พบผลลัพธ์ทั้งหมด 304 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: ผู้เช่าซื้อมีสิทธิเลิกสัญญาเมื่อผู้ให้เช่าซื้อไม่แก้ไขข้อบกพร่องของทรัพย์สิน และสิทธิในการขอคืนเงินค่าเช่าซื้อ
แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 จะเป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้เช่าซื้อเลิกสัญญาในกรณีที่ไม่มีการผิดนัดสัญญา แต่เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อผิดสัญญาเพราะไม่จัดการแก้ไขให้ทรัพย์ที่ให้เช่าซื้ออยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ จำเลยก็มีสิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 ได้ เมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อใช้สิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 แล้ว การชำระหนี้อันเกิดแต่การเลิกสัญญามาตรา 392 บัญญัติให้เป็นไปตามมาตรา 369 และคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจึงต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา 391 โจทก์ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับคืนให้แก่จำเลยแต่เงินค่าเช่าซื้อมิใช่ราคาทรัพย์อย่างเดียว หากแต่เป็นค่าเช่ารวมอยู่ด้วย ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเช่าในระหว่างที่จำเลยครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์ที่เช่าซื้ออยู่ จึงต้องหักค่าเช่าออกจากจำนวนค่าเช่าซื้อที่ต้องคืนจำเลยให้โจทก์เสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2013/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงบัญชีซ้ำซ้อนและความรับผิดชอบในการคืนเงิน กรณีจำเลยนำเงินไปใช้ประโยชน์
จำเลยนำเช็คจำนวนเงิน 120,000 บาท เข้าฝากในบัญชีออมทรัพย์ที่ธนาคารโจทก์ โจทก์ลงบัญชีซ้ำอีกครั้งหนึ่ง รวมเป็นเงิน240,000 บาท จำเลยได้ถอนเงินออกจากบัญชีเหลือเพียง 57 บาท 32สตางค์ ดังนี้ โจทก์มีสิทธิเรียกเงิน 120,000 บาท คืนได้ กรณีเป็นเรื่องลงบัญชีซ้ำซ้อนเนื่องจากความพลั้งเผลอหาใช่เป็นการกระทำการตามอำเภอใจเหมือนหนึ่งว่าเพื่อชำระหนี้โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระหนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 407 ไม่ และการที่จำเลยปฏิเสธไม่คืนเงินให้แก่โจทก์ตามคำบอกกล่าว จำเลยจึงผิดนัดตาม ป.พ.พ. มาตรา 204 วรรคสอง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อและการบอกเลิกสัญญา: สิทธิในการคืนเงินและข้อจำกัดในการหักค่าเสียหาย
โจทก์ทำสัญญาจะโอนสิทธิการเช่าตึกแถวให้จำเลยเมื่อจำเลยชำระเงินค่าสิทธิการเช่างวดสุดท้ายแล้ว แต่จำเลยไม่ชำระเงินงวดสุดท้าย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาซึ่งก็ต้องให้จำเลยกลับคืนสู่ฐานะเดิมและต้องคืนเงินที่รับไว้แล้วให้แก่จำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิริบเงินจำนวนดังกล่าว จำเลยมีสิทธิฟ้องแย้งเรียกเงินจำนวนดังกล่าวได้ ค่าเสียหายที่โจทก์ขอให้นำมาหักจากเงินที่ต้องคืนให้แก่จำเลยเป็นค่าเสียหายที่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกจากจำเลยในคดีนี้ และมิได้ให้การแก้ฟ้องแย้งในเรื่องค่าเสียหายดังกล่าวและขอหักไว้ จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1915/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนรับฝากเช็คไม่ต้องรับผิดคืนเงิน หากมอบเงินให้ผู้ฝากแล้ว การคืนลาภมิควรได้คิดดอกเบี้ยจากวันฟ้อง
ผู้รับฝากเช็คไปเบิกเงินแทนแม้เป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือก็มิใช่ผู้ทรง เป็นเพียงตัวแทนรับฝากเช็คไปเบิกเงินเท่านั้น
การคืนลาภมิควรได้ซึ่งเป็นเงินในกรณีที่รับไว้โดยสุจริตนั้น จะต้องคืนเพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412 การคิดดอกเบี้ยจึงเริ่มคิดคำนวณตั้งแต่วันฟ้องซึ่งเป็นเวลาในขณะที่โจทก์เรียกคืนเป็นต้นไป.(ที่มา-ส่งเสริม)
การคืนลาภมิควรได้ซึ่งเป็นเงินในกรณีที่รับไว้โดยสุจริตนั้น จะต้องคืนเพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412 การคิดดอกเบี้ยจึงเริ่มคิดคำนวณตั้งแต่วันฟ้องซึ่งเป็นเวลาในขณะที่โจทก์เรียกคืนเป็นต้นไป.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินค่าเสียหายที่วางศาลเมื่อศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา ศาลชอบที่จะคืนเงินโดยไม่รอคดีถึงที่สุด
เงินค่าเสียหายที่จำเลยผู้แพ้คดีในศาลชั้นต้นวางศาลเพื่อใช้หนี้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในระหว่างอุทธรณ์นั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น เหตุแห่งการวางเงินย่อมหมดสิ้นไป ศาลชอบที่จะคืนเงินจำนวนที่วางคืนแก่จำเลยโดยไม่จำต้องรอให้คดีถึงที่สุด.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2965/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสภาพที่ดิน: สิทธิเลิกสัญญาและการคืนเงิน
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมี น.ส.3 จาก จ. บิดาจำเลยโดยเชื่อตามที่ จ. บอกว่าที่ดินอยู่ใกล้โรงงาน และติดถนนตามแผนที่ที่แสดงให้ดูเมื่อปรากฏว่าที่ดินมิได้อยู่ติดถนนจ. จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ไม่สามารถส่งมอบที่ดินตามที่ตกลงจะขายให้โจทก์และโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของ จ. จึงต้องคืนเงินมัดจำ และราคาที่ดินที่ได้รับไว้พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2965/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสภาพที่ดิน: สัญญาจะซื้อขายเป็นโมฆะ ผู้ขายต้องคืนเงิน
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมี น.ส.3 จาก จ. บิดาจำเลยโดยเชื่อตามที่ จ. บอกว่าที่ดินอยู่ใกล้โรงงาน และติดถนนตามแผนที่ที่แสดงให้ดูเมื่อปรากฏว่าที่ดินมิได้อยู่ติดถนนจ. จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ไม่สามารถส่งมอบที่ดินตามที่ตกลงจะขายให้โจทก์และโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของ จ. จึงต้องคืนเงินมัดจำ และราคาที่ดินที่ได้รับไว้พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2644/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ผิดแปลงในการบังคับคดี ทำให้การขายทอดตลาดไม่ชอบ ศาลมีคำสั่งยกเลิกและคืนเงินให้ผู้ประมูล
ที่ดินตาม ส.ค.1 ที่โจทก์นำยึดมาขายทอดตลาดปรากฏว่าจำเลยได้ขอออกโฉนดไปแล้ว และได้มีการโอนขายต่อไปอีกหลายทอด ส่วนที่ดินที่โจทก์นำชี้ให้ยึดและนำออกขายทอดตลาดอยู่ถัดมาทางทิศใต้ของที่ดินตาม ส.ค.1 ที่โจทก์นำยึดและเป็นที่ดินของผู้อื่น กรณีจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้ชี้และให้ยึดที่ดินผิดแปลง ดังนั้นการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวจึงเป็นการขายที่ดินที่จำเลยไม่เคยมีสิทธิครอบครองและเมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินนี้ได้จากการขายทอดตลาดได้ยื่นคำร้องแสดงเจตนาขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดและขอให้คืนเงินแก่ผู้ร้อง ไม่ได้ขออ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 การที่ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาดและคืนเงินแก่ผู้ร้องจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2644/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ผิดแปลง การขายทอดตลาดที่ไม่ชอบ และสิทธิในการขอคืนเงินของผู้ประมูลซื้อ
ที่ดินตาม ส.ค.1 ที่โจทก์นำยึดมาขายทอดตลาดปรากฏว่าจำเลยได้ขอออกโฉนดไปแล้ว และได้มีการโอนขายต่อไปอีกหลายทอดส่วนที่ดินที่โจทก์นำชี้ให้ยึดและนำออกขายทอดตลาดอยู่ถัดมาทางทิศใต้ของที่ดินตาม ส.ค.1 ที่โจทก์นำยึดและเป็นที่ดินของผู้อื่น กรณีจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้ชี้และให้ยึดที่ดินผิดแปลง ดังนั้นการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวจึงเป็นการขายที่ดินที่จำเลยไม่เคยมีสิทธิครอบครองและเมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินนี้ได้จากการขายทอดตลาดได้ยื่นคำร้องแสดงเจตนาขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดและขอให้คืนเงินแก่ผู้ร้อง ไม่ได้ขออ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 การที่ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาดและคืนเงินแก่ผู้ร้องจึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2448/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทำของล่าช้า ผู้ว่าจ้างมีสิทธิลดหย่อนค่าจ้างได้ มิใช่เรียกคืนทั้งหมด
โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้ขอใบอนุญาตแสดงดนตรีเกินสองชิ้นในสถานบริการแก่โจทก์ในราคาสินจ้าง 70,000 บาท จำเลยรับสินจ้างไปล่วงหน้าแล้วกำหนดจะมอบใบอนุญาตหรือคืนเงินให้โจทก์ภายในวันที่ 10 เมษายน 2525 จำเลยได้ปฏิบัติตามสัญญาจ้างด้วยความรู้ความสามารถของจำเลย แต่ผลงานของจำเลยสำเร็จล่าช้าไม่ทันเวลาที่ได้กำหนดไว้ในสัญญา ดังนี้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างชอบที่จะได้ลดสินจ้างลง มิใช่รับสินจ้างคืนทั้งหมด.