตนเห็น ย่อมเป็นประจักษ์พยาน มิใช่พยานบอกเล่า
จำเลยมิได้ยกเป็นประเด็นต่อสู้ไว้ในคำให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและไม่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์จำเลยได้แสดงโดยเปิดเผยต่อลูกจ้างเพื่อนและลูกจ้างของโจทก์ ให้เห็นความสัมพันธ์ที่โจทก์จำเลยมีต่อกันฉันชู้สาว โจทก์ได้เล่าให้มารดาและเพื่อน ๆ ฟังถึงการได้เสียและความสัมพันธ์กับจำเลยทั้งก่อนและหลังตั้งครรภ์และคลอดบุตร อันแสดงว่าไม่ใช่เป็นการอยู่ด้วยกันอย่างลักลอบปกปิด กรณีต้องด้วยมาตรา 1529(4) ที่โจทก์จะฟ้องขอให้รับรองบุตรได้ ไม่จำเป็นต้องมีพฤติการณ์ถึงขนาดอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยาจริง ๆ แต่มิได้จดทะเบียนเท่านั้น
จำเลยมิได้ยกเป็นประเด็นต่อสู้ไว้ในคำให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและไม่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์จำเลยได้แสดงโดยเปิดเผยต่อลูกจ้างเพื่อนและลูกจ้างของโจทก์ ให้เห็นความสัมพันธ์ที่โจทก์จำเลยมีต่อกันฉันชู้สาว โจทก์ได้เล่าให้มารดาและเพื่อน ๆ ฟังถึงการได้เสียและความสัมพันธ์กับจำเลยทั้งก่อนและหลังตั้งครรภ์และคลอดบุตร อันแสดงว่าไม่ใช่เป็นการอยู่ด้วยกันอย่างลักลอบปกปิด กรณีต้องด้วยมาตรา 1529(4) ที่โจทก์จะฟ้องขอให้รับรองบุตรได้ ไม่จำเป็นต้องมีพฤติการณ์ถึงขนาดอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยาจริง ๆ แต่มิได้จดทะเบียนเท่านั้น