พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความ: จำเลยต้องแสดงเหตุแห่งการขาดอายุความในคำให้การอย่างชัดเจน มิใช่แค่กล่าวอ้าง
การที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความแม้จำเลยไม่จำต้องอ้างตัวบทกฎหมายว่าขาดอายุความตามบทมาตราใดก็ตามแต่จำเลยต้องให้การโดยแสดงเหตุแห่งการขาดอายุความให้ปรากฎว่าคดีโจทก์ขาดอายุความเมื่อใดนับแต่วันใดถึงวันฟ้องคดีขาดอายุความไปแล้วเมื่อจำเลยมิได้กล่าวถึงเหตุแห่งการขาดอายุความให้ปรากฎคำให้การของจำเลยจึง ไม่มี ประเด็นในเรื่อง อายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเหตุเปลี่ยนแปลงคำให้การในชั้นอุทธรณ์/ฎีกาหลังรับสารภาพ และการแก้ไขคำพิพากษาฐานก่นสร้างแผ้วถางป่า
ข้อเท็จจริงตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติเป็นเพียงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประวัติความเป็นไปและสิ่งแวดล้อมของจำเลยและพฤติการณ์แห่งคดีเพื่อศาลใช้ประกอบในการใช้ดุลยพินิจในการลงโทษจำเลยที่เหมาะสมยิ่งขึ้นเท่านั้นมิใช่นำมาใช้ในการวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่แต่อย่างใดเมื่อจำเลยที่1ให้การรับสารภาพต่อศาลชั้นต้นว่าได้กระทำผิดตามฟ้องแล้วจำเลยที่1จะยกเอาข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่1มิได้กระทำผิดขึ้นมาอ้างในชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ได้ให้การรับสารภาพไว้ดังกล่าวว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นหาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ สิทธิจำกัดเฉพาะการสาบานตนและซักค้านพยาน การรับฟังพยานหลักฐานอื่นจึงไม่ชอบ
เมื่อศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยมีสิทธิเพียงอ้างตนเองเป็นพยานกับซักค้านพยานโจทก์การที่จำเลยอ้างส่งเอกสารเป็นพยานแล้วศาลรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีสัญญาจ้างเหมา คำให้การต่อสู้เรื่องอายุความชอบด้วยกฎหมาย การนับอายุความเริ่มจากวันที่จำเลยไม่ชำระเงิน
จำเลยร่วมให้การว่าอายุความตามสัญญาที่ฟ้องมีกำหนด2ปีซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่2ธันวาคม2528โจทก์ไม่ฟ้องจำเลยร่วมภายในเวลาดังกล่าวฟ้องโจทก์ขาดอายุความดังนี้คำให้การของจำเลยร่วมได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความแล้วไม่จำต้องกล่าวว่าเหตุใดจึงมีอายุความ2ปีและอายุความเริ่มนับแต่เมื่อใดเพราะเป็นเพียงรายละเอียดซึ่งนำสืบในชั้นพิจารณาได้และเป็นหน้าที่ของศาลที่จะปรับบทตามกฎหมายคำให้การของจำเลยร่วมจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสอง โจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีหลังจากศาลชั้นต้นชี้สองสถานแล้วเมื่อจำเลยร่วมให้การต่อสู้เรื่องอายุความไว้การที่ศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทใหม่ในเรื่องอายุความตามข้อต่อสู้ของจำเลยร่วมและจำเลยร่วมไม่ได้คัดค้านจะถือว่าจำเลยร่วมพอใจในประเด็นข้อพิพาทเพียงเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เท่านั้นหาได้ไม่คดีมีประเด็นเรื่องอายุความการที่ศาลอุทธรณ์ยกอายุความขึ้นวินิจฉัยจึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น โจทก์ถมทรายงวดที่4ที่5เสร็จก่อนกำหนดเวลาส่งมอบตามสัญญาโจทก์จึงส่งมอบงานและส่งใบแจ้งหนี้แก่จำเลยร่วมลงวันที่1ธันวาคม2526ซึ่งจำเลยร่วมต้องชำระเงินภายใน3วันนับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้ตามข้อกำหนดในสัญญาแต่วันครบกำหนดคือวันที่4ธันวาคม2526เป็นวันอาทิตย์วันที่5เป็นวันหยุดราชการจำเลยร่วมจึงต้องชำระเงินภายในวันที่6ธันวาคม2526เมื่อจำเลยร่วมไม่ชำระโจทก์ย่อมเกิดสิทธิเรียกร้องบังคับได้อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่7ธันวาคม2526เป็นต้นไปเมื่อโจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีวันที่17มกราคม2529จึงเกิน2ปีคดีโจทก์ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9082/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกชำระหนี้จากเช็คพิพาท การต่อสู้คดี และการนำสืบนอกคำให้การ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ตามคำบรรยายฟ้องดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว จำเลยเองก็สามารถให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่เคยเป็นหนี้โจทก์ และลายมือชื่อในเช็คพิพาทเป็นลายมือชื่อปลอม จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยหาได้หลงต่อสู้ไม่ ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยเป็นหนี้โจทก์ และลายมือชื่อในเช็คเป็นลายมือชื่อปลอม ไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าเป็นหนี้โจทก์และชำระหนี้แล้วการที่จำเลยนำสืบว่าได้ชำระหนี้แล้ว จึงเป็นการนำสืบนอกคำให้การ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยเป็นหนี้โจทก์ และลายมือชื่อในเช็คเป็นลายมือชื่อปลอม ไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าเป็นหนี้โจทก์และชำระหนี้แล้วการที่จำเลยนำสืบว่าได้ชำระหนี้แล้ว จึงเป็นการนำสืบนอกคำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การ: จำเลยต้องทราบการฟ้องและมีเจตนาไม่ยื่น
คำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยอ้างว่าขณะที่มีการปิดสำเนาคำฟ้องที่ภูมิลำเนาของจำเลยนั้น จำเลยไปพักอาศัยอยู่กับบุตรที่ต่างจังหวัด การพิจารณาว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาให้ได้ความว่าจำเลยทราบว่าตนถูกฟ้องตามหมายเรียกให้ยื่นคำให้การแล้วไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ได้ทำการไต่สวนให้สิ้นกระแสความเสียก่อนเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตยื่นคำให้การและการไต่สวนข้อเท็จจริงว่าจำเลยทราบการถูกฟ้องหรือไม่ ศาลต้องไต่สวนก่อน
การที่จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การโดยอ้างว่าขณะที่มีการปิดสำเนาคำฟ้องที่ภูมิลำเนาของจำเลยจำเลยไปพักอาศัยอยู่กับบุตรที่ต่างจังหวัดนั้นยังไม่พอฟังว่าจำเลยจงใจจะไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดการที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ได้ไต่สวนให้ได้ความว่าจำเลยทราบว่าตนถูกฟ้องแล้วไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดก่อนจึงไม่ชอบและการที่ศาลอุทธรณ์ภาค1วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่งก็เป็นการไม่ชอบเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8277/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีเกินอายุความและการขัดแย้งคำให้การ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาในประเด็นนั้น
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับแต่วันที่ถูกจำเลยแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375นั้น เมื่อประเด็นดังกล่าวจำเลยไม่ได้ให้การไว้ อีกทั้งยังขัดกับคำให้การของจำเลยที่ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาในประเด็นข้อนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8269/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตยื่นคำให้การ และผลกระทบต่อการพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์และฎีกา
จำเลยไม่ยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ไป จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จึงขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จึงขออนุญาตยื่นคำให้การ ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จำเลยอุทธรณ์ทั้งคำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้น สำหรับคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การและยกคำร้องดังกล่าวเป็นคำสั่งตาม ป.วิ.พ.มาตรา 199 วรรคสอง และเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าว จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 226 (1) ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ และศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกอุทธรณ์คำสั่งนั้นเสียและวินิจฉัยอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลยต่อไป การที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลย แต่กลับไปวินิจฉัยถึงพฤติการณ์ของจำเลยว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและมีเหตุสมควรรับคำให้การของจำเลยไว้ การวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่นั่นเองคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาพิพากษา ถือว่าอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยในปัญหาที่ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาดังกล่าวตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย และเนื่องจากศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลย เพื่อให้การวินิจฉัยคดีเป็นไปตามลำดับชั้นศาล ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลยเสียก่อน เนื่องจากผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อาจเกี่ยวโยงไปถึงสิทธิในการฎีกาคดีนี้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8269/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การ และผลกระทบต่อการพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์
จำเลยไม่ยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ไป จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จึงขออนุญาตยื่นคำให้การศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จึงขออนุญาตยื่นคำให้การ ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จำเลยอุทธรณ์ทั้งคำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้น สำหรับคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การและยกคำร้องดังกล่าวเป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสองและเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าว จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226(1) ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ และศาลอุทธรณ์ไม่มี อำนาจพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกอุทธรณ์คำสั่งนั้นเสียและวินิจฉัยอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลยต่อไป การที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลย แต่กลับไปวินิจฉัยถึงพฤติการณ์ของจำเลยว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและมีเหตุสมควรรับคำให้การของจำเลยไว้ การวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่นั่นเองคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาพิพากษา ถือว่าอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยในปัญหาที่ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย และเนื่องจากศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลย เพื่อให้การวินิจฉัยคดีเป็นไปตามลำดับชั้นศาล ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลยเสียก่อนเนื่องจากผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อาจเกี่ยวโยงไปถึงสิทธิในการฎีกาคดีนี้ต่อไป